ปรมาจารย์กุ่ยซือหัวเราะดังๆอีกครั้ง จากนั้นก็พูดกับชายคนนั้นว่า “พูดได้เย้ายวนมาก เสียดาย เสียดายน่าเสียดายจริงๆ!เสียดายที่โลกนี้ไม่มีทางให้พวกแกมาเป็นผู้นำได้ สวรรค์ไม่มีทางให้พวกแกเป็นผู้นำแน่นอน”
ปรมาจารย์กุ่ยซือเป็นคนที่รู้ชะตาฟ้าลิขิต คำพูดของเขากระแทกเข้าไปในจิตใจของคนที่มีความเชื่ออย่างแน่วแน่ว่าเพลิงเสวนจะสามารถนำทางโลกนี้ได้ “เพี่ยะ!” ชายผู้นั้นใช้โซ่เหล็ก และเป็นแซ่ที่หนักฟาดเข้าไปที่ร่างกายของปรมาจารย์กุ่ยซือ
ปรมาจารย์กุ่ยซือเย็นชา แม้จะฟาดจนรู้สึกเนื้อตัวแตกยับ แต่สำหรับปรมาจารย์กุ่ยซือ ไม่รู้สึกเจ็บอะไรไปนานแล้ว
ขณะเดียวกันนี้ จู่ๆนอกประตูมีหญิงสาวที่สาวงาม รูปลักษณ์แช่มช้อยเดินมา หญิงสาวคลุมครึ่งหน้า มองไม่เห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงของเธอ แต่ดูจากรูปร่างแล้ว จะต้องเป็นสาวสวยระดับแนวหน้าแน่นอน
หลังจากที่เดินเข้ามาในประตูใหญ่แล้ว เธอเห็นเหตุการณ์ที่อยู่เบื้องหน้า แล้วถอยหลังไปอย่างเงียบๆ
ปรมาจารย์กุ่ยซือกระอักเลือดออกมา เขาหัวเราะ “ฉันไม่เข้าใจจริงๆ สำนักไร้หน้าที่มีมากว่าพันปี นึกไม่ถึงว่าจะกลายเป็นสุนัขรับใช้ของคนอื่นไปได้ แล้วยังอยู่ฝ่ายผิดอีกด้วย เมื่อกี๊ฉันคำนวณว่าสำนักไร้หน้าของพวกแก ไม่ถึงหนึ่งเดือน สำนักไร้หน้าของพวกแกจะล่มสลาย มุกเทพปรากฏ สำนักไร้หน้าพังพินาศ จากวันนี้เป็นต้นไป บนโลกนี้จะไม่มีสำนักไร้หน้าอีกต่อไป ฉันรู้สึกโศกเศร้าแทนบรรพบุรุษที่สร้างสำนักไร้หน้าของพวกแกจริงๆ”
คำพูดของเขาทำให้คนที่ถือโซ่เหล็กโมโหเป็นฟืนเป็นไฟ เขาได้ฟาดลงไปที่ร่างกายของผู้เฒ่าอีกหลายครั้ง พลางเฆี่ยน พลางตะโกนด้วยความเกรี้ยวกราด “ใครให้แกพูดจาสุ่มสี่สุ่มห้า ใครให้แกพูดจาสุ่มสี่สุ่มห้า”
ปรมาจารย์กุ่ยซือแสยะยิ้มออกมา แล้วกล่าว “ฉันปรมาจารย์กุ่ยซือไม่เคยพูดสุ่มสี่สุ่มห้า ฉันมั่นใจกับคำพูดทุกคำที่ฉันพูดออกไป สำนักไร้หน้าต้องล่มสลาย องค์กรที่พวกแกพูดถึงนั่นก็จะหมดอำนาจ เพราะ คนนั้นได้มาจุติแล้ว มุกเทพปรากฏ หินทิพย์รวมจิตวิญญาณ ดาบน้ำสะท้านพิภพมหาสมุทร จะต้องเกิดวิกฤตครั้งใหญ่ พายุของพวกแกใกล้จะมาถึงแล้ว”
“ฮ่าๆๆ ฮ่าๆๆๆๆๆ!” จู่ๆปรมาจารย์กุ่ยซือหัวเราะอย่างบ้าคลั่งขึ้นมาในตำหนัก เสียงหัวเราะของเขาดังสนั่นไปทั่วช่องแคบ ทำให้สำนักไร้หน้าต้องสั่นสะเทือน หนาวเย็น
“เชี่ย!” คนที่ถือแซ่ฟาดปรมาจารย์กุ่ยซือต่อไป แต่เพิ่งจะฟาดไปหนึ่งครั้ง คนที่หันหลังให้ผู้คนเอ่ยปากว่า “พอแล้ว หยุดได้ล่ะ!”
นี่คือเสียงเหมือนกับอสูรนรก ที่ถูกขังมาหลายปี เสียงนี้แหบแห้ง แล้วยังมีความบ้าคลั่งของโดยธรรมชาติอีกด้วย เมื่อได้ยินทำให้จิตใจคนหวาดกลัวขึ้นมาได้ เหมือนกับเสียดแทงเข้าไปภายในใจลึกๆของหลายๆคน
ชายที่ถือแซ่ไม่กล้าฟาดอีกต่อไป เพียงแต่ถอยหลังไปอยู่อีกฝั่งอย่างเงียบๆ เขาค่อยๆหันหลังกลับมา ทั้งใบหน้ามีเพียงสายตาแดงก่ำ แววตานั้น ราวกับภูตผีของนรก เมื่อเห็นแล้วทำให้คนหวาดกลัวขึ้นมา
“เมื่อกี๊แกพูดว่าอะไรนะ?สำนักไร้หน้าจะล่มสลาย?” สาวตาทั้งสองดวงของเขาจ้องไปที่ปรมาจารย์กุ่ยซืออย่างไม่ละสายตาแล้วถาม
ปรมาจารย์กุ่ยซือท่าทีสบายๆ เขายิ้มอ่อนๆ “ใช่ สำนักไร้หน้าจะล่มสลาย!ไม่เพียงแค่สำนักไร้หน้านะ แม้แต่องค์กรนี้ที่อยู่เบื้องหลังพวกแกก็จะต้องพังพินาศเช่นกัน!”
“แก น่าจะเป็นระดับต้าชี่เหมือนกันสินะ?” เขาถามอย่างเย็นชาต่อ ไม่ขยับ และไม่สนใจว่าปรมาจารย์กุ่ยซือจะพูดอะไร
ปรมาจารย์กุ่ยซือแสดงสีหน้าภูมิใจออกมา เงยหน้าแล้วกล่าว “ใช่!”
“ในเมื่อแกก็เป็นระดับต้าชี่ แล้วก็เป็นเทพแห่งการทำนาย แล้วแกทำนายออกมั้ยว่าวันนี้คือจุดจบของแก!” พูดจบ เขายกมือขึ้นมาตบไปที่ปรมาจารย์กุ่ยซืออย่างรุนแรง
ตบผ่านอากาศ หน้าอกของปรมาจารย์กุ่ยซือถูกตีอย่างหนักหน่วง เหมือนกับถูกรถบรรทุกที่ความเร็วร้อยกิโลเมตรต่อชั่วโมงชนเข้าให้ จนทำให้ห้าอวัยวะตันหกอวัยวะกลวงพัง จนเขากระอักเลือดออกมา ไม่รอให้ปรมาจารย์กุ่ยซือได้สติ คนนั้นก็มาอยู่ตรงหน้าของเขาราวกับการมาของภูตผี
เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เสียดแทง “จากนี้ไป ยุทธภพจะไม่มีปรมาจารย์กุ่ยซืออีกต่อไป!”
พูดจบ ในมือของเขาเกิดเป็นควันดำขึ้น ควันดำนั้นยิ่งรวมยิ่งใหญ่ ยิ่งรวมยิ่งใหญ่ และแล้ว ควันดำนั้นก็โจมตีไปที่ปรมาจารย์กุ่ยซือทันใด
ได้ยินเสียงคร่ำครวญกับเสียงกินอาหาร ไม่ถึงหนึ่งนาที ปรมาจารย์กุ่ยซือถูกกลืนกินเข้าไปจนหมด ร่างกายและแม้แต่กระดูกของเขาล้วนหายไปในตำหนัก ปรมาจารย์กุ่ยซือ เหมือนกับไม่เคยปรากฏตัวขึ้นมาก่อนอย่างไรอย่างนั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนักรบทรงเกียรติยศ