จอมนักรบทรงเกียรติยศ นิยาย บท 488

สรุปบท บทที่ 488 เบญจธาตุเชื่อมโยงกันไปมา: จอมนักรบทรงเกียรติยศ

ตอน บทที่ 488 เบญจธาตุเชื่อมโยงกันไปมา จาก จอมนักรบทรงเกียรติยศ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 488 เบญจธาตุเชื่อมโยงกันไปมา คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายใช้ชีวิต จอมนักรบทรงเกียรติยศ ที่เขียนโดย โซ่วปี่หนานซาน เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

เจียวเบียวหยักหน้าเบาๆแล้วกล่าว “ใช่ พูดให้ถูกคือ เขาถอยออกมาจากสนามรบ แกรู้มั้ยว่าเขาได้รับชื่ออย่างไรในสนามรบ? ถ้าแกรู้ เกรงว่าแกก็จะต้องกลัวเขาเหมือนที่ฉันกลัว”

“ชูร่า!” เจียวเบียวเงยหน้าขึ้นอย่างไม่สนใจ ยืดอกแล้วพูดต่อว่า “ชื่อในสนามรบของเขาชื่อว่าชูร่า! รู้มั้ยว่าทำไมถึงเรียกว่าชูร่า? เพราะคนที่เขาฆ่ามันเยอะมากๆ นับไม่ถ้วนกันเลยทีเดียว ตอนที่ออกมาจากทะเลทราย เมื่อเขาหิวก็ได้กินอวัยวะภายในของผู้คนที่มาด้วยกันพวกนั้น เมื่อกระหายก็ดื่มเลือดของคนที่มาด้วยกัน มีเพียงเลือดและเนื้อหนังที่สามารถดับกระหาย ระงับความหิวได้ สำหรับเขาแล้วการเกิดการตาย ไม่ได้สำคัญขนาดนั้นมาตั้งนานแล้ว เขาเป็นหน่วยกล้าตายเพียงคนเดียวที่กลายเป็นข้าราชการและปลดประจำการออกมา และเป็นคนเดียวที่ได้รับการแต่งตั้ง ความสามารถของเขาได้พิชิตสนามรบมาแล้ว”

“งั้น เพียงแค่เขาออกโรง ไอ้นั่นไม่ใช่ว่าจบเห่เลยเหรอ?” ผู้ชายกล่าว

เจียวเบียวหัวเราะเหอะๆออกมา แล้วกล่าว “แล้วใครว่าไม่ล่ะ นึกไม่ถึงว่าไอ้นั่นกล้าฆ่าลูกศิษย์ของเขา กู่เฟิงเป็นลูกศิษย์คนแรกที่เขารับไว้ และเป็นลูกศิษย์เพียงคนเดียวเท่านั้น เป็นสิ่งล้ำค่าของเขาตั้งนานแล้ว หัวของมันอยู่ที่คอได้แค่ช่วงขณะนี้เท่านั้นแหละ ใช้เวลาไม่นาน หัวของมันก็จะแยกจากคอของมันโดยสิ้นเชิงแล้ว”

องค์กรนินจา

ผู้เฒ่าเคราขาวยืนอยู่ด้านล่างบันไดของห้องโถงองค์กรนินจา ท่านปรมาจารย์ขององค์กรนินจานั่งอยู่บนเก้าอี้ ใบหน้าที่เหี่ยวย่นของเขากำลังก้มอ่านหนังสือเล่มหนึ่งอย่างใกล้ นั่นเป็นหนังสือเก่าที่ขาดยับ เหมือนเขาต้องใช้พลังมากในการอ่านหนังสือ หนังสืออยู่ใกล้กับใบหน้าของเขามาก ใกล้มาก แทบจะแนบชิดกับหน้าของเขาไปแล้ว เขาพลางอ่าน พลางลูบคลำเครา แว็บๆก็พยักหน้าอืมๆ และแว็บๆก็ส่ายหน้าซะงั้น ดูๆแล้วมีความรู้สึกอย่างกำลังคิดอะไรอยู่

ผู้เฒ่าหลายคนที่ยืนอยู่ใต้บันไดต่างสบตากัน จากนั้นผู้เฒ่าที่อายุมากหน่อยหนึ่งในนั้นเดินเข้าไป แล้วกล่าวอย่างยกมือเคารพโค้งคำนับว่า “ท่านปรมาจารย์ เกิดเรื่องใหญ่แล้วครับ! คนนั้นมันล้างบางสำนักไร้หน้า สำนักไร้หน้าถูกสังหารจนสิ้นซากแล้ว”

ท่านปรมาจารย์พยักหน้าอืมๆ คนที่อยู่ด้านล่างบันไดล้วนคิดว่าท่านปรมาจารย์จะตอบคำถามของพวกเขา ทุกคนต่างรอคอยท่านปรมาจารย์เอ่ยปากพูด แต่รอไปสักพัก ท่านปรมาจารย์กลับพยักหน้าอย่างไม่สนใจแล้วกล่าว “ดี เฉียบแหลม นี่สิถึงจะเป็นข้อมูลที่ฉันต้องการ และแล้วฉันก็หาแกจนเจอ แกไอ้นี่ เล่นเอาฉันหามาตั้งหลายวัน หาแกเจอจนได้”

พูดจบ ท่านปรมาจารย์เอามือวางไว้บนเก้าอี้ จากนั้นในปากก็ท่องคำไป การกระทำนี้ทำให้ผู้เฒ่าหลายคนที่ยืนอยู่ที่ด้านล่างบันไดค่อนข้างหมดคำพูด ทุกคนต่างมองหน้ากันอีกครั้ง นี่เป็นผู้เฒ่าคนที่หกที่ยืนขึ้นพูดแบบนั้นแล้ว ทุกคนท่านปรมาจารย์ล้วนไม่สนใจพวกผู้เฒ่า เพียงแต่อ่านหนังสืออย่างไม่สนใจ

การกระทำนี้ทำให้หลายๆคนเริ่มทนไม่ไหวแล้ว ด้วยเหตุนี้จึงเริ่มตั้งคำถามขึ้นมาว่า “นี่มันอะไรกัน? ท่านปรมาจารย์มึนหรือเปล่าเนี่ย? ช่วงนี้เขาเจ็บไข้ได้ป่วยอะไรบ้างมั้ย ระบบในร่างกายยังปกติอยู่มั้ย?”

“ร่างกายของท่านปรมาจารย์จะมีปัญหาได้อย่างไรกัน บำเพ็ญตนมาหลายร้อยปีขนาดนั้น อยู่เหนือคนธรรมดาไม่นานแล้ว กล่าวอีกนัยคือ ร่างกายนี้ไม่สามารถรับจิตวิญญาณของท่านปรมาจารย์ได้แล้ว แล้วเขาจะป่วยได้อย่างไรกัน?”

“แต่ปฏิกิริยาโต้ตอบของท่านปรมาจารย์ช้าไปหน่อยมั้ย หรือว่าเกิดปัญหาอะไร ทำไมพวกเราถามอยู่ที่นี่ตั้งนานแล้ว เขามักจะหลบหลีกคำถามของพวกเราแล้วไปที่เรื่องอื่นล่ะ”

“ชัดเจนมาก ว่าท่านปรมาจารย์ไม่อยากตอบคำถามนี้ของพวกเรายังไงล่ะ พวกเราอย่าถามต่อไปอีกเลยนะ! ในเมื่อท่านปรมาจารย์ได้ยินก็จะตอบมาเอง หรืออยู่กันมานานขนาดนั้นแล้ว ยังไม่รู้นิสัยของท่านปรมาจารย์อีกเหรอ?”

“แต่…!” ผู้เฒ่าคนหนึ่งกล่าว “ในฐานะที่เป็นองค์กรนินจา เขาทำลายองค์กรนินจาที่มีมาเป็นพันปี พวกเราไม่ควรออกโรงไปขัดขวางเลยงั้นเหรอ? ที่มาในวันนี้ ก็ต้องการขอท่านปรมาจารย์ให้พวกเขาได้ออกโรงขัดขวางเขาครับ”

ท่านปรมาจารย์หัวเราะฮ่าๆ การหัวเราะนี้ ไม่มีแม้กระทั่งฟันสักซี่เดียว เขาแก่เกินไป แก่จนฟันทั้งหมดหลุดไปหมดแล้ว

“ไม่เป็นไร! จะเกิดจะตาย จะรวยจะจนฟ้าลิขิต การเกิดการตาย เป็นไปตามวัฏจักรธรรมชาติ! ไม่เป็นไปตามกฎ ก็ต้องถูกกำจัด” ท่านปรมาจารย์พูดประโยคนี้ออกมาอย่างไม่สนใจ

ผู้เฒ่ากลุ่มนั้นที่อยู่ด้านล่างบันไดต่างมองหน้ากัน จากนั้นก็ยังเป็นผู้เฒ่าคนนั้นที่พูดเมื่อกี๊พูดว่า “ แต่ เป็นองค์กรที่มีมามากกว่าพันปีแล้ว พังพินาศเป็นแบบเนี่ย ไม่เหมาะสมเท่าไหร่มั้ง! ท่านปรมาจารย์ นี่เป็นความสูญเสียของประเทศหวานะ สำนักไร้หน้าคือธาตุโลหะในเบญจธาตุของประเทศหวาของเรานะครับ แล้วยังสำคัญที่สุดอีกด้วย วันนี้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เกรงว่าจะไม่เป็นผลดีต่อประเทศหวานะครับ!”

“ฮ่าๆ!” ท่านปรมาจารย์หัวเราะอย่างเย็นชาออกมา จากนั้นก็ส่ายหน้าอย่างช่วยไม่ได้แล้วกล่าว “ตั้งแต่สมัยโบราณเบญจธาตุเชื่อมโยงกันไปมา ในเมื่อธาตุโลหะตายไปแล้ว นั่นก็แสดงว่าถึงการอวสานของธาตุโลหะแล้ว! พวกคุณจำไว้ ในโลกนี้ไม่มีองค์กรที่อยู่ค้ำฟ้า! เบญจุธาตุจะมีช่วงสลับสับเปลี่ยนเช่นกัน นี่ก็เป็นแค่การสลับสับเปลี่ยนของเบญจุธาตุก็เท่านั้น! สำนักไร้หน้าสลายไป นี่แสดงว่าพวกเขาไม่เหมาะที่จะเป็นเบญจธาตุอีกต่อไปแล้ว นี่เป็นกฎการกำจัดตามธรรมชาติ แล้วทุกท่านจะตื่นตระหนกทำไมกัน!”

เมื่อผู้เฒ่าหลายคนได้ยินคำพูดนี้ของท่านปรมาจารย์ ก็ได้ถกเถียงกันขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้นหนึ่งในนั้นได้กล่าวว่า “งั้น องค์กรนินจาของเราจำเป็นต้องไปเตือนเขาสักหน่อยแล้ว! ถ้าพวกเราไม่ออกโรง เกรงว่าเขาอาจจะก่อเรื่องอะไรขึ้นมาอีก”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนักรบทรงเกียรติยศ