เวินหนิงเงยหน้าอย่างประหลาดใจ "เกี่ยวอะไรกับเธอ?"
พูดจบ เธอก็ถือกระเป๋าแล้วเดินออกไป
เวินหลานมองตามแผ่นหลังเธอแล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย จากนั้นเธอก็เดินไปท่ามกลางผู้คนแล้วทำตัวกระวนกระวาย "ตายแล้ว สร้อยที่ผู้สนับสนุนให้หายไป!"
เมื่อผู้คนได้ยินว่าของหาย ก็หันมองมา
สร้อยคอบนตัวเวินหลาน ราคาหลายร้อยล้าน ไม่ใช่เพราะอัญมณีที่แพง แต่เป็นเพราะนี้เป็นผลงานชิ้นสุดท้ายที่คนออกแบบทำ ถือว่าเป็นตำนาน เพราะฉะนั้น มูลค่าในการเก็บสะสมไว้มีค่ามากกว่าอัญมณี
"นี่เป็นผลงานชิ้นสุดท้ายของมิสเตอร์สตีเฟ่น ถ้าหายไป……" เวินหลานกุมหน้าไว้ทำท่าทางเสียใจแล้วมีน้ำตาไหลออกมา
เมื่อทักคนเห็นว่าเธอเสียใจกับของที่หายไป ก็ลืมภาพลักษณ์ที่ไม่ดีของเธอไป แล้วรีบเรียกผู้รักษาความปลอดภัยมาช่วยหาสร้อยในงานเลี้ยง
งานเลี้ยงก็ถูกคุมเข้มอย่างรวดเร็ว ให้แค่เข้า ห้ามออก
จากนั้นก็ทำให้ผู้คนเริ่มลำบากใจ บอกจะตามหาสร้อยคอนั่นแต่จะหายังไงนี่แหละปัญหา คนที่อยู่ที่นี่เป็นคนที่มีฐานะชื่อเสียง จะค้นตัวก็ไม่ได้
เวินหลานร้องไห้ไปสักพัก พอคนเริ่มสนใจเรื่องนี้ก็ค่อนเงยหน้าขึ้น "เมื่อกี้ที่ฉันไปห้องน้ำกลัวว่าสร้อยคอจะเปียกเลยถอดลงมา คงจะหายไปตอนนั้น"
เวินหนิงได้ยินคำพูดนี้ก็รู้สึกแปลกใจ แล้วใช้มือคลำหาของในกระเป๋า มีของที่ไม่ใช่ของเธอแตะมือเธอ……
ต้องเป็นตอนที่เธอจัดส้นสูงที่ห้องน้ำเมื่อกี้แน่ แล้วเวินหลานก็แอบใส่เข้ามา!
สีหน้าของเวินหนิงซีดไป เธอค่อยเข้าใจว่าทำไมเมื่อกี้เวินหลานต้องมาคุยกับเธอ แต่รู้สึกตัวตอนนี้ก็คงจะช้าไป
ไม่นานก็มีคนชี้มาที่เธอ "เมื่อกี้เหมือนคุณผู้หญิงคนนี้ไปที่ห้องน้ำ เวลาตรงกัน"
ผู้หญิงที่เคยไปห้องน้ำเมื่อกี้ก็เปิดกระเป๋าให้คนมาค้นดู แต่เวินหนิงรู้ว่าไม่ว่ายังไงเธอก็เปิดกระเป๋าไม่ได้แน่นอน ถ้างั้นคง……
ไม่มีใครเชื่อว่าเธอโปร่งใสแน่นอน!
คำปฏิเสธของเวินหนิง ในสายตาของผู้คนเหมือนกำลังยอมรับ
"ดูเป็นผู้ดี แต่ทำไมขโมยของ"
"หรือว่าบนตัวเธอมีของที่ขโมยมา?"
เสียงซุบซิบดังขึ้น สายตาที่น่ารังเกียจแบบนั้นทำให้เวินหนิงใจสั่น เหมือนวันแรกที่กลับมาแล้วถูกคนเข้าใจผิดว่าเป็นมือที่สาม
"ฉันไม่ได้ขโมยของ" เวินหนิงขยับถอยหลังไป ในสายตามีทั้งสิ้นหวังแล้วก็ความโกรธ
เวินหลานจะใส่ร้ายเธอขนาดไหนถึงจะพอใจ?
"ถ้าเธอไม่ได้ขโมย ก็ให้พวกเราดูในกระเป๋าว่ามีหรือเปล่าก็จบ"
พูดไปด้วยก็มีคนมาแย่งกระเป๋าถือในมือเวินหนิง เวินหนิงจับไว้แน่น ทั้งสองก็ตรึงเครียดอยู่ ตอนที่กระเป๋าของเธอจะถูกแย่งไปก็มีเสียงผู้ชายเยือกเย็นดังขึ้น
"นี่กำลังทำอะไร? ดูครึกครื้นกันมาก"
เวินหลานกลืนคำพูดที่ไม่ควรพูดไปแล้วมองไปทางลู่จิ้นยวน ถึงจะกลัวแต่เธอเชื่อว่าลู่จิ้นยวนไม่ใช่คนที่ไม่มีเหตุผลขนาดนั้น
"หา ก็ต้องหาอยู่แล้ว" ลู่จิ้นยวนเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง "ในเมื่อจะหา คุณก็ไปดูกล้องวงจร ไม่แน่คุณหนูเวินอาจจะลืมไว้ที่ไหนสักที่"
คำพูดของลู่จิ้นยวนพูดอย่างหนักแน่น เหมือนว่าเขาแน่ใจแล้วอย่างงั้น
คนอื่นได้ยินก็รู้สึกสมเหตุสมผลแล้วเอ่ย "งั้นก็รีบไปเช็คกล้องวงจรปิด"
"ในเมื่อคุณหนูเวินคิดว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับพนักงานของบริษัทลู่ งั้นผมก็จะรับผิดชอบแล้วจัดการเรื่องนี้เอง ขอให้ทุกท่านอยู่ที่นี่ก่อน อย่าเพิ่งใจร้อน" ลู่จิ้นยวนเอ่ยกับทุกคน เมื่อเห็นว่าเขารับเรื่องนี้ไว้คนอื่นก็ไม่อยากยุ่งอีก ควรทำอะไรก็แยกย้ายไปทำ
ลู่จิ้นยวนพาเวินหนิงไปที่ห้องกล้องวงจรปิด แล้วเวินหลานก็ตามมาอย่างไม่เต็มใจ
เวินหลานอดไม่ได้ที่จะพึมพำในใจ ลู่จิ้นยวนมาตอนไหนไม่มา ถ้ามาช้าอีกนิด เธอก็คงโยนความผิดไปให้เวินหนิง แล้วเธอก็จะไม่มีวันเงยหน้าขึ้นอีก
"เดี๋ยวก่อน" เวินหนิงตามหลังลู่จิ้นยวนอยู่ พอเห็นว่าไม่มีคนก็เลยดึงชายเสื้อเขาไว้ "สร้อยคอเธออยู่ในกระเป๋าฉัน เธอแอบใส่เข้ามาตอนที่ฉันก้มจัดรองเท้าในห้องน้ำ ในนั้นไม่มีกล้องวงจรแน่นอน"
วินาทีนี้เวินหนิงรู้สึกชื่นชมกับการกระทำของเวินหลานมาก จงใจหาที่ที่ไม่มีกล้องวงจร ถ้าเมื่อกี้ไม่ใช่เพราะลู่จิ้นยวน เธอคงอธิบายแก้ตัวไม่ได้
"เธอเคยแตะของในนั้นหรือเปล่า?" ลู่จิ้นยวนขมวดคิ้วแล้วมองไปทางเวินหลานที่เดินตามมาข้างหลัง
"ไม่" เวินหนิงส่ายหัว
"ไว้ใจเถอะ เรื่องนี้ผมจัดการเอง"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ่วงแค้นแสนรัก