จอมนักรบทรงเกียรติยศ นิยาย บท 528

สรุปบท บทที่ 528 ท่วงท่าของราชา: จอมนักรบทรงเกียรติยศ

ตอน บทที่ 528 ท่วงท่าของราชา จาก จอมนักรบทรงเกียรติยศ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 528 ท่วงท่าของราชา คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายใช้ชีวิต จอมนักรบทรงเกียรติยศ ที่เขียนโดย โซ่วปี่หนานซาน เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

พวกคนแก่หลายคนโดนคำพูดนี้ของเสี่ยวหงทำเอาอึ้ง ต่างคนต่างมองกันไปมา แล้วหันไปดูชายร่างกำยำ และหันมามองเสี่ยวหง ก่อนจะส่ายหน้าว่า “เป็นไปไม่ได้ เห็นได้ชัดว่าเธอใช้เล่ห์เสน่ห์ควบคุมเขาไว้! เธอคิดว่าพวกเราไม่รู้เลยสักนิดหรือไง?”

“รู้?” เสี่ยวหงหัวเราะเสียงดังออกมา ก่อนจะแบมือสองข้างเป็นเชิงได้ใจว่า “คุณจะรู้อะไร? เล่ห์เสน่ห์ คุณคิดว่าฉันจะครอบงำใจของคนคนหนึ่ง ต้องใช้เล่ห์เสน่ห์ด้วยหรือไง?”

“คนแก่อย่างพวกคุณไม่ต้องพูดให้มากความแล้ว เสียเวลาฉัน! วันนี้ฉันมาเอาสิ่งที่เป็นของฉันคืน สามสิบปีมานี้ฉันทุกข์ทรมานมามากเกินไปแล้ว ฉันต้องการให้หยางจิ่งเซียนชดใช้ให้ฉัน! ฉันจะเป็นเจ้าตระกูลของตระกูลหยาง ฉันจะควบคุมทั้งตระกูลหยาง ถ้าพวกคุณจะโทษก็โทษหยางจิ่งเซียนละกัน ถ้าไม่ใช่เพราะเขา ตาแก่หัวหงอกอย่างพวกคุณก็ไม่ต้องตายหรอก!”

สีหน้าเสี่ยวหงเขียวคล้ำ ดูแล้วโกรธจัด พอพูดจบ เธอหันไปพูดกับเทียนขุยด้วยสายตาเย็นชาว่า “ลงมือเถอะ! เจ้าวัวรอง! ฉันไม่อยากเห็นคนเป็นที่นี่อีก”

เทียนขุยยกหมัดขึ้น ตะคอกคำออกจากปากว่า “แปดทิศ...”

สองคำนี้ผุดออกมาราววัวแก่คำราม เสียงดังอึกทึก พลังพลุ่งพล่าน

แต่หมัดแปดทิศของเขายังไม่ทันพูดออกมา ทันใดนั้น เสียงเข้มดังเสียงหนึ่งดังไปทั่วทั้งห้องโถงของตระกูลหยาง ราวกับราชสีห์คำรามด้วยความโกรธจัด ราวกับน้ำป่าไหลหลาก ก่อให้เกิดสภาวะกล้ำกลืนฟ้าดินว่า “เทียนขุย!”

ในตอนที่เทียนขุยจะลงมือกับเจ้าสามหยางนั้น ฉินเข่อใจกระตุกวูบ เธอหันไปส่งสายตาขอความช่วยเหลือใส่ฟางเหยียน ดวงตาเธอมีน้ำตาคลอเบ้า มันเป็นน้ำตาของความสิ้นหวังและหวาดกลัว ตอนนี้ตระกูลหยางไม่มีหนทางรอดแล้ว เพราะตระกูลหยางเป็นแค่ตระกูลทำธุรกิจธรรมดา อาศัยชื่อตระกูล ถ้าตระกูลหยางเป็นอะไรไป บางทีอาจจะมีคนเรียกร้องความยุติธรรมให้ แต่ทั้งหมดนั้นมันไร้ความหมายแล้ว เพราะตระกูลล่มสลายไปแล้ว คนตายก็ไม่อาจฟื้นคืนได้แล้ว

สิ่งเดียวที่ฉินเข่อทำได้คือส่งสายตาอ้อนวอนไปให้กับคนแปลกหน้าที่คุ้นเคยคนนี้ เขาเป็นปีศาจฆ่าคน เขาฆ่าคนไปหลายพันคน และยังฆ่าทหารหาญที่ใส่ชุดเกราะสีทองนั่นด้วย ฉินเข่อเชื่อใจเขา เชื่อว่าเขาต้องจัดการคนตรงหน้าไม่กี่คนนี้ได้แน่ เธอจับแขนฟางเหยียนแน่น พูดอ้อนวอนด้วยน้ำเสียงแหบเครือใกล้จะร้องไห้ว่า “คุณช่วยบ้านเราหน่อยได้ไหม?”

ฟางเหยียนหันไปมองฉินเข่อ เขาไม่ได้พูดอะไร แต่ฉินเข่อรีบบอกทันทีว่า “ฉันขอร้องคุณล่ะ ถ้าคุณไม่ช่วย บ้านหยางของเราไม่รอดแน่! ตระกูลหยางเป็นแค่นักธุรกิจสุจริต คุณลุงฉันเขาเป็นแค่พ่อค้าเท่านั้นเอง”

“เมื่อกี้ที่คนพวกนั้นพูดเขาไม่ได้ตั้งใจกันนะ ฉันหวังว่าคุณจะไม่ถือสาพวกเขา ช่วยบ้านเราหน่อยได้ไหม?”

ฟางเหยียนแย้มริมฝีปาก เผยรอยยิ้มบางที่ทำให้คนรู้สึกสบายใจออกมา จากนั้นเขายกมือขึ้นแตะแก้มของฉินเข่อที่มีน้ำตาหลั่งรินผ่านเบาๆ พลางว่า “ได้ บอกแล้วไม่ใช่หรือไงว่าคุณพาผมมา ผมก็ต้องฟังคุณไม่ใช่หรอ? ไม่ต้องขอร้อง นี่เป็นสิ่งที่ผมควรทำอยู่แล้ว ขอแค่คุณสั่งมา ผมมีหรือจะไม่ทำ?”

คำพูดนี้ทำฉินเข่อรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ ต่อให้ฝันเธอก็ไม่เคยคิดว่าฟางเหยียนจะมีมุมอบอุ่นแบบนี้ด้วย

พูดถึงตรงนี้ สายตาเขาหันไปมองเทียนขุยที่เตรียมตัวจะลงมือฆ่าเจ้าสามหยางที่ด้านนอกประตู พลางตะคอกเสียงดังว่า “เทียนขุย!”

เสียงเรียกนี้ที่จริงก็ไม่ดัง แต่กลับมีอานุภาพชนิดหนึ่งที่ยิ่งใหญ่จนศัตรูยากจะต้านทานได้มาด้วย เพราะเขาพูดมันออกมาด้วยกำลังภายใน สะท้อนดังไปถึงหูทุกคน ทำให้คนที่ได้ยินเสียงนี้ต่างรู้สึกสะท้านในหัวใจ

นี่เป็นเสียงเรียกที่ช่างน่ากลับนัก  สามารถสะกดเทียนขุยที่กำลังหลงทางได้ชะงัดนัก!

และเพราะเสียงเรียกนี้เอง เทียนขุยชะงักอึ้ง ตัวเขายืนแข็งค้างตะลึงอยู่กับที่ สองตาเหม่อลอย ท่าทีจะฆ่าคนเมื่อกี้โดนเสียงทรงพลังนี้กวาดหายไปเรียบ

พึ่งเดินถึงหน้าประตู หยางจิ่งเซียนยกมือขึ้นรั้งแขนฟางเหยียนไว้ พลางถามว่า “พ่อหนุ่ม จะทำอะไรน่ะ? นี่เป็นเรื่องของตระกูลหยางเรา ผมไม่อยากทำให้คุณเดือดร้อนไปด้วยนะ”

ฟางเหยียนโบกมือใส่ด้วยสีหน้าเย็นชา พลางว่า “นี่ก็เป็นเรื่องของผมเหมือนกัน!”

หยางจิ่งเซียนพะงาบปากราวกับจะถามอะไรอีก แต่ยังไม่ทันได้ถาม

เสี่ยวหงก็ถามด้วยสีหน้าดำคร่ำเครียดว่า “นายเป็นใคร?”

ดวงตาของเธอจับจ้องที่ฟางเหยียน มองสำรวจจากบนลงล่าง จากล่างขึ้นบน ฟางเหยียนไม่ได้โดดเด่นอะไร เขาหน้าตาธรรมดา รวมถึงออร่าบนตัวก็ไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนั้น

ฟางเหยียนเผยอปาก พูดอย่างเย็นชาว่า “คุณยังไม่คู่ควรที่จะรู้”

ประโยคเดียวสรุปผลออกมาได้ชะงัด ทำให้พวกคนแก่เหล่านั้นยิ่งแปลกใจในตัวเขามากขึ้น อะไรคือไม่เห็นใครในสายตาอย่างแท้จริง นี่ต่างหากไม่เห็นใครในสายตาเลย ไม่ว่าตอนเธอเข้ามาจะฆ่าคนไปมากมายขนาดนั้น แต่ฟางเหยียนยังคงไร้ซึ่งความหวั่นเกรงเหมือนเดิม

ไม่ทันรู้ตัว ทุกคนได้ก่อเกิดความเชื่อใจในตัวเขาไปแล้ว รู้สึกว่าหมอนี่ไม่เหมือนคนอื่น ไม่เห็นใครในสายตามันมีเหตุผลนะ ที่จริงนี่เป็นท่าทีที่ทุกคนไม่ชอบเมื่อกี้ แต่ก็เป็นท่าทีนี้ที่ทำให้ทุกคนเชื่อมั่นในตัวเขา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนักรบทรงเกียรติยศ