หลังจากที่ซ่งรั่วอวิ้นจากไปไม่นานนัก เวินหนิงก็ให้เหอจื่ออันเข้ามาหา
เธอและเหอจื่ออันคอยปรึกษากันและกันในเรื่องที่เกี่ยวกับแม่มาโดยตลอด ดังนั้นหลังจากที่รู้เรื่องว่าความสอดคล้องเนื้อเยื่อของหยงซือเหม่ยกับแม่ไม่ตรงกัน เวินหนิงก็บอกเขาทันทีที่ทราบถึงเรื่องนี้
“จื่ออัน ช่วยฉันทำการตรวจสอบดีเอ็นเอความเป็นแม่ลูกของหยงซือเหม่ยกับแม่ได้ไหม”
ตอนแรกเพราะว่าเนื้อเยื่อสอดคล้องเข้ากันได้ เวินหนิงเลยไม่ได้ทำเรื่องนี้ไป ในเมื่อการที่คนแปลกหน้าสามารถปลูกถ่ายไขกระดูกให้กันได้มีความเป็นไปได้น้อยมา ดังนั้นเธอก็เลยนึกว่าหยงซือเหม่ยคือเด็กทารกคนที่โดนสลับตัวไปในตอนแรกนั้น
ตอนนี้เมื่อมาคิดดูแล้ว ดูท่าแล้วจะมีอะไรคลาดเคลื่อน
สิ่งนี้จึงทำให้เวินหนิงตัดสินใจอย่างเงียบๆ ว่า เดิมที ถ้าหากว่าหยงซือเหม่ยเป็นลูกสาวแท้ๆ ของไป๋หลินยวี่ การที่เวินหนิงคิดที่จะทำอะไรก็ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ในเมื่อเธอไม่อยากที่จะทำร้ายเลือดเนื้อเชื้อไขของไป๋หลินยวี่
แต่ถ้าหากว่าเดิมทีแล้วหยงซือเหม่ยไม่ใช่ลูกสาวของไป๋หลินยวี่ เวินหนิงก็จะคิดบัญชีที่เธอได้วางยาเด็กทั้งสองคนไว้อย่างแน่นอน
“มีอะไรเหรอ
หรือว่าเธอเจอเรื่องอะไรใหม่ๆ เข้า”
เหอจื่ออันไม่เข้าใจเล็กน้อย
เวินหนิงพยักหน้า แล้วเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้ฟัง อีกทั้งยังส่งผลการตรวจร่างกายที่ซ่งรั่วอวิ้นเอามาด้วยส่งไปให้เหอจื่ออันอ่านดู
“ฉันสงสัยว่า หยงซือเหม่ยไม่ใช่เด็กผู้หญิงที่ถูกสลับตัวไปในตอนแรก........”
เหอจื่ออันมองดูเอกสารนี้ แล้วเว้นไปช่วงระยะเวลาหนึ่งเพราะไม่รู้ว่าควรเอ่ยอะไรออกมา ไม่คิดเลยว่าหยงซือเหม่ยจะมาโกหกกันได้
งั้นก็หมายความว่า เวินหนิงก็ไม่จำเป็นที่จะต้องทำตามที่ตกลงกันไว้แต่แรกกับหยงซือเหม่ยแล้ว และก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเลิกกับลู่จิ้นยวนแล้วอีกต่อไป
เมื่อคิดได้ดังว่า เหอจื่ออันก็อดที่จะกำผลการตรวจร่างกายในมือจนแน่นไม่ได้
“จื่ออัน นายเป็นอะไรไป”
เวินหนิงเห็นว่าเหอจื่ออันทีท่าทางผิดปกติไป จึงเอ่ยถามด้วยความห่วงใย
“ไม่มีอะไร ฉันจะให้คนรีบมาตรวจสอบเรื่องนี้ดูนะ”
เหอจื่ออันดูความห่วงใยของเวินหนิงที่ได้มอบมาให้ ก็อดที่จะก้มหน้าลงต่ำไม่ได้
เขากลับมีความรู้สึกที่ไม่กล้ามองเข้าไปในดวงตาคู่นั้นของเวินหนิงขึ้นมา มองดูความห่วงใยและเชื่อมั่นอย่างเต็มเปี่ยมนั้นของเธอ ทำให้จิตใจของเขาไม่สงบขึ้นมา
ทั้งสองคุยกันอย่างจริงจังมาก ต่างคนจึงไม่มีใครสังเกตได้ว่าคำพูดที่ทั้งสองคนคุยกันนั้นถูกซ่งรั่วอวิ้นได้ยินเข้าอย่างชัดเจนไม่มีตกหล่น
ซ่งรั่วอวิ้นเป็นคนฉลาด ได้ยินทั้งสองคนพูดคุยกันถึงเรื่องสลับตัวเด็กทารกขึ้นมา การตรวจสอบดีเอ็นเอหาความเป็นแม่ลูก ทันใดนั้นก็เข้าใจอย่างกระจ่างแจ้งถึงเรื่องราว
หรือว่าบางที ตอนแรกเวินหนิงกับเด็กผู้หญิงอีกคนจะถูกสลับตัวอุ้มไปผิดคน และเบาะแสที่พวกเขาหาเจอก็คือหยงซือเหม่ย ถึงได้ยอมเดินทางไปไกลเป็นพันลี้เพื่อที่จะไปจิงเฉิง
เพียงแต่ไม่คิดเลยว่า คนที่มีความสอดคล้องของเนื้อเยื่อจะเป็นตัวเธอเอง
นี่เป็นความบังเอิญอะไรกัน และเป็นความผิดพลาดอย่างไม่คาดคิดแบบไหนกัน
ใจของซ่งรั่วอวิ้นสับสนปั่นป่วนไปชั่วขณะ แต่นอกจากนั้นแล้ว ยังมีความรู้สึกตื่นเต้นเจือมาด้วย
บางที ไป๋หลินยวี่อาจจะเป็นแม่แท้ๆ ที่ตนตามหามานานแสนนานก็ได้
ถ้าพูดตามนี้ ก็มีโอกาสสูงมาที่หลังจากเด็กสองคนถูกอุ้มผิดจนสลับตัวกัน คนตระกูลนั้นรู้เรื่องว่ามีอะไรไม่ถูกต้องถึงได้ทอดทิ้งเธอไป
งั้นเธอก็ไม่ใช่เด็กกำพร้าที่ไม่มีใครต้องการแล้วน่ะสิ
ทันทีที่คิดได้ดังว่า ซ่งรั่วอวิ้นก็ตื่นเต้นเสียจนร่างกายสั่นระริกขึ้นมาเล็กน้อย เธอล้มเลิกที่จะไปหาความเห็นจากเวินหนิง แล้วหมุนตัวกลับไปหาคุณหมอที่ทำการตรวจสอบหาความเข้ากันได้ของเนื้อเยื่อเมื่อสักครู่นี้
“คุณหมอ ฉันมีเรื่องที่จะขอร้องคุณหมอเรื่องหนึ่งค่ะ.......ช่วยฉันตรวจสอบดีเอ็นเอหาความเป็นแม่ลูกกับผู้ป่วยคนนั้นได้ไหมคะ เรื่องนี้สำคัญกับฉันมาจริงๆ ค่ะ”
เนื่องจากว่าทั้งสองคนพึ่งที่จะทำการเจาะเลือดมา ดังนั้นถ้าหากว่าต้องการที่จะทำการตรวจสอบดีเอ็นเอ ก็สามารถทำได้พอดีเลย
“เรื่องการตรวจสอบดีเอ็นเอ จำเป็นต้องได้รับความยินยอมจากทั้งสองฝ่าย หมอไม่สามารถเอาเลือดของคนไข้มาทำการตรวจสอบให้คุณได้หรอกนะ”
“คุณหมอคะ ฉันรู้ว่าเรื่องนี้มันเป็นการยากที่จะฝืนใจกัน แต่ว่า ตั้งแต่เด็กฉันก็เป็นเด็กกำพร้า คอยตามหาแม่แท้ๆ ของตัวเองมาโดยตลอด ขอร้องล่ะค่ะคุณหมอ ช่วยฉันด้วยเถอะค่ะ.......”
ได้ยินคำร้องขออ้อนวอนที่ละทิ้งซึ่งศักดิ์ศรีเช่นนี้ของซ่งรั่วอวิ้น จิตใจของคุณหมอเองก็ทนต่ออีกไม่ไหว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ่วงแค้นแสนรัก