ผ่านไปสักพัก ศาสตราจารย์โจวสูดลมหายใจเข้าปอดหนึ่งเฮือกพลางว่า “ในฐานะผู้ให้ความรู้ ผมผิดหวังกับอาจารย์ส่วนใหญ่ที่อยู่ที่นี่มาก เพราะพวกคุณไม่ได้มองตนเองในฐานะผู้ให้ความรู้ แต่มองตนเป็นแค่อาจารย์ พวกคุณคิดว่าหน้าที่ของตนคือเข้าคลาส สอน และไม่เคยคิดว่านักศึกษาจะรับวิธีสอนของพวกคุณได้ไหม พวกคุณเองก็ไม่เคยคิดว่าจะทำอย่างไรในฐานะผู้ให้ความรู้คนหนึ่ง พวกคุณเคยคิดถึงคำถามหนึ่งไหมว่า ทำไมตอนพวกคุณสอนถึงมีนักศึกษาบางคนออกจากห้องกลางคัน ทำไมถึงมีนักศึกษาไม่ชอบคลาสเรียนของพวกคุณ!”
“คุณ...” ใบหน้าของศาสตราจารย์อาวุโสคนนั้นกระตุก นี่มันตีวัวกระทบคราดชัดๆ คลาสของศาสตราจารย์อาวุโสไม่ค่อยเคร่งครัดมาก ท่าทีสำหรับนักศึกษาคือ อยากฟังก็ฟัง ไม่ชอบก็ไป ไม่เคยบังคับนักศึกษาคนไหนเลย
“เหล่าโจวพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง? ผมรู้ว่าเวลาคุณสอน จะมีนักศึกษาออกนอกห้องเรียนกลางคันน้อยมาก แต่คุณจะมาตีวัวกระทบคราดแบบนี้ไม่ได้สิ? ความคิดของนักศึกษาน่ะมีหลายอย่างนัก พวกเขาบรรลุนิติภาวะแล้ว ตัวเองอยากทำอะไร ตัวพวกเขาเองไม่รู้หรือไง? พวกเขาอยากไป ผมจะทำอะไรได้?” ศาสตราจารย์อาวุโสอธิบายอย่างมีหลักการ
ศาสตราจารย์อาวุโสแค่นเสียงหึ ถามว่า “นี่ยังไม่ชัดว่าที่จะแสดงว่าคลาสของคุณน่ะไม่ดีหรือไง? ผมไม่ได้จงใจว่าศาสตราจารย์หวงคนเดียว ผมว่าทุกคนในที่นี้ คลาสของพวกคุณทุกคนน่ะคร่ำครึเกินไป ไม่มีอะไรแปลกใหม่เลย อารมณ์แบบเรียนไปวันๆเหมือนกันหมด พวกคุณไม่เคยคิดอย่างจริงจังเพื่อวงการศึกษาเลย คิดว่าแต่จะเอาเงินเดือนตอนสิ้นเดือน เท่าที่ผมดูนะ พวกคุณไม่คู่ควรกับคำว่าศาสตราจารย์เลย”
คำพูดของศาสตราจารย์โจวเสียบทะลุแทงใจ มีหลักมีการ! พูดจนอาจารย์ทุกคนในที่นั้นเบิกตากว้าง
ขนาดอธิการบดียังไม่กล้าพูดแบบนี้เลย ไม่คิดเลยว่าศาสตราจารย์โจวจะกล้าต่อว่าอาจารย์มหาลัยทั้งหมดรวมถึงอาจารย์ระดับสูงด้วย
อาจารย์และศาสตราจารย์หลายคนโกรธจนไม่รู้จะพูดอะไรดี ตาแก่นี่บ้าไปแล้วจริงๆ เขาไม่สนใจความรู้สึกกับทุกคนแล้ว คิดอะไรในสมองก็ทำแบบนั้นเลย
“เหล่าโจว!” อธิการบดีที่นั่งอยู่ข้างๆทนดูต่อไปไม่ไหว รีบเรียกศาสตราจารย์โจว
ศาสตราจารย์โจวหันมองอธิการบดี อธิการบดีหัวเราะเสียงแห้งว่า “คนอย่างศาสตราจารย์โจวก็แบบนี้แหละ พูดจาค่อนข้างตรง ทุกคนต่อไปก็เป็นเพื่อนร่วมงานกัน ผมหวังว่าทุกคนจะ...”
“เอาล่ะ!” ศาสตราจารย์โจวตัดบทคำพูดของอธิการบดี พลางว่า “ผมยังพูดไม่จบซะหน่อย!”
เขาไม่สนใจเลยสักนิดว่าคนอื่นจะรู้สึกยังไง พูดต่อไปว่า “ศาสตราจารย์หวง ผมรู้สึกว่าหลักการของคุณเมื่อกี้ไม่สมเหตุสมผล คุณบอกว่าคนนั้นเขาเป็นคนเรียนจบแค่ม.ปลาย คุณเลยจะไม่ฟังคลาสของเขา เขาเองก็ไม่คู่ควรให้คุณไปฟังคลาสของเขา งั้นตามแนวคิดของคุณ คุณสามารถเข้าใจปัญหาทั้งหมดระดับต่ำกว่าม.ปลายงั้นหรอ? ถ้าคุณเข้าใจ งั้นผมออกโจทย์ประถมข้อหนึ่งมาทดสอบคุณ ดูสิคุณจะตอบได้ไหม”
สีหน้าศาสตราจารย์หวงมีแววเก้อเขินกระดาก แก้มสองข้างกระตุกไม่หยุด เขากัดฟันกรอด หรี่ตาแค่นเสียงเยาะออกมาพลางตะคอกดังว่า “คุณกำลังพูดจาโอเวอร์เกินจริงให้ทุกคนคล้อยตาม อยากจะเห็นผมทำผิดต่อหน้าอาจารย์มากมายล่ะสิ? ผมจะบอกให้นะ ศาสตราจารย์โจว คุณอยากเห็นผมทำผิดพลาด เลิกฝันได้เลย”
ศาสตราจารย์โจวแค่นเสียงหึพลางว่า “งั้นคุณถือสิทธิ์อะไรดูถูกคนการศึกษาต่ำล่ะ? หรือว่าการศึกษาต่ำก็จะไม่มีอะไรให้พวกเราเรียนรู้เลยหรือไง? ในด้านการศึกษาคนอย่างพวกคุณเป็นระดับท็อปหรือไง? ใบปริญญาถือเป็นสิ่งที่ไม่สามารถพิสูจน์คุณค่าของคนได้มากที่สุดแล้ว สิ่งที่พิสูจน์คุณค่าของคนอย่างแท้จริงคือความสามารถ ไม่ใช่ใบปริญญา คนที่มีความสามารถจริงๆไม่ต้องมีใบปริญญาอะไรมาพิสูจน์ตัวเองหรอก ใบปริญญาใช้ได้แต่กับพวกคนความคิดคร่ำครึเท่านั้นแหละ”
ศาสตราจารย์โจวพูดเจาะประเด็น เวลาพูดสองตาเขาจ้องเขม็งไปที่ศาสตราจารย์หวง ท่าทางเหมือนจะออกรบยังไงยังงั้น
ศาสตราจารย์หวงเสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัด เขาไม่กล้าค้านกับคนบ้าอย่างศาสตราจารย์โจว เพราะความดื้อรั้นของศาสตราจารย์โจวทุกคนต่างรู้ดี ถ้าไม่ชนะ เขาไม่มีทางยอมหยุด เรื่องที่เขายึดมั่น ต่อให้มีแค่เขาคนเดียว เขาก็จะทำ
“คลาสวันนี้ ผมไม่สนว่าทุกคนคิดยังไง ผมหวังว่าทุกคนจะไป! มันจะเป็นคลาสที่ชาตินี้พวกคุณจะลืมไม่ลง! ผมรับรองว่าถ้าไปแล้วพวกคุณจะไม่เสียใจ ถ้าไม่ไปสิจะเสียใจไปตลอดชาติเลย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนักรบทรงเกียรติยศ