ทุกคนเงียบกริบกันทันที
แต่ละคนมองหน้ากันแล้วจ้องไปยังผู้ชายที่กำลังพูดอยู่ ไม่ผิดคาดเลยสักนิด ในแววตาของทุกคนเต็มไปด้วยความดูถูกดูแคลน ผู้ชายหน้าตาซีดเซียว สภาพร่างกายเหมือนคนป่วย ที่ลมพัดปลิวได้คนหนึ่ง จะสามารถฆ่าเจ้าสำนักฉิวหลง?
พูดเล่นอะไรกัน?
จะอวดดีก็ต้องให้มันพอเหมาะพอควร!
เรื่องแบบนี้พูดเล่นมั่ว ๆ ได้เหรอ?
ไม่นาน ทุกคนในที่นั้นก็คิดว่าผู้ชายคนที่เอ่ยพูดทำเพื่ออยากดึงดูดความสนใจของพวกเขา!
ทุกคนเดาว่า ผู้ชายที่พูดจาอวดดีคนนี้ คงคิดไม่ถึงว่าตัวเองเตะโดนแผ่นเหล็กเข้าแล้ว พวกเขาตัดสินใจจะจัดการไอ้คนที่พูดจาอวดดีนี่สักหน่อย
ใช่แล้ว พวกเขาคิดจะฆ่าผู้ชายคนที่เอ่ยพูดให้ตาย!
เขาเอาความทุกข์ของคนอื่นมาพูดเล่น เหมือนโรยเกลือลงไปบนบาดแผล ใครจะรับได้กันล่ะ!
ไม่เพียงแต่หลินเทียนที่ไม่เชื่อ แม้แต่เทียนขุยรวมถึงคนเฝ้าประตูก็จ้องมองฟางเหยียนด้วยสีหน้างุนงง
ไม่นานเทียนขุยก็ตั้งสติได้ แล้วพูดเสียงต่ำว่า : “จอมพลโผ้จวิน อวดดีเกินไปหน่อยหรือเปล่า? พวกเราไม่ได้ฆ่าเจ้าสำนักของพวกมันสักหน่อย?”
ฟางเหยียนตอบอย่างเรียบ ๆ : “ในเมื่อฉันถูกใส่ร้าย งั้นก็ทำจริงไปเลยสิ!”
“นี่......” เทียนขุยไม่เข้าใจ
ฟางเหยียนเงียบไปไม่พูดจา
แต่ที่เขาเงียบไปไม่พูดจา ทำให้หลินเทียนคิดว่าไอ้หมอนี่แสร้งทำตัวลึกลับซับซ้อน
หลินเทียนขยับไม้ขยับมือทั้งสองข้างขึ้นมา แล้วพูดอย่างเหยียดหยามว่า : “ไอ้หนุ่ม ฉันต้องยอมรับจริง ๆ ว่าแกกล้าหาญ แต่ถ้าแกคิดว่าจะพึ่งพาไอ้โง่ตัวใหญ่ข้างกายแก ทำร้ายพวกเราสำนักฉิวหลงให้มีบาดแผลได้ ก็ดูถูกคนอื่นมากเกินไปแล้ว!”
เทียนขุยมองหลินเทียนด้วยท่าทีเหมือนยิ้มแต่ไม่ยิ้ม : “ฉันว่าแกพูดจาระวังปากหน่อยนะ คนบางคนไม่ใช่แกจะหาเรื่องได้ง่าย ๆ”
หลินเทียนขมวดคิ้ว ไอ้เวรนี่ทำให้เขาขายหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า ต่อให้เป็นพระโพธิสัตว์ก็ยังมีอารมณ์โกรธได้ นับประสาอะไรกับเขาในตอนนี้ที่เป็นคนใหญ่คนโตที่อยู่เหนือผู้คนมากมาย เขาจะทนได้ยังไง!
“เจ้าของยังไม่ทันพูดอะไร ไม่รู้ว่าหมาเห่าหอนมั่ว ๆ ได้ยังไงกัน?”
เทียนขุยไม่โมโห เอ่ยพูดอย่างเฉยเมยว่า : “จอมพลโผ้จวิน ให้เป็นหรือตาย?”
“เชี้ย! มึงแม่งเห็นว่ากูขี้กลัวหรือไง? คุยโวโอ้อวดขนาดนี้ไม่กลัวลมพัดลิ้นไปเหรอ? กูยอมรับว่ามึงก็พอมีความสามารถอยู่บ้าง แต่ไม่ได้หมายความว่ามึงจะมีสิทธิ์มาพูดตีตัวเสมอกู มาทำอวดดีอะไรต่อหน้ากู? ในเมื่อเป็นหมา ก็คลานให้มันดี ๆ หน่อย อย่ากัดคนไปทั่ว”
นัยน์ตาของเทียนขุยมีความอำมหิตเผยออกมา
พี่น้องของตัวเองถูกพูดจาดูถูกเหยียดหยามหลายครั้ง ถ้าหากเขาสามารถทนได้ เขาก็คงไม่ใช่ฟางเหยียนแล้วล่ะ!
เหยียดหยามพี่น้อง ฆ่าตายสถานเดียว!
“เทียนขุย เหลือไว้คนหนึ่ง!”
เทียนขุยมองฟางเหยียนแวบหนึ่ง เผยสีหน้าขอบคุณออกมา แล้วพุ่งเข้าไปหาหลินเทียนทันที
หลินเทียนนัยน์ตาแข็งกร้าว ราวกับเทียนขุยที่พุ่งเข้ามาหาเขาเป็นเหมือนภูเขาสูงใหญ่ลูกหนึ่ง ที่มีเจตนาทำลายท่อนซุงให้ไม่เหลือซาก เขาจำเป็นต้องระมัดระวังรอบคอบอย่างมาก นอกจากมีไอสังหารที่ข่มเหงหลินเทียนอย่างหนักแล้ว สิ่งที่ทำให้หลินเทียนยิ่งทุกข์ใจก็คือ เทียนขุยก็ใช้พลังต้าชี่ได้เหมือนกัน เป็นคนที่มีพลังและแข็งแกร่งมากจริง ๆ
การต่อสู้ระหว่างยอดฝีมือ ไม่มีลูกไม้อะไรมากมาย
สามารถฆ่าคนได้คือเครื่องยืนยันถึงกำลังที่มี!
ทั้งสองพุ่งใส่กัน แลกหมัดกันไปมา!
ดุเดือดและเรียบง่าย ไม่มีลีลาลวดลายใด ๆ ทั้งนั้น
ปัง!
เสียงระเบิดดังขึ้น ดังสนั่นหวั่นไหว เหมือนเสียงดังที่เกิดจากการที่เครื่องบินบินผ่านอากาศด้วยความเร็ว!
เทียนขุยแสยะยิ้มมุมปาก หลินเทียนขมวดคิ้วจนเกิดเป็นรอยสามเส้นระหว่างหัวคิ้ว
ใช่แล้ว!
เมื่อครู่นี้นั้น เขารู้สึกเหมือนต่อยโดนแผ่นเหล็กอย่างจัง ถ้าหากไม่ใช่เพราะเขาปล่อยพลังชี่เคลือบหมัดเอาไว้ล่ะก็ หมัดเมื่อครู่นี้ของเขาอาจจะแตกหักเลยก็ได้ มืออาจพิการไปเลยด้วยซ้ำ
ทันใดนั้น ความหยิ่งทะนงของหลินเทียน ได้สูญสิ้นไป!
หลินเทียนถือว่าเป็นปีศาจ และเป็นคนที่ความสามารถเก่งกาจเหนือคนอื่น อีกทั้งเป็นลูกศิษย์ที่ภาคภูมิใจสุดของสำนักฉิวหลง มีความสามารถรอบด้าน เป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งของสำนักฉิวหลงที่มีคนเคารพนับถือมากที่สุด แต่ตอนนี้ เขาแพ้แล้ว
ความพ่ายแพ้ไม่น่ากลัว แต่ที่น่ากลัวคือหลังจากพ่ายแพ้แล้วมีบาดแผลฝังลึกอยู่ในจิตใจ!
ชื่อเสียงเกียรติยศของเขาทั้งหมดอยู่ที่หมัด ๆ นี้ แต่กลับมืดมนลงแล้ว
ยอดฝีมือมักจะสามารถพบปัญหาได้ในรายละเอียดเล็กน้อย หลินเทียนเข้าใจขึ้นมาได้ทันที คนสองคนที่มีระดับต้าชี่ชั้นกลางเหมือนกัน ที่เขาแพ้ก็แพ้ตรงไอสังหารนั่น ใช่แล้ว ถึงแม้เขาเป็นอัจฉริยะ แต่เขาก็เป็นแค่คุณชายคนหนึ่งที่ถูกเลี้ยงดูอย่างสุขสบาย ไม่มีพลังจิตสังหารนั่น เพราะตัวเองใช้ชีวิตสุขสบายเกินไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนักรบทรงเกียรติยศ