อันที่จริงน้ำหนักหนึ่งร้อยโลนั้นหนักพออยู่แล้ว และตอนนี้ก็เพิ่มขึ้นเป็นสองร้อยห้าสิบโล แล้วยังจะปีนข้ามสิ่งกีดขวางได้อย่างไร?
บอกตามตรงว่า สมรรถภาพทางกายของนักสู้เหล่านี้แข็งแกร่งเพียงพอ และหากพวกเขาเป็นคนธรรมดา ไม่ต้องพูดถึงการถ่วงน้ำหนักที่จะปีนข้ามไป แม้ว่าจะให้พวกเขาหยิบสิ่งของที่มีน้ำหนักสองร้อยห้าสิบโลขึ้นมาก็คงทำไม่ได้หรอก
นี่ไม่ใช่การฝึกแล้ว มันเป็นการทรมานอย่างเห็นได้ชัด!
มันยังไม่จบเพียงเท่านี้
กลุ่มที่สอง สองต่อสอง แข่งขันกันเอง
รูปแบบการฝึกที่ธรรมดามากๆ เหมือนกัน ปัญหาคือ โดยทั่วไปแล้ว ทุกคนจะหยุดเมื่อพอประมาณ เพราะยังไงมันก็คือการฝึกไม่ใช่การฆ่าศัตรูจริงๆ
แต่การต่อสู้ในที่เกิดเหตุแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
เหลยห้าวขอให้พวกเขา 'ต่อสู้กับดาบปลายปืน' จะต้องใช้กำลังทั้งหมดในการต่อสู้กับคู่ต่อสู้ เป็นการดีที่สุดที่จะฆ่าคู่ต่อสู้ให้ตายได้!
การต่อสู้ในที่เกิดเหตุนองเลือดและรุนแรงมาก
เหลยห้าวยังกล่าวอย่างภาคภูมิใจว่า "ผมจำได้มีคนเคยกล่าวไว้ว่า ทิเบตันมาสทิฟก็คือหลังจากฆ่าเพื่อนทั้งหมดให้ตาย ตัวสุดท้ายที่เหลืออยู่จะเป็นตัวที่แข็งแกร่งที่สุด ผมให้พวกเขาต่อสู้กันจนตาย และคนที่รอดชีวิตได้จะแข็งแกร่งมากที่สุด และยอดเยี่ยมที่สุด! "
เจียงชื่อรู้สึกโกรธมาก
นี่มันเหตุผลบ้าบออะไรกัน?
ถ้าใช้วิธีฝึกแบบนี้อีกไม่กี่ครั้ง ยังจะเหลือกี่คนที่มีชีวิตอยู่? นี่ไม่ใช่เรื่องเหลวไหลเหรอ?
สิ่งที่น่าโกรธมากที่สุดก็คือกลุ่มที่สาม----คลานไปข้างหน้า
วิธีฝึกที่ดูเหมือนจะง่ายที่สุด กลับมีความยากลำบากที่น่ากลัวที่สุด
มือและเท้าของทหารแต่ละคนถูกมัดด้วยถุงตะกั่ว ซึ่งหนักมาก ส่งผลต่อความเร็วในการคลานของทหารอย่างมาก และกระทั่งยังให้พวกเขาคลานไปในโคลนเปียกที่เป็นโคลน
มีตาข่ายอยู่ด้านบน และมีใบมีดหลายแบบในตาข่าย ซึ่งมีความคมมาก หากไม่ระวังเพียงเล็กน้อยก็จะทำให้เป็นแผลขนาดใหญ่ได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนักรบท้าโลก
บทที่ 1 2 3 หาย...