จอมนักรบทรงเกียรติยศ นิยาย บท 102

ตระกูลหม่าเป็นตระกูลศิลปะการต่อสู้ และเหตุผลที่ทำให้มันกลายเป็นตระกูลที่ใหญ่เป็นอันดับสองในหนานหลิงนั้นขึ้นอยู่กับตัวตนลึกลับของหม่าจงหัว พวกเขาไม่ได้ตั้งบริษัท แต่มีทรัพยากรมากมายทั่วประเทศ ไม่ว่าใครต้องการอะไร พวกเขาก็สามารถมาหาตระกูลหม่า ตระกูลหม่าของพวกเขาก็อาศัยการแนะนำปากต่อปากจนกลายเป็นตระกูลที่ใหญ่เป็นอันดับสองในหนานหลิง

แม้ว่าจะเป็นตระกูลที่ใหญ่เป็นอันดับสอง แต่ตระกูลถังซึ่งเป็นตระกูลที่ใหญ่ที่สุด ไม่กล้าที่จะอวดดีต่อหน้าตระกูลหม่า นี่ก็เป็นเหตุผลที่ทำไมหม่าซวี่ซงถึงกล้าประกาศจีบคุณนายใหญ่ตระกูลถังอย่างเปิดเผย สาเหตุนี้เองที่ไม่ถูกคนในตระกูลถังออกมาขัดขวาง

เมื่อมองไปที่คุณปู่ผู้ยิ่งใหญ่และจริงจัง หม่าซวี่ซงพูดอย่างกล้าๆกลัวๆ “ท่านปู่ ผมก็ไม่ได้ไปล่วงเกินใครนะ”

“ไม่ได้ล่วงเกินใคร?” หม่าจงหัวพูด หึ ออกมาคำเดียวแล้วพูดว่า “ถ้าหากนายไม่ได้ล่วงเกินใคร คนที่อยู่ข้างบน ก็คงไม่โทรศัพท์มาถึงปู่แน่ จำไว้นะ ไม่ใช่ทุกคนที่เราสามารถล่วงเกินเขาได้! บางคนถ้าพบเห็นก็รีบหลีกเลี่ยงซะ”

หม่าซวี่ซงเงยศีรษะขึ้นมามองใบหน้าที่จริงจังของปู่ของเขา ในใจก็ตกตะลึงมาก

เมื่อก่อนเขาเคยถูกสั่งสอนมาตลอด แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นคุณปู่เป็นแบบนี้

ไม่ใช่ล่วงเกินใครก็ได้ นี่หมายความว่าอะไร?

คนข้างนอกมักจะพูดว่า ดูจากหนานหลิงทั้งหมด นอกจากตระกูลหม่า ใครก็ไม่อยู่ในสายตาพวกเรา ความสัมพันธ์ของตระกูลหม่านี้ขยายออกไปทุกหนทุกแห่ง

“คุณปู่ ท่านพูดเกินไปแล้วมั้ง?” หม่าซวี่ซงยิ้มเจื่อนๆแล้วพูดว่า “ในหนานหลิงยังมีคนที่เราไม่สามารถล่วงเกินได้ด้วยหรอครับ?”

“เพี้ยะ!” หม่าจงหัวตบไปที่หน้าหม่าซวี่ซงอย่างแรง ฝ่ามือนี้ตบจนหม่าซวี่ซงสมองเต็มไปด้วยดาว หม่าจงหัวตะโกนอย่างโมโห "งั้นบอกปู่มา แผลบนใบหน้าของนายได้มายังไง?"

หม่าหรงหรงยืนอยู่ข้างๆ เห็นลูกพี่ลูกน้องถูกตบ รีบพูดว่า “คุณปู่ ทำไมคุณปู่ลงมือตบพี่ซงหล่ะ?”

“ไม่ใช่เรื่องของเธอ ไปยืนข้างๆไป!” หม่าจงหัวตำหนิอย่างโมโหโกรธ

หม่าหรงหรงตกใจมากจนหน้าถอดสี พอก้าวไปสองก้าวก็ต้องรีบชะงักเท้าไว้ จึงต้องไปยืนอยู่ข้างๆอย่างขี้ขลาด

“พูดมา แผลบนใบหน้ามาได้ไง?” หม่าจงหัวถามอย่างเข้มงวด ภายใต้สายตาของหม่าจงหัวไม่มีใครกล้าพูดเท็จ ดังนั้นเขาจึงเรียกบอดี้การ์ดที่อยู่ในโรงแรมหนานโจวคนนั้นมาบอกให้หม่าจงหัว

หลังจากฟังจบ หม่าจงหัวพยักหน้าอย่างครุ่นคิดและพูดว่า "ถ้าอย่างนั้นนายพูดมาสิ นายสามารถล่วงเกินคนๆนี้ได้ไหม"

เมื่อหม่าซวี่ซงนึกถึงเทียนขุยและผู้ชายคนที่ทำให้เขาเสียหน้าคนนั้น เขากัดฟันและพูดว่า "พวกเขาเป็นแค่คนต่างถิ่น พวกเขาอาศัยพฤติกรรมที่ประมาทของตัวเองและคิดว่าพวกเขาสามารถกระตุ้นผมได้ พวกเขาแค่ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ"

“เพี้ยะ!” หม่าจงหัวตบไปที่ใบหน้าอย่างแรงอีกครั้ง แล้วพูดด้วยความโกรธว่า “นายนั่นแหละไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ นายนึกว่าอาศัยฝีมือคนแค่นี้ก็สามารถสู้กับเขาได้หรอ ฉันเคยบอกนายแล้วอย่าก่อเรื่องข้างนอกให้ฉันเด็ดขาด โดยเฉพาะคนต่างถิ่น ยิ่งไม่ควรหาเรื่อง นายไม่มีวันรู้ว่าคนในโลกนี้คนที่ฝีมือดีมีเท่าไหร่ คนที่มียอดฝีมือจริงๆไม่รู้จะปรากฏตัวตอนไหน”

หม่าซวี่ซงก้มศีรษะลง และพูดด้วยเสียงเบาว่า "คุณไม่ใช่ยอดฝีมือหรอ?”

หม่าจงหัว รู้ว่าในโลกนี้คนที่สายตาธรรมดาก็จะมองคนแบบง่ายๆ แต่คนที่เข้าใจโลกนี้จริงๆ เขาจะไม่รู้สึกว่าเรื่องในโลกนี้ไม่ได้เป็นเรื่องง่ายอย่างที่คิด เมื่อถึงระดับของเขา ก็จะเข้าใจว่าโลกนี้ที่แท้จริงเป็นยังไง

เขาไม่กล้าคิดว่าการเป็นอยู่ของคนที่หลานชายไปล่วงเกินคนนั้นเป็นยังไง แต่นั่นเป็นโทรศัพท์จากทางกองทัพเลยนะและเป็นทหารสูงสุดที่เขารู้จักเป็นคนโทรมาด้วย สายนั้นบอกว่าเป็นคนข้างบน เขาไม่รู้จริงๆที่บอกว่าคนข้างบนนั้นทรงพลังขนาดไหน

หม่าจงหัวจ้องหม่าซวี่ซงอย่างไม่ได้ดั่งใจพูดเพื่อที่จะให้เขาได้ดี “เอาเถอะ หลายวันมานี้นายก็อยู่แต่ในบ้านแล้วกัน ถ้าหากให้ฉันรู้ว่านายออกไปก่อเรื่อง ก็อย่าโทษที่ฉันไม่เกรงใจ!”

“รู้แล้วครับ คุณปู่!” หม่าซวี่ซงตอบ แล้วเขาก็ทำท่าจุดธูปไหว้บรรพบุรุษ

หลังจากนั้นไม่นาน หม่าซวี่ซงก็เดินออกมาจากห้องโถงบรรพบุรุษของตระกูลฟาง ทันทีที่เขาออกมาข้างนอก หม่าหรงหรงก็เรียกให้เขาหยุด "พี่ซง คุณเป็นอะไร ทำไมยังมีคนในหนานหลิงที่ยังกล้าทุบตีคุณอยู่! "

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนักรบทรงเกียรติยศ