“พี่ลืมคำพูดที่ปู่เคยพูดไปแล้วใช่ไหม? คุณปู่บอกไม่ให้ออกไปก่อเรื่อง ช่วงนี้พี่ก็อยู่แต่ในบ้านเถอะ เมื่อกี้คุณปู่โกรธมากจริงๆ!” หม่าหรงหรงมองเห็นลูกพี่ลูกน้อง(ฝั่งพ่อ)ที่น่ากลัวขนาดนั้น รีบเตือนสติ
หม่าซวี่ซงมองไปที่หม่าหรงหรงและพูดอย่างโกรธเคือง "ถ้าเธอกล้าพูดอีก พี่จะตีเธอ!"
หม่าหรงหรงตกใจจนเกือบร้องไห้ออกมาในทันที เห็นท่าทางหม่าหรงหรงเหมือนจะร้องไห้อย่างนั้น หม่าซวี่ซงก็ใจอ่อน ดังนั้นเขาจึงก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า "ขอโทษนะ หรงหรงพี่แค่โมโหมากไปหน่อย"
หม่าหรงหรงพิงไปที่อ้อมอกของหม่าซวี่ซงทันที แล้วร้องไห้ฮือๆๆออกมา
อันที่จริงหม่าซวี่ซงกับหม่าหรงหรงความสัมพันธ์ดีมาก หม่าซวี่ซงปกป้องน้องสาวดั่งเจ้าหญิงมาตลอด
“พี่ชาย เมื่อกี้ท่าทางของคุณปู่ไม่เหมือนพูดล้อเล่นสักนิด หรือไม่ก็ไปช้าหน่อยเถอะ!” หม่าหรงหรงเตือนสติอย่างหวังดีไปหนึ่งประโยค
หม่าซวี่ซงกัดฟันและพูดอย่างโมโห "เขากระตุกหางเสือของพี่แล้ว ความโกรธนี้พี่ไม่สามารถกลืนมันลงไปได้ ถ้าหากเวลานี้ไม่แก้แค้น วันหน้าพี่ไม่สามารถยืนหยัดอยู่ในหนานหลิงได้อีกต่อไป ตราบใดที่ยังมีลมหายใจอยู่ เธอเข้าใจพี่ชายเธอนะ "
“รายละเอียดของสองคนนี้พี่รู้หมดแล้ว เป็นแค่คนมาจากเมืองจินโจว เป็นทหารที่ปลดประจำการมาแล้วห้าปี สั่งสอนคนแบบนี้ เธอยังไม่เชื่อใจพี่อีกเหรอ?”
หม่าหรงหรงยืนขึ้นและถามว่า “พวกเขาเป็นแค่ทหารสองคนที่เกษียณแล้วจริงๆเหรอ?”
“ใช่ เขาคิดว่าเป็นทหารมาแค่สองปีก็จะทำอะไรก็ได้ที่เขาต้องการในหนานหลิง วันนี้ พี่จะสั่งสอนเขาให้รู้จักกาลเทศะบ้าง บอกพวกเขาให้รู้ว่าที่นี่ไม่ใช่สถานที่เล็กๆเหมือนจินโจว แต่ที่นี่คือหนานหลิง” สิ่งที่หม่าซวี่ซงโกรธปัญหาไม่ใช่เพราะชื่อเสียง แต่เป็นเพราะฟางเหยียนนัดผู้หญิงที่เขารักที่สุดไป หลินถง เขาสามารถอดทนได้ทุกอย่าง แต่เขารับไม่ได้ที่มีใครไปวุ่นวายกับหลินถง
ความรักที่เขามีต่อหลินถง ไม่สามารถแสดงออกมาเป็นคำพูดได้ การกระทำเท่านั้นคือวิธีที่ดีที่สุดในการแสดงออก
หลังจากออกจากบ้านตระกูลหม่า หม่าซวี่ซงส่งออกไปสองข้อความ
“แมวป่า คืนนี้รวบรวมพี่น้องทั้งหมด แล้วมาหาผมที่สำนักงานใหญ่”
“เสือดาวดำ คืนนี้รวบรวมพี่น้องทั้งหมด แล้วมาหาผมที่สำนักงานใหญ่”
หลังจากส่งข้อความทั้งสองแล้ว เขาก็เดินออกไปด้วยความโกรธ เขาต้องการพาคนหนึ่งหมื่นคน ไปสยบความห้าวหาญของไอ้สองคนนั้น
พวกนายเก่งมากไม่ใช่หรอ?
ถ้าแน่จริงก็มาสู้กับพี่น้องหนึ่งหมื่นคนของผมดูแล้วกัน! คนเยอะก็คือพลัง และเมื่อต้องเผชิญหน้ากับพลังอำนาจ พวกเขาก็อย่าคิดจะอาละวาด
เลือดของหม่าซวี่ซง เดือดพล่านขึ้นมาหมดแล้ว!
ตกกลางคืน ฟางเหยียนกลับไปที่รีสอร์ทหยูฉวน เอาก้อนหินหมื่นปีสองก้อนมอบให้กับศาสตราจารย์โจวเพื่อทำการวิจัย นอกจากนี้เขายังบรรลุข้อตกลงแบบนี้ คิดๆแล้วก็น่าขำ แต่ว่าขอเพียงสามารถรู้ความเป็นมาและมูลค่าของหินสองก้อนนั้นอย่างชัดเจน ไม่แน่อาจจะเหมือนกับที่อาจารย์พูดไว้ ตัวเองอาจต้องเผชิญกับจุดเปลี่ยนในชีวิตอีกครั้ง
สำหรับจุดเปลี่ยนชีวิตของตัวเอง ใครหล่ะจะไม่สนใจ? แม้ว่าฟางเหยียนจะมองข้ามความเป็นและความตาย แต่หากตัวเองยังมีจุดเปลี่ยนของชีวิต ก็คงจะทำให้ตัวเองมีความสนใจไม่มากก็น้อย
ฟางเหยียนนั่งอยู่บนระเบียงสักพัก ตอนนี้พละกำลังของเขาสามารถฟื้นฟูได้แค่ห้าสิบเปอร์เซ็นต์ และเขาไม่สามารถทะลุได้อีกแล้ว ถึงแม้จะมีพละกำลังแค่ห้าสิบเปอร์เซ็นต์ ก็เพียงพอที่จะเอาชีวิตรอดในเมืองที่เจริญรุ่งเรืองนี้ แต่ก็สามารถเอาชนะปรมาจารย์อย่างสิงโตที่บ้าคลั่งได้ แต่ในกรณีที่ต้องเผชิญหน้ากับคนของอสูรเพลิง แน่นอนพละกำลังของเขาแค่นี้ก็ไม่สามารถรับมือได้
พอนึกถึงอสูรเพลิง ในใจของฟางเหยียนก็เหมือนมีหนามทิ่ม! นั่นคือชีวิตของพี่น้องหลายพันคน ภายใต้ของเขายังมีพี่น้องเทียนหม่า เทียนหม่าในเจ็ดเทียน เป็นส่วนที่ฟางเหยียนให้ความสำคัญ ต่อสู้ในสนามรบกับเขาโดยพึ่งพาอาศัยกันด้วยชีวิต ตอนที่พวกเขาทั้งเจ็ดคนกำลังฝึกฝน เขาแอบสาบานกับตัวเองว่าจะไม่ให้ทุกคนเกิดเรื่อง ใครจะรู้ว่าเทียนหม่าและพี่น้องคนอื่นๆจะถูกพังพินาศลงอย่างนี้
นั่นคือชีวิตของพี่น้องนับพัน! พอคิดถึงตรงนี้ฟางเหยียนก็รู้สึกเจ็บปวดหัวใจ
สิ่งที่เศร้าที่สุดคือ เขาไม่เห็นแม้แต่เงาของคน ยิ่งไม่รู้ว่านี่คือองค์กรแบบไหนกันแน่?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนักรบทรงเกียรติยศ