ประโยคนี้เหมือนน้ำเย็นๆ สาดใส่ความเป็นมิตรของชายในงาน
อันที่จริง หลายปีผ่านไป ทุกคนเข้าใจดีว่า ติงเมิ่งเหยนคงเป็นฝั่งเป็นฝาแล้ว แต่งานรวมรุ่น เป็นโอกาสที่จะสร้างความสั่นคลอน และฉวยโอกาสไม่ใช่เหรอ
ถึงจะสร้างความสั่นคลอนไม่ได้ แต่แอบทำอะไรนิดน้อยก็ยังดี
เป้าหมายของทุกคนค่อนข้างเหมือนกัน
แต่ใครจะไปคิดว่าติงเมิ่งเหยนจะพาสามีมาด้วย นี่ทำให้พวกเขาไม่สบอารมณ์
จงเถา หนึ่งในผู้ชายพวกนั้นพูดอย่างหงุดหงิด "อ้อ งั้นนายก็ไม่ใช่เพื่อนเรานิ ในเมื่อไม่ใช่ ก็ออกไปก่อนสักครู่ ฉันไม่อยากเห็นคนแปลกหน้า ในงานเลี้ยงรุ่น มันทำให้เราคุยกันไม่สะดวก"
จงเถา เป็นหัวหน้าตอนม.ปลาย สมัยเรียนชอบทำเป็นวางฟอร์ม เมื่อได้ทำงาน เขาเป็นหัวหน้าตำแหน่งเล็กๆ ในบริษัทมหาชนจำกัดแห่งหนึ่ง ทำให้เขายิ่งวางฟอร์มเข้าไปใหญ่
ดังนั้นเขาจึงพูดตรงๆ เมื่อเจอกับคนที่สู้ตัวเองไม่ได้ เขาใช้น้ำเสียงเย็นชา และท่าทีนักเลง
เพื่อนผู้ชายคนอื่นมองเจียงชื่ออย่างสะใจ
โดนพูดใส่แบบนี้ ว่ากันตามเหตุผล คงไม่มีหน้าอยู่ต่อแล้วสินะ
เป็นไปตามคาด เจียงชื่อยักไหล่ และพูดเนิบๆ ว่า "งั้นผมไปก่อน"
เพื่อนผู้ชายในงานต่างพากันยิ้มอย่างพอใจ
เอาเสี้ยนหนามออกไป จะได้จัดการเมิ่งเหยนได้สะดวก......
หา?
ไม่รอให้พวกเขาได้ดีใจ เจียงชื่อจูงมือติงเมิ่งเหยนเดินออกไป! ผู้ชายในงานพากันตกใจ
นายไปไม่เป็นไร แต่ต้องให้ติงเมิ่งเหยนอยู่ที่นี่!
โดยเฉพาะจงเถา เขาแอบรักติงเมิ่งเหยนสมัยเรียน เขามาที่นี่เพราะเมิ่งเหยน ถ้าเธอไปแล้ว เขาจะอยู่ทานข้าวต่อทำไมอีกล่ะ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนักรบท้าโลก
บทที่ 1 2 3 หาย...