คิดถึงตรงนี้ หลิวเมิ่งเซวี่ยก็กำมือแน่นจนเล็บจิกเข้ากับฝ่ามือจนเป็นรอย ก่อนจะมองไปยันมุมที่เวินหนิงยืนอยู่ด้วยสายตาเครียดแค้น
หลังจากที่ลู่จิ้นยวนติดต่อคนข้างนอกได้แล้ว พนักงานซ่อมบำรุงก็รีบมาทันที คนที่ติดอยู่ในลิฟต์คือลู่จิ้นยวน จะให้ติดอยู่นานได้ยังไงกัน ชักช้าอาจถูกลงโทษได้
ดังนั้น ลิฟต์จึงซ่อมเสร็จภายในเวลาไม่นาน
ไฟค่อยๆสว่างขึ้น ลู่จิ้นยวนปรายตามองไปทางเวินหนิงแวบหนึ่ง อาจเพราะตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้สีหน้าเธอดูซีดขาว ริมฝีปากทีปกติจะเป็นสีอมชมพูก็ดูซีดเซียวลง มือเธอกุมอยู่บนท้องน้อยแน่น สีหน้าดูตึงเครียด
เธอแคร์เด็กคนนี้มากขนาดนี้เลยเหรอ?
ลู่จิ้นยวนรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันที มองไปที่สองสาวแวบหนึ่งก่อนจะวางตัวสุขุมเหมือนเดิม "พวกเธอออกไปก่อน"
เวินหนิงพยักหน้ารับ กำลังจะเดินออกไป แต่เกิดเข่าอ่อนยวบขึ้น เกือบล้มลงไปกองอยู่กับพื้น ถ้าไม่ใช่เพราะลู่จิ้นยวนสายตาไวพอจึงเข้ามารับเธอไว้ทัน
"ขอบคุณค่ะ ฉันไม่ทันได้ดูทาง"
เวินหนิงรีบกล่าวขอบคุณ อาจเป็นเพราะมีลูก เดี๋ยวนี้เธอจึงไม่เข้มแข็งเหมือนเมื่อก่อน แค่ติดอยู่ในลิฟต์แค่นี้ ก็ทำให้เธอตื่นตกใจแทบแย่
แต่เวินหนิงก็รู้สึกแปลกใจไม่น้อย ที่ลู่จิ้นยวนเข้ามาประคองเธอ เขาเกลียดเด็กในท้องเธอมากไม่ใช่เหรอ?
"ระวังตัวด้วย" ลู่จิ้นยวนหงุดหงิด มันเป็นปฏิกิริยาตอบสนองอัตโนมัติโดยที่เขาไม่รู้ตัว พอตั้งสติได้เขาจึงดูประหลาดนัก
ไอ้ลูกไม่มีพ่อ ก็แท้งไปสิ ไม่เกี่ยวอะไรกับเขาซะหน่อย?
หลิวเมิ่งเซวี่ยมองดูความสัมพันธ์ของทั้งสองแล้ว ในใจก็เข้าใจอะไรขึ้นมา
หลิวเมิ่งเซวี่ยไม่อยากเห็นภาพที่ลู่จิ้นยวนประคองเวินหนิงไว้แบบนั้น จึงทำเป็นมีน้ำใจแทรกตัวเข้าไปด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม "เวินหนิงไม่สบายแบบนี้ ให้ฉันประคองเธอออกไปดีกว่าค่ะ ท่านประธานลู่ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ"
พูดเสร็จก็ประคองเวินหนิงเดินออกไปทันที
เวินหนิงรู้สึกแปลกใจกับท่าทีที่เป็นมิตรขึ้นมาอย่างทันด่วนของหลิวเมิ่งเซวี่ย แต่เพราะเมื่อครู่เธอตกใจจนมีอาการปวดท้องน้อย และรู้สึกไม่สบายตัว เลยไม่ได้ปฏิเสธความช่วยเหลือจากหลิวเมิ่งเซวี่ย
"ประธานลู่ดูจะเป็นห่วงเป็นใยเธอมากนะ"
หลิวเมิ่งเซวี่ยพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่พยายามเก็บความเจ็บใจไว้ในใจ
"ก็ไม่นะ ก็แค่......เขาคงเห็นว่าสีหน้าฉันดูไม่ดีเท่าไหร่ กลัวว่าฉันจะเป็นอะไรขึ้นมา เพราะถ้ามีอะไรเกิดขึ้นที่บริษัทฯ เป็นข่าวออกไปคงไม่เป็นผลดีเท่าไหร่"
เวินหนิงรีบปฏิเสธ เหมือนกลัวว่าคนอื่นจะเข้าใจผิด
หลิวเมิ่งเซวี่ยไม่ได้พูดอะไรต่อ เธอประคองเวินหนิงมาส่งถึงที่ ก่อนจะพูดขึ้น "ฉันอาจยังไม่เข้าใจอะไรหลายอย่าง ต่อไปต้องรบกวนเธอช่วยแนะนำด้วยนะ"
เวินหนิงเห็นเธอพูดอย่างนอบน้อม จึงพยักหน้าตอบรับ
...............
หลังจากนั้น หลิวเมิ่งเซวี่ยมีอะไรก็จะไปหาเฉินหนิง
และเพราะเวินหนิงเข้าใจความรู้สึกของการถูกคนอื่นดูถูกในที่ทำงานมันเป็นยังไง เธอจึงไม่เคยปิดบังอะไรหลิวเมิ่งเซวี่ย พยายามช่วยเหลือเธอทุกอย่างเพื่อให้เธอปรับตัวกับการทำงานที่นี่ให้ได้
ยังไงแล้วหลิวเมิ่งเซวี่ยก็เป็นเด็กนักศึกษาที่ต้องทำงานส่งตัวเองเรียนคนหนึ่ง สำหรับคนที่เจอสถานการณ์ลำบากเหมือนกันแล้ว เธอก็ค่อนข้างจะเข้าใจและเห็นอกเห็นใจเป็นพิเศษ
ไม่นานทั้งสองก็สนิทสนมกันมากขึ้น
ในเย็นวันศุกร์ หลังเลิกงาน ขณะที่เวินหนิงกำลังจะออกจากบริษัทฯ หลิวเมิ่งเซวี่ยก็เดินมาคล้องแขนเธอไว้ "เวินหนิง ช่วงนี้เธอช่วยสอนงานฉันมากมาย จนฉันไม่รู้จะตอบแทนเธอยังไงแล้ว พ่อกับแม่บอกว่าให้ชวนเธอไปกินข้าวที่บ้านสักมื้อ วันนี้เธอพอมีเวลามั้ย?"
เวินหนิงลังเลเล็กน้อย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ่วงแค้นแสนรัก