เจ้าค้างมีด! ในใจของฟางเหยียนเกิดเครื่องหมายคำถามอันใหญ่ขึ้น นี่ที่แท้แล้วคือองค์กรแบบไหนกันนะ? ทำไมคำนี้พ่นออกมา สามารถทำให้ฝนตกลงมากะทันหันได้
แต่ก่อนฟางเหยียนเป็นคนอายุน้อยที่ไม่ลึกลับซับซ้อน ร่ำเรียนอ่านเขียนหนังสือ ใช้ชีวิตได้ธรรมดาเรียบง่ายอย่างที่สุด ต่อมาเขาไปเข้าร่วมกองทัพ ถ้าไม่ได้พบกับชายชราคนนั้น เขาก็ไม่อาจมีความสำเร็จเช่นนั้นในสนามรบได้ แต่ว่าชายชราคนนั้นก็เพียงแค่สอนเขาถึงความสามารถทางร่างกายเท่านั้น กลับไม่ได้ให้เขารู้ถึงการดำรงอยู่ขององค์กรเหล่านี้ ดังนั้นฟางเหยียนจึงไม่รู้ว่านี่เป็นองค์กรแบบไหน!
เพลิงเสวียน ก็เพราะว่าฆ่าพี่น้องของเขา เขาถึงได้จับตาองค์กรนี้!
ตอนนี้ฟางเหยียนเริ่มรู้สึกว่าโลกนี้ช่างซับซ้อน ไม่ได้เรียบง่ายแบบที่เขาคิดเสียแล้ว! แต่ทว่า ดังเช่นที่ชายชราเอ่ยเช่นนั้น ที่ควรมาอย่างไรก็ต้องมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร ไม่จำเป็นต้องร้องขอ
หลังจากชายชราเดินห่างออกไปสิบกว่าเมตรแล้ว ฝนก็เริ่มเบาลงแล้ว เทียนขุยขยับร่างกายเล็กน้อย เขาพบว่าเท้าของตนเองเหมือนกับว่าจะฟื้นฟูความรู้สึกกลับมาแล้วเล็กน้อย ดังนั้นเขาจึงลองขยับเท้าดูสักหน่อย สามารถขยับได้แล้ว กล้ามเนื้อก็เหมือนกับฟื้นฟูกลับมาแล้วเช่นกัน ต่อมาเขาก็ขยับมือเล็กน้อย ก็สามารถขยับได้แล้ว ถัดมาเขาก็อ้าปาก ครู่เดียวนั้น ทั้งหมดก็ฟื้นฟูกลับมาแล้ว แต่ว่าเขาก็เหมือนกับว่าถูกหินก้อนใหญ่กดทับเอาไว้ หินก้อนนั้นเพิ่งจะหลุดพ้นไปจากร่างเช่นนั้น คนทั้งตัวเริ่มหอบหายใจหนักๆ
นี่คือครั้งแรกที่เทียนขุยสามารถหายใจได้อย่างผ่อนคลาย สามารถขยับได้ สามารถพูดได้เป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยม!
ปากของเขาทางหนึ่งหอบหายใจ ทางหนึ่งเอ่ยอย่างโกรธเกรี้ยวว่า “บัดซบ เจ้าแก่นี่ ถึงกับใช้คาถามาควบคุมฉัน ฉันจะไปจัดการเขาเดี๋ยวนี้”
“เทียนขุย!” ฟางเหยียนตำหนิคำหนึ่ง สีหน้าเทียนขุยเปลี่ยนไปทันที เอ่ยว่า “จอมพลโผ้จวิน เขาถึงกับคุกคามท่าน!”
ฟางเหยียนคว้าจับแขนของเทียนขุย เอ่ยว่า “นายสู้เขาไม่ได้หรอก!”
เทียนขุยไตร่ตรองเล็กน้อย เขาไม่ใช่คู่มือของชายชรานั่นจริงๆ เข้าไปอาจจะแม้แต่โอกาสในการลงมือก็ไม่มี แต่ว่าปากของเขากลับไม่ยินยอมที่จะลงให้ ดังนั้นจึงขมวดคิ้วเอ่ยว่า “สู้ไม่ได้ก็ต้องสู้! จอมพลโผ้จวิน พวกเราต่างเป็นคนที่ออกมาจากสนามรบ ฉันจำได้ว่าท่านเคยพูดไว้ พวกเราเป็นทหารทำได้เพียงรบจนตาย ไม่อาจปอดแหกตาย! เจ้าหมอนี่กระทำหยาบคายกับท่านอย่างร้ายแรง เขาสมควรตาย!”
ฟางเหยียนหันหน้ามามองเทียนขุย ดวงตาทั้งคู่ปล่อยสัญญาณเตือนออกมา เทียนขุยเมื่อเห็นดวงตาของฟางเหยียน ก็รีบดึงสายตากลับมา เอ่ยอย่างเงียบงันว่า “ประทานโทษ จอมพลโผ้จวิน!”
ฟางเหยียนยกมือขึ้นมาวางไว้ที่ไหล่ของเขา เอ่ยอย่างมีนัยว่า “ฉันก็เคยพูดไว้ บางครั้งก็ต้องรักษาตัวของตนเอง ทำตามกำลังของตนเอง พลังของเขาอยู่เหนือกว่าฉัน อีกทั้งเขาไม่ได้มีเจตนาร้ายต่อพวกเรา เพียงแค่อยากค้างจ่ายมีดเล่มหนึ่งให้ฉันเท่านั้น!” เอ่ยจบ ฟางเหยียนยกมีดผุพังในมือเล่มนั้นขึ้นมา จากนั้นเอ่ยชมประโยคหนึ่ง “นี่คือมีดที่ดีเล่มหนึ่ง”
เทียนขุยขมวดหัวคิ้วเอ่ยว่า “มีดดี? จอมพลโผ้จวิน นี่เห็นชัดๆว่าเป็นมีดพังๆเล่มหนึ่งนะ! ท่านดูสิ ขึ้นสนิมแล้ว มีดแบบนี้ไม่ว่าจะเดินไปที่ไหน เขาก็คือมีดพังๆ ท่านถูกเจ้าแก่นั้นหลอกแล้ว”
ฟางเหยียนส่ายหน้าเอ่ยว่า “ไม่ใช่ว่าเขาจะหลอกฉันเสมอไป!”
เทียนขุยไตร่ตรองเล็กน้อย เอ่ยถาม “จอมพลโผ้จวิน ท่านรู้ว่าเขามีที่มาอย่างไรไหม? เป็นคนขององค์กรนั้นหรือไม่?”
ฟางเหยียนส่ายหน้าเอ่ย “ไม่ใช่ เมื่อครู่ไม่ใช่ว่าเขาพูดแล้วหรือ? เขาเป็นเจ้าค้างมีด!”
“เจ้าค้างมีด?” เทียนขุยเอ่ยคำนี้ออกมา จากนั้นมองเงาหลังที่ห่างไปไกลของชายชรา เวลานี้ พอดีกับที่มีรถคันหนึ่งเคลื่อนเข้ามาที่ปากทาง ชายชราเดิมทีเดินอยู่กลางถนน แต่เขากลับเดินเข้าข้างทางเพื่อหลบรถ
มองเห็นฉากนี้ เทียนขุยเอ่ยถามว่า “จอมพลโผ้จวิน เขาตาบอดจริงๆ หรือว่าแกล้งตาบอดล่ะ? ทำไมฉันรู้สึกว่าเขาสามารถมองเห็น!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนักรบทรงเกียรติยศ