มู่หยางอีชี้มาที่เขาแล้วพูดว่า "ถังแหวนโม่ ตอนนี้ผมจะให้เวลาคุณยี่สิบนาที ไปรับคนบ้านตระกูลติงกลับมาอย่างสวัสดิภาพ และทำการขอโทษพวกเขาด้วย"
"จากนั้น คุณก็ไปยื่นหนังสือกับผู้บัญชาการฝ่ายตะวันออกของจ้านยู่ซะ บอกว่าจะขอลาออก"
ถังแหวนโม่งหนักเลยทีนี้
นี่มันเรื่องอะไรกัน?
แค่ให้เขาไปรับคนบ้านตระกูลติงกลับมายังพอว่า นี่ถึงขั้นบอกให้เขาลาออก ตกลงกำลังล้อเล่นกับเขาอยู่ใช่มั้ยเนี่ย?
"เดี๋ยวนะ ท่านผบ.มู่ โทษในครั้งนี้มันไม่หนักไปหน่อยเหรอครับ?"
"ฮึๆ หนักอย่างนั้นเหรอ?" มู่หยางอีพูดออกมาอย่างเย็นชา "เคยให้โอกาสคุณไปแล้ว คุณเป็นคนเลือกที่จะละทิ้งมันเองงั้นก็โทษคนอื่นไม่ได้แล้ว!"
"เดี๋ยวนะ คุณเคยให้โอกาสผมเมื่อเมื่อไหร่กัน?"
"นึกเอาเอง"
ถังแหวนโม่สีหน้าซีดเซียว ทันใดนั้น เขาก็นึกถึงสายที่โทรมาจากเจียงชื่อเมื่อกี้
ในสายนั้น เจียงชื่อได้พูดไว้อย่างชัดเจนว่าขอแค่รับคนกลับมา ทำการขอโทษ งั้นเรื่องในวันนี้ก็จะแล้วกันไป และไม่ติดใจเอาความอีก
แต่ถังแหวนโม่ไม่เห็นเจียงชื่ออยู่ในสายตาเลย แถมยังเยาะเย้ยเขาอย่างหนักด้วย
ตอนนี้มาคิด ถ้ายอมทำตามคำแนะนำของเจียงชื่อตั้งแต่แรก ก็คงไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นแล้วไม่ใช่เหรอ?
ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่ระหว่างเจียงชื่อกับมู่หยางอีและผู้บริหารระดับสูงมีความสัมพันธ์อะไรกันแน่?
ถังแหวนโม่รู้สึกว่าตนไม่เข้าใจเจียงชื่อเข้าไปทุกที
เบื้องหลังของชายคนนี้ ยังมีฐานะอะไรซ่อนอยู่กันแน่?
มู่หยางอีก้มดูเวลา แล้วพูดอย่างจริงจังว่า "ตอนนี้ยังเหลือเวลาอีกสิบแปดนาที มันเหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว ถ้ารับคนกลับมา คุณจะเสียแค่ตำแหน่ง แต่ถ้ารับกลับมาไม่ได้ แล้วผมต้องไปรับด้วยตนเอง งั้นสิ่งที่คุณต้องเสียก็คือชีวิตของคุณเอง!"
ถึงคำพูดจะฟังดูโหดไปหน่อย
แต่ถังแหวนโม่ก็เชื่ออย่างไร้ความสงสัย
ฐานะของผู้บริหารระดับสูงนั้นสูงเกินใคร ต่อให้เป็นผู้บัญชาการฝ่ายตะวันออกของจ้านยู่ยังต้องก้มหัวให้ ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจเสียงดัง ยิ่งต้องพูดถึงรองผู้บัญชาการอย่างเขาอีกเหรอ?
ถังแหวนโม่รู้สึกคิดผิดมาก
เพื่อความอยากเอาชนะชั่ววูบ ทำให้ตัวเองต้องเจอกับปัญหาที่ไม่จำเป็นนี้
คุณว่าอยู่ดีๆ จะไปหาเรื่องคนบ้านตระกูลติงทำไม?
บัตรเชิญก็ดูไปแล้ว และมันก็เป็นของจริง แต่ทำไมตอนนั้นเขาถึงต้องบอกว่ามันเป็นของปลอมให้ได้? เขาไม่แม้แต่จะคิด ว่าการที่ได้รับเชิญจากผู้บริหารระดับสูงก็ต้องมีเหตุผลอยู่แล้ว
ตอนนี้ดีแล้ว เรื่องใหญ่จนถึงขั้นนี้ มันก็แก้ไขอะไรไม่ได้อีก
ถ้าเชิญคนกลับมาได้ ก็แค่เสียตำแหน่ง แต่ถ้าไม่ แม้แต่ชีวิตก็คงต้องชดใช้ด้วย
ถังแหวนโม่โอดครวญด้วยความขมขื่น
เขาพูดติดต่อกันว่า "ครับ ผมจะส่งคนไปรับคนบ้านตระกูลติงกลับมาครับ!"
เขาไม่กล้าประมาท
ถังแหวนโม่รีบยกหูขึ้นมาโทรหาตำรวจในสังกัด แล้วตะคอกเสียงดังว่า "ขอสั่งพวกแก ภายในเวลาสิบห้านาที ส่งคนบ้านตระกูลติงมาที่งานอย่างปลอดภัย!"
"หา? รองผู้บัญชาการ คุณบอกว่าพวกเขาตั้งใจจะทำลายงานพิธีไม่ใช่เหรอครับ?"
ผ่านไปอีกสามนาที ในที่สุด เสียงไซเรนของรถตำรวจก็ดังขึ้นทีหนึ่ง รถตำรวจได้ขับเข้ามา
"มาแล้ว!"
ถังแหวนโม่เหมือนลูกธนูที่ออกจากคัน พุ่งตัวออกไปทันที ยังไม่ทันที่รถจะจอดสนิท เขาก็เปิดประตูรถออก แล้วพูดกับคนที่อยู่ตรงหน้าด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มว่า "อาสาม อาสะใภ้ เมิ่งเหยน เฟิงเฉิง ทำไมถึงเพิ่งถึงล่ะ? ผมรออยู่นานแล้ว พิธีปลดเกษียณกำลังจะเริ่มแล้ว จะมัวเสียเวลาไม่ได้แล้ว ไป เดี๋ยวผมพาเข้าไปเอง"
คนบ้านตระกูลติงหันมามองหน้ากัน ทุกคนต่างทำหน้างงกันหมด
รวมๆ แล้วเป็นเวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง ทำไมพฤติกรรมของถังแหวนโม่ถึงเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยนะ?
ก่อนหน้านี้ยังพูดอยู่เลยว่าบัตรเชิญขอพวกเขาเป็นของปลอม ไม่ยอมให้เข้าไป ใช้อำนาจน้อยนิดที่อยู่ในมือขัดขวางอย่างเต็มที่ ทำหน้าบึ้งตึงอยู่อย่างนั้น
ในเวลาสั้นๆ ไม่ถึงชั่วโมง กลับทำหน้าหน้าตายิ้มแย้ม พูดจาเกรงอกเกรงใจ บอกว่าจะเชิญพวกเขาเข้าไปข้างใน
ระหว่างนี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
มันช่างน่าคิดจริงๆ
ติงฉี่ซานเป็นคนที่มากด้วยประสบการณ์ ถึงจะไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร แต่ก็รู้ว่าถังแหวนโม่ต้องถูกคน ‘สั่งสอน’ ไปแล้วแน่ๆ
ว่าแล้วเขาที่นั่งอยู่ในรถก็ทำการไขว่ห้าง และจงใจเยาะเย้ยถังแหวนโม่ไปว่า "ต้องขอโทษด้วย จู่ๆ ฉันก็รู้สึกว่างานพิธีนี้ไม่น่าสนใจเลยสักนิด ไม่อยากเข้าไปแล้ว แหวนโม่ เธอเข้าไปร่วมงานคนเดียวเถอะ เราไม่ไปด้วยดีกว่า"
"หา?"
ถังแหวนโม่ที่ได้ยินอย่างนั้น ทั้งตกใจทั้งโมโห
ไม่ไปด้วย?
ฮีๆ ถ้าพวกแกไม่เข้าไป ถังแหวนโม่ได้ตายแน่!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนักรบท้าโลก
บทที่ 1 2 3 หาย...