จอมนักรบทรงเกียรติยศ นิยาย บท 539

สรุปบท บทที่ 539 ลงเดิมพัน: จอมนักรบทรงเกียรติยศ

สรุปเนื้อหา บทที่ 539 ลงเดิมพัน – จอมนักรบทรงเกียรติยศ โดย โซ่วปี่หนานซาน

บท บทที่ 539 ลงเดิมพัน ของ จอมนักรบทรงเกียรติยศ ในหมวดนิยายใช้ชีวิต เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย โซ่วปี่หนานซาน อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

แต่เขายังไม่ทันได้พูดอะไร หมอหลินก็ถามต่อว่า “เธอมีความมั่นใจแค่ไหนที่จะรักษาคุณชายสามตระกูลหยาง?”

“ร้อยเปอร์เซ็นต์!” ฟางเหยียนตอบโดยไม่ต้องคิด จากนั้นเขาก็ก้าวเท้าเดินมายังข้างกายเจ้าสามหยางทันที

หมอหลินส่งเสียงอ้อออกมา พูดขึ้นด้วยวาจาเย็นเยียบ “เธอคิดว่าตัวเองเป็นใคร? เธอคิดว่าเธอเป็นฮว่าถัวหรือ? ฉันจะบอกเธอให้นะ ต่อให้ฮว่าถัวยังไม่ตาย ก็ไม่กล้าพูดว่าตัวเองมีความมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ที่จะรักษาเขาหายได้!”

ตอนนี้พิษนั่นแล่นเข้าสู่หัวใจแล้ว ก้าวต่อไปก็คือโจมตีหัวใจ ไม่เกินครึ่งชั่วโมง พิษนี้ก็จะโจมตีหัวใจ หากโจมตีหัวใจ คนผู้นั้นก็หมดทางเยียวยา ตายอย่างไม่ต้องสงสัย นี่คือความรู้ทั่วไป ไม่ว่าจะแพทย์แผนจีนหรือแผนตะวันตกต่างก็รู้ทั้งนั้น

ฟางเหยียนพยักหน้าเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ผมขอลองดูหน่อย!”

กล่าวจบ ฟางเหยียนก็เดินมาถึงข้างเตียงแล้ว เขาชูสองนิ้วขึ้นมากดไปตามร่างกายของเจ้าสามหยางสองสามที ปิดกั้นจุดสำคัญบนร่างกายของเขาไว้ พอเห็นการกระทำเช่นนี้ เหล่าพี่น้องตระกูลหยางก็ระงับความอดทนไม่ไหว รีบร้องว่า “คุณจะทำอะไร?”

อันที่จริงเหล่าพี่น้องตระกูลหยางยังคงไม่ไว้ใจฟางเหยียน แม้เขาจะขับไล่เสี่ยวหงไปแล้ว ขจัดความยุ่งยากหนึ่งให้ตระกูลหยาง แต่หากว่ากันถึงวิชาแพทย์ พวกเขารู้สึกว่าวิชาแพทย์ของเขายังจะดีไปกว่าหมอหลินได้อย่างไร

อย่าว่าแต่พี่น้องเหล่านั้น แม้แต่ตัวฉินเข่อเองก็ไม่เชื่อว่าวิชาแพทย์ของเขาจะเหนือกว่าหมอหลิน หมอหลินอยู่ที่ดินแดนตะวันตกนับเป็นบุคคลที่เปี่ยมคุณธรรมมากด้วยบารมีคนหนึ่ง รักษาคนหายมากมาย รางวัลยกย่องที่อยู่ในบ้านก็มีไม่น้อย คำเรียกขานจำพวกประกอบอาชีพเป็นหมอช่วยเหลือผู้คนเอย หมอเทวดาแห่งยุคเอยก็มีมากมายนับไม่ถ้วน

“สหายน้อย!” หมอหลินยกมือขึ้นมาจับมือฟางเหยียนไว้ พูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “พวกเรามาตกลงกันก่อน หากคนรักษาไม่ได้ เธอจะต้องรับผิดชอบทั้งหมด หากเธอรักษาได้ ฉันจะคุกเข่าต่อหน้าเธอ แล้วโขกหัวให้เธอสามครั้ง ทั้งยังจะเรียกเธอว่าอาจารย์ด้วย”

หลินอีอีก็เงยศีรษะขึ้นมามองสำรวจฟางเหยียนเช่นกันแล้วกล่าวว่า “ใช่แล้ว ขนาดปู่ฉันยังรักษาไม่ได้ นายจะรักษาได้ได้อย่างไร! หากนายรักษาได้ ฉันเองก็จะยอมติดตามนาย เป็นผู้ติดตามคนหนึ่งของนาย”

ฟางเหยียนแย้มปากเป็นรอยยิ้ม ก่อนจะส่ายหน้ากล่าวว่า “ไม่จำเป็น!”

ได้ยินคำว่าไม่จำเป็น หมอหลินก็หัวเราะเหอๆ แล้วถามว่า “ทำไม? ไหนเมื่อกี้เธอบอกว่ามั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ที่จะช่วยคนได้อย่างไรล่ะ? ทำไมตอนนี้ไม่กล้าแล้ว? เธอกลัวแล้ว?”

“นี่ยังต้องพูดด้วยเหรอ? เขาต้องกลัวอยู่แล้ว ปู่!” หลินอีอีพูดด้วยสีหน้าลำพอง

ฟางเหยียนส่ายหน้าอย่างจนปัญญาแล้วพูดว่า “ผมไม่ได้กลัว แค่คำนึงว่าหมอหลินอายุมากขนาดนี้แล้ว ต้องคุกเข่าต่อหน้าผม จะเป็นการผิดขนบธรรมเนียม พวกเรายังคงอย่าพนันอะไรพวกนี้ดีกว่า รักษาได้ก็คือรักษาได้”

“โอหัง!” หมอหลินตวาดเสียงเฉียบขาด “เด็กอมมืออย่างเธอ ถึงกับกล้าพูดจาหยาบคาย ขนาดฉันรักษาไม่ได้ ฉันก็ไม่เชื่อหรอกว่าเธอจะรักษาได้! ฉันหลินเหย้าหรงพูดได้ทำได้ หากเธอรักษาได้ ฉันจะคุกเข่าต่อหน้าเธอ แล้วโขกศีรษะให้เธอเรียกเธอว่าอาจารย์ หลินอีอีหลานสาวฉันก็จะคุกเข่าโขกศีรษะ เรียกเธอว่าอาจารย์เหมือนกัน! หากไม่กล้ารับ ก็อย่าทำตัวกำเริบเสิบสานเช่นนี้”

สุดท้ายสรุปว่า ความหยิ่งในศักดิ์ศรีของหมอหลินแข็งแกร่งเกินไป คนส่วนใหญ่ก็ตายอยู่บนความหยิ่งในศักดิ์ศรีของตนเองเช่นเดียวกัน ฟางเหยียนส่ายหน้าอย่างจนปัญญาพลางกล่าวว่า “เอาเถอะ ในเมื่อคุณยืนกรานจะทำเช่นนี้ ผมก็คงช่วยไม่ได้”

“ดี!” หมอหลินพูดเสียงดัง “ทุกคนสามารถเป็นพยานได้!”

“จริงสิ หากเธอรักษาไม่หายจะทำยังไง?” หมอหลินถามอีก

ตอนนี้ ทุกการกระทำของฟางเหยียนล้วนอยู่ภายใต้การเฝ้าดูของสายตานับไม่ถ้วนเลยก็ว่าได้ หากมีความผิดปกติแม้เพียงเสี้ยวเดียว ก็จะถูกทุกคนสังเกตเห็นทันที ฟางเหยียนไม่ได้รู้สึกถึงแรงกดดันแต่อย่างใด แรงกดดันสำหรับเขาแล้วไม่เคยมีอยู่มาแต่ไหนแต่ไร

เขายกมือขึ้นอย่างไม่รีบไม่ร้อนกดชีพจรของเจ้าสามหยางไว้ ไม่กี่วินาทีให้หลัง เขาก็ชูสองนิ้วขึ้นมาจิ้มๆ ไปบนหน้าอกของเจ้าสามหยาง หลังทำแบบนี้เสร็จ เขาก็ใช้นิ้วกดไปบนปากแผลที่ถูกแทงของเจ้าสามหยาง เห็นเพียงร่างของเจ้าสามหยางจู่ๆ ก็สั่นอย่างรุนแรงขึ้นมาพักหนึ่ง นี่คงเป็นเพราะภายใต้สถานการณ์เจ็บปวดอย่างฉับพลันถึงได้ตัวสั่นขึ้นมา

เป็นอย่างนั้นอยู่ชั่วครู่ สั่นสะเทือนใจของทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ เหงื่อราวกับเม็ดถั่วหยดลงมาบนใบหน้าของเจ้าใหญ่หยาง เขารีบร้องเรียกไปทางฟางเหยียน “คุณ นี่คุณกำลังทำอะไร? ที่ไหนมีการรักษาโรคแบบคุณบ้าง นั่นเป็นบาดแผลเชียวนะ!”

หลินอีอีก็รีบพูดเสริมเติมแต่งเข้าไปว่า “ทุกคนเห็นกันแล้วสินะ? เจ้าหมอนี่รักษาโรคไม่เป็นโดยสิ้นเชิง นี่เขาคงอยากให้คนเจ็บหลุดพ้นเร็วกว่าเดิมมากกว่า ที่ไหนมีคนเจ็บหนักขนาดนั้น ยังจะถูกคนกดบาดแผลไว้กันบ้าง”

ฟางเหยียนไม่มีทางจะไปสนใจหลินอีอี เพียงแค่เงยหน้าขึ้นใช้สายตาจ้องเจ้าใหญ่หยางแล้วถามว่า “มีเกลือไหม ผมต้องการเกลือ!”

เจ้าใหญ่หยางชะงักไปเล็กน้อย แล้วถามกลับว่า “คุณ คุณจะทำอะไร?”

“แก้พิษ!” ฟางเหยียนตอบสองคำด้วยท่าทางปลอดโปร่ง เขาพูดด้วยความสงสัยเต็มใบหน้าทันที “คุณแน่ใจแล้วเหรอว่าตัวเองกำลังแก้พิษอยู่? การกระทำเมื่อกี้ของคุณ ผมไม่ยักมองออกว่าคุณกำลังแก้พิษ!”

“เจ้าใหญ่!” หยางจิ่งเซียนตวาดออกมา โบกมือพูดว่า “เชื่อฟังคุณฟาง”

บางทีอาจเป็นเพราะเคร่งเครียดเกินไป ทุกคนจึงไม่ได้รับรู้ว่าหยางจิ่งเซียนเปลี่ยนคำเรียกขานฟางเหยียนจากพ่อหนุ่มฟางเป็นคุณฟางไปแล้ว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนักรบทรงเกียรติยศ