ตอน บทที่ 136 ฆ่าจนผู้คนหวาดกลัวลนลาน จาก จอมนักรบทรงเกียรติยศ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 136 ฆ่าจนผู้คนหวาดกลัวลนลาน คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายใช้ชีวิต จอมนักรบทรงเกียรติยศ ที่เขียนโดย โซ่วปี่หนานซาน เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
เดิมเซียวห้านนึกว่าฟางเหยียนได้เห็นสถานการณ์นี้แล้วจะหวาดกลัวจนหน้าซีด เธอภาพที่เธอจินตนาการไม่ได้ปรากฏออกมา คนคนนี้ยังเผชิญหน้ากับเธอด้วยท่าทางหยิ่งยโสอีกต่างหาก
เป็นไปได้ว่าที่เขาไม่เป็นเหมือนที่เธอจินตนาการเอาไว้เป็นเพราะเขารวบรวมคนอยู่ข้างหลัง?
ไม่สิ คนคนนี้จะต้องแสร้งทำเป็นใจเย็นแน่ ๆ เธอไม่เชื่อหรอกว่าผู้ชายคนหนึ่งที่ผอมบางอ่อนแอเหลือแสนตรงหน้านี้จะไม่กลัวสถานการณ์แบบนี้
พอคิดมาถึงการจัดรูปแบบของการสู้รบของเธอแล้วเธอก็ยืดอกขึ้น ร้อง ‘เฮอะ’ ขึ้นมาครั้งหนึ่ง พูดด้วยรอยยิ้มเยียบเย็นว่า “ฉันมีหลายคำถามที่อยากจะถามแก แกแค่ตอบคำถามของฉันก็พอ”
ฟางเหยียนไม่พูดอะไร ยังคงใช้สายตาที่เต็มไปด้วยรังสีสังหารจ้องเซียวห้านตาเขม็ง
เซียวห้านใบหน้าเปลี่ยนสี เธอเอ่ยถามว่า “พี่ฮั่วของฉันถูกตัดขาทั้งสองข้าง แกเป็นคนทำใช่ไหม?”
“ใช่!” ฟางเหยียนตอบคำถามของเซียวห้านแทบจะในทันทีที่สิ้นเสียงของเธอ
เซียวห้านจ้องฟางเหยียนอย่างไม่อยากจะเชื่อ เธอถามต่อไปว่า “ถ้าอย่างนั้นที่คุณปู่รองของฉันถูกจับไป ก็เป็นแกที่จัดการใช่ไหม?”
“ใช่!”
เซียวห้านสั่นอยู่ในใจ อย่างที่คิดไว้ ทั้งหมดเป็นเหมือนที่เธอคาดเดาเอาไว้ แต่ทำไมเขาถึงได้ตอบอย่างตรงไปตรงมาขนาดนั้น นี่มันเป็นเพราะอะไร?
เธอขี้เกียจจะคิด ถามต่อไปว่า “ถ้าอย่างนั้นพ่อของฉัน แกก็เป็นคนฆ่าใช่ไหม?”
“ใช่!” ฟางเหยียนตอบออกมาอย่างรวดเร็วโดยไม่ได้หยุดคิด จากนั้นเขาก็พูดต่อว่า “การตายของเธอ ก็จะเกิดขึ้นจากฉันเหมือนกัน เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับตระกูลเซียว ฉันเป็นคนควบคุมมันทั้งหมด ตระกูลเซียว สมควรตายแล้ว!”
เซียวห้านได้ยินคำนี้จิตใจก็สั่นกลัว นึกไม่ถึงว่าจะมีคนมาพูดว่าตระกูลเซียวจะต้องตายต่อหน้าเธอ!
เธอคิดไม่ถึงเลยว่าคนคนนี้จวนเจียนจะถึงเวลาตายอยู่แล้วยังกล้ากำเริบเสิบสานเช่นนี้อีก เธอชี้ไปที่ฟางเหยียน โมโหจนตัวสั่น กล่าวว่า “เป็นแกจริง ๆ ฉันจะฆ่าแก! ฉันจะฆ่าแก!”
เธอชี้หน้า พยายามตะโกนด่าฟางเหยียนอย่างสุดความสามารถ ชายหน้าบากประคองเซียวห้านที่อารมณ์ฮึกเหิมเอาไว้ เงยหน้าขึ้นมามองฟางเหยียนแล้วเอ่ยว่า “ฆ่า”
คำคำเดียว ลูกสมุนสามพันคนก็ลุกฮือขึ้นมา ฟางเหยียนหน้าไม่เปลี่ยนสี มองตรงไปข้างหน้า ในตอนนี้ ชายคนหนึ่งที่ถือปังตอเข้าไปใกล้ฟางเหยียน ตอนที่มีดปังตอกำลังจะฟันลงไปที่ศีรษะของฟางเหยียนนั่นเอง มือข้างที่ถือมีดปังตอของเขาตกลงสู่พื้นโดยตรง เขายังไม่ทันได้มีปฏิกิริยาตอบสนองว่าเกิดอะไรขึ้น ก็พบว่าเลือดได้กระเด็นขึ้นมาเลอะใบหน้าของเขา
“อ๊ากกกก!” เสียงร้องอย่างน่าเวทนาดังลั่นไปทั่วทั้งอาคารของโรงงาน
แต่ว่าเสียงร้องนี้สั้นมาก จากนั้นแสงสะท้อนของมีดก็แวบผ่าน ทิ้งรอยแผลสีแดงสดไว้บนลำคอของเขา เสียงร้องหยุดลงในฉับพลัน ร่างกายร่วงลงสู่พื้นในทันที
ฝ่ามือของฟางเหยียนเป็นราวกับใบมีดที่คมปลาบ ฟัน ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ ไม่กี่ที ตัดกล่องเสียงจนล้มลงไปบนพื้นไปทั้งแถบ แล้วก็ฟัน ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ ต่อ ก็ล้มลงเพิ่มไปอีกแถบ เขาทำอย่างนี้ฟันเข้าไปทีละแถบ ๆ ราวกับหั่นผักหั่นปลา
ทั้งกระบวนการฆ่าฟัน เขาไม่ได้กะพริบตาแม้แต่ครั้งเดียว กระทั่งเท้าก็ยังไม่เคยขยับย้ายไปแม้แต่น้อย
คนที่พุ่งเข้ามาทั้งหมดล้วนล้มลงที่พื้น สูญเสียการมีชีวิต เขาไม่ได้ทิ้งคำพูดอะไรใดใดไว้สักนิด เมื่อเจอกับคนที่พุ่งเข้ามาก็ตัดเข้าไปที่กล่องเสียงโดยตรง ให้มันตายอย่างน่าอนาถ!
ไม่นานจากนั้นบนพื้นก็นองไปด้วยเลือด ศพกองกันเป็นภูเขา ส่วนเขา บนร่างไม่มีการแปดเปื้อนแม้แต่น้อย ยืนอยู่ตรงกลางของซากศพที่ล้อมรอบเป็นวงกลม รอบ ๆ เป็นศพทั้งหมด!
นี่ก็คือเขาที่กำลังทำสงครามปราบปรามอยู่ในสนามรบ เขาในตอนนี้ ในสายตามีแต่การทำสงครามปราบปราม สังหารอย่างต่อเนื่อง คนที่อยู่ที่นี่ทั้งหมดอย่าคิดที่จะได้มีชีวิตอยู่ เขามีเส้นตาย คนพวกนี้ได้เหยียบลงบนเส้นตายของเขาแล้ว
เย่ชิงหยู่เป็นภรรยาของเขา และก็เป็นเส้นตายสุดท้ายที่ทำให้เขามีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ คนที่นี่รังแกเธอ
ต้องตายทั้งหมด ไม่เหลือแม้แต่คนเดียว
นี่มันไม่ใช่คนโดยแท้ ไม่ว่าพวกเขาจะโจมตีอย่างไรก็ไม่โดน เพียงแต่คนที่แตะต้องตัวเขานั้นล้วนตายไปทั้งหมดแล้ว ในสายตาของคนคนนี้พวกเขาล้วนไม่ใช่คน เป็นไม่ได้แม้แต่สัตว์ เป็นพืช ขยับไม่ได้ เป็นพืชที่ทำได้แค่ยอมให้เขารุกรานได้ตามอำเภอใจ
แก้มของชายหน้าบากอดไม่ได้ที่จะกระตุก ฆ่าคนได้ด้วยมือเปล่า ทั้งยังสามารถเปลี่ยนฝ่ามือเป็นมีดดาบได้ ฝีมือบรรลุถึงขั้นแล้ว ไม่แน่ว่าคนที่อยู่ตรงหน้านี้จะเป็นนินจาระดับสูง? ต่อให้เป็นนินจาระดับสูงก็เถอะ ตนเองก็สามารถเข้าร่วมการรบครั้งนี้ได้ ดีเลวอย่างไรตนก็ใกล้จะบรรลุระดับสูงแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ทั้งหมดนี้ยังอยู่ในการคาดการณ์ของเขา
พอเขาสำนึกได้ก็มองไปที่ไพ่สุดท้ายที่ยังไม่เปิด กลุ่มลูกสมุนที่แบกปืนกลมือเอาไว้พวกนั้นยังไม่ได้ลงมือเลย
ในตอนที่เขาตัดสินใจอย่างนั้น ลูกสมุนคนหนึ่งก็รู้สึกพังทลาย มีดเหล็กในมือร่วงลงสู่พื้น พูดพึมพำกับตัวเองว่า “ไม่... ฉันไม่สู้แล้ว ฉันไม่ฆ่าแล้ว นี่มันไม่ใช่การฆ่าคน นี่มันเป็นการฆ่าตัวตายชัด ๆ!”
กลุ่มคนเริ่มสั่นคลอนตามการหนีของเขา คนไม่น้อยก็คิดจะหนีตามเขาไป แต่เขาเพิ่งจะก้าวไปได้ไม่กี่ก้าว ก็ได้ยินเสียงดังปัง
ในมือของเจ้าผอมสี่ตาถือปืนพกเอาไว้หนึ่งกระบอก เขาพูดอย่างโหดเหี้ยมว่า “ใครจะหนีก็ต้องมีจุดจบเดียวกันกับเขา”
สำหรับการใช้อำนาจของสามคุณชายนั้น ไม่มีใครที่ไม่หวาดกลัว พวกเขาล้วนแต่เป็นลูกสมุนของเขา มาที่นี่เพราะเห็นแก่ความโหดร้ายป่าเถื่อนของพวกเขา
หนีก็ตาย สู้ก็ตาย แต่พวกเขาก็ยินดีที่จะสู้ สู้กันสักหน่อย ไม่แน่ว่าคนคนนี้เหนื่อยแล้วก็จะมีโอกาสก็เป็นได้
ดังนั้นพวกเขาจึงกุมอาวุธในมือ บุกไปข้างหน้าอย่างหวาดกลัวลนลาน แต่ว่าเพียงก้าวไปด้านหน้าหนึ่งก้าวก็ล้มลงไปอยู่บนพื้นทั้งหมด ตายแล้ว ตัดกล่องเสียง เลือดพุ่งทะลักออกมา ไม่มีข้อยกเว้น
ในชั่วพริบตา ศพของคนหนึ่งพันกว่าคนก็แผ่อยู่เต็มโรงงานเหล็ก!
เขายืนสูงสง่าอยู่ท่ามกลางศพมากมายที่เรียงรายอยู่เต็มพื้น
ใครจะกล้าสู้กับเขา?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนักรบทรงเกียรติยศ