ดวงตาของอ๋าวไท่กลอกไปมาพลางว่า “ฉันไม่รู้จักองค์กรสัตว์เพลิงอะไรที่แกพูดถึง แกบ้าหรือเปล่า?”
ยิ่งอ๋าวไท่พูดแบบนี้ ก็ยิ่งแสดงว่าในใจเขาเก็บซ่อนอะไรไว้ ฟางเหยียนเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด เขาพูดขึ้นเนือยๆว่า “ฉันไม่ได้บ้า ฉันแค่อยากรู้เรื่องเกี่ยวกับองค์กรสัตว์เพลิง! ถ้าแกบอกฉัน ฉันจะให้แกตายดีๆ ตายอย่างนักรบ! ถึงเวลานั้นแกจะเหลือชื่อไว้ในยุทธภพ การตายด้วยน้ำมือฉันถือเป็นเกียรติของแก”
“ฮะฮะฮะ!” อ๋าวไท่จู่ๆก็หัวเราะออกมา เสียงหัวเราะนี้ทำให้ใบหน้าแก่ชราย่นเข้าด้วยกัน ดูแล้วค่อยสมกับอายุเขาหน่อย สีหน้าเขาเคร่งขรึมลง สูดลมหายใจเข้าลึกพลางว่า “แกคิดว่าฉันจะสนใจวิธีตายหรอไง?”
สองตาเขาจ้องมองฟางเหยียนพลางว่า “ไอ้หนู ต้องยอมรับจริงๆว่าแกฉลาดมาก ไม่ปิดบังแกเลย ฉันเป็นคนขององค์กรสัตว์เพลิง แต่ถ้าแกอยากรู้เรื่องเกี่ยวกับองค์กรสัตว์เพลิงจากปากฉันล่ะก็ ไม่มีทางหรอก” อ๋าวไท่อ้าปาก เผยรอยยิ้มที่น่าเกลียดซะยิ่งกว่าร้องไห้ออกมา
ดวงตาฟางเหยียนมีประกาย เขายอมรับแล้ว เขายอมรับว่าตนเป็นคนขององค์กรสัตว์เพลิงแล้ว! ฟางเหยียนตามหาคนขององค์กรนี้มานานมากแล้ว ไม่คิดเลยว่าหมอนี่จะเป็นคนขององค์กรสัตว์เพลิง!
เขาเก็บกดความตื่นเต้นในใจ เข้าใกล้อ๋าวไท่ พลางถาม “บอกฉัน สำนักงานใหญ่ขององค์กรสัตว์เพลิงอยู่ที่ไหน? ผู้นำองค์กรเป็นใคร? พูดแล้ว ฉันอาจจะให้แกตายสบายๆ ไม่งั้นแกรู้ดีว่าจะเจออะไร”
อ๋าวไท่ไม่ได้พูดอะไร ได้แต่นิ่งเงียบ เงียบอยู่สักพักเลย
เงียบจนเทียนขุยเริ่มรำคาญ เขาเดินเข้ามา ตะคอกดังว่า “ถามแกอยู่นะ ใครเป็นผู้นำองค์กรสัตว์เพลิง?”
ผ่านไปสักพัก เขาถึงเงยหน้าขึ้นมามองคนทั้งคู่ บอกแกมครุ่นคิดว่า “น่าจะเมื่อสองสามปีก่อน มีองค์กรลึกลับหนึ่งมาหาฉัน พวกเขาเรียกตัวเองว่า องค์กรสัตว์เพลิงบอกว่าจะมาช่วยโลกอะไรเนี่ยแหละ จะสามารถช่วยชาวโลกที่ไร้ความรู้ได้ พวกเขาเชิญฉันเข้าร่วมกับพวกเขา ฉันปฏิเสธไป ฉันไม่ชอบเข้าร่วมองค์กรนินจาใดๆ เพราะฉันแข็งแกร่งกว่าทุกองค์กรซะอีก ต่อมาคนขององค์กรนั้นมาข่มขู่ฉัน บอกว่าถ้าฉันไม่เข้าร่วมพวกเขา จะทำให้ฉันต้องมีชีวิตอยู่ในฝันร้ายตลอดไป”
“ฉันไม่ได้สนใจคำพูดของเจ้าบ้านั่น ยังคงใช้ชีวิตของฉันไป ต่อมาคำพูดของเขาเริ่มเป็นจริงขึ้นเรื่อยๆ ทุกการร่วมมือกับคนอื่นของฉัน ไม่มีสักครั้งที่สำเร็จเลย พวกเขาคอยขัดขวางแผนการฆ่าคนของฉันซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำลายภารกิจของฉันซ้ำแล้วซ้ำเล่า ชื่อเสียงในยุทธภพของฉันค่อยๆแย่ลง ตกต่ำมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ฉันไม่พอใจมาก ต่อมาฉันอยากไปตามหาองค์กรนั่น เพื่อพูดเปิดอกกับพวกเขาเลย”
“น่าเสียดาย ฉันหาพวกเขาไม่เจอ เดิมคิดว่าพวกเขาคงไม่โผล่หน้ามาแล้ว ใครจะรู้ผ่านไปไม่นานพวกเขาก็ปรากฏตัวอีก คราวนี้มากันสามคน เป็นนินจาระดับต้าชี่กันหมด สามคนร่วมมือกันสู้กับฉัน และบีบให้ฉันเข้าร่วมพวกเขา เงื่อนไขพวกเขาดีมาก ฉันไม่มีหนทางจะปฏิเสธ เลยได้แต่เข้าร่วมพวกเขา”
พอพูดถึงตรงนี้ อ๋าวไท่ชะงักเงียบลง ยิ้มเนือยๆบอกทั้งคู่ว่า “ฉันเตือนพวกแกอย่าสืบต่อไปเลย ความลึกลับขององค์กรนี้มักมากกว่าที่พวกแกคิดไว้มากนัก ต่อให้พวกแกจะเก่งมากก็ตาม แต่อย่าไปหาเรื่ององค์กรนี้เลยดีกว่า! พวกเขาแกร่งมากเกินกว่าคนธรรมดามากนัก พวกแกแค่คนธรรมดา อย่าคิดว่ามีฝีมือหน่อยแล้วจะไม่สนใจเป็นตาย”
ฟางเหยียนขมวดคิ้ว ดูท่าคงถามอะไรจากปากตาแก่นี่ไม่ได้มากละ เขาเลยถามเสียงเย็นขึ้นว่า “งั้น พวกเขาให้แกมาฆ่าเหล่าเห้อใช่ไหม?”
อ๋าวไท่พยักหน้าพูดตรงไม่ปิดบังว่า “ใช่ พวกเขาให้ฉันมาฆ่าเอง เพราะเหล่าเห้อเป็นคนทรยศขององค์กรสัตว์เพลิง เขาไม่ควรทรยศหักหลังองค์กรใหญ่ขนาดนั้น! เขาคิดว่าหลบซ่อนตัวหลายปีแล้วจะรอด ที่จริงองค์กรสัตว์เพลิงแค่ไม่อยากมาเอาชีวิตเขาเท่านั้นเอง”
ฟางเหยียนกลืนน้ำลายเอื๊อก ก่อนถามต่อ “บอกฉัน สำนักงานใหญ่ขององค์กรนั่นอยู่ที่ไหน? พวกเขาคิดจะทำอะไรกันแน่?”
“แก ไม่มีโอกาสได้รู้แล้วล่ะ! ฉันไม่กล้าพูด และไม่มีทางบอกแกด้วย”
“งั้นหรอ? แกแน่ใจว่าจะทำแบบนั้น?” ฟางเหยียนลุกขึ้นยืนจากพื้น แผ่ซ่านรังสีอำมหิตออกมาจากตัวอีกครั้ง
ท่าทีอ๋าวไท่นิ่งสงบ เขาพูดอย่างเหนื่อยใจว่า “ใช่ ต่อให้แกจะทรมานฉัน ฉันก็ไม่มีทางบอกแกเรื่องเกี่ยวกับองค์กรนั่นหรอก เพราะว่า...”
เขาพูดยังไม่ทันจบ ก็ไม่พูดอะไรอีกเลย เลือดสดคำโตกระอักออกมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนักรบทรงเกียรติยศ