ฟางไห่เซิงเดินไปเดินมาหลายรอบ ยุ่งจนหัวหมุน กว่าจะเจอเข้ากับฟางเหมี่ยว ถึงถามขึ้นว่า “เสี่ยวเหมี่ยว แม่กับเมียเราไปไหนล่ะ? แขกเหรื่อมากมายขนาดนี้กลับไม่ออกมาต้อนรับ เข้าใจเลือกเวลาขี้เกียจจริงๆ!”
ฟางเหมี่ยวกำลังจะพูด คนรับใช้คนหนึ่งรีบร้อนเดินมาทางเขา พลางว่า “คุณชายครับ คุณนี่เก่งจริงๆ ผมเห็นหลิวหลันทำลับๆล่อๆเข้าห้องคุณนาย เพียงแต่ว่าผมไม่ได้ยินว่าพวกเธอพูดอะไรกัน”
ฟางไห่เซิงถามอย่างไม่เข้าใจว่า “เสี่ยวเหมี่ยว ลูกจับตาดูอาสะใภ้?”
“พ่อครับ ผมพูดตรงๆกับพ่อเลยละกัน” ฟางเหมี่ยวไม่คิดปิดบังฟางไห่เซิง เล่าเรื่องทั้งหมดออกมา
หลังจากฟางไห่เซิงฟังจบ ก็ตะลึงไป
ใช่สิ!
ฟางเหมี่ยวพูดถูก ฟางจินหยวนเป็นเจ้าตระกูลของตระกูลฟาง ตอนนี้ป่วยหนัก เรียกได้ว่าหมดหนทางเยียวยาแล้ว ในตอนนี้เองหลิวหลันกับหลี่เยว่ที่เป็นภรรยาของฟางไห่เซิงต่างไม่อยากเห็นฟางเหยียนเป็นที่สุด ใช้หัวแม่เท้าคิดยังรู้เลยว่า ฟางจินหยวนต้องการมอบตระกูลฟางให้ฟางเหยียน
แต่ผลลัพธ์ก็เหมือนที่เขาคาดเดาไว้ อาสะใภ้สามทนไม่ไหวแล้ว โดยเฉพาะมาหาแม่ตน เพื่อต้องการใส่ร้ายแน่ ดังนั้นเขาเลยระมัดระวัง ให้คนคอยจับตาดูไว้
ฟางเหมี่ยวอยากเป็นเจ้าตระกูลเช่นกัน แต่ไม่อยากเล่นไม่ซื่อ อีกอย่างน้องเหยียนเองไม่เคยสนใจเรื่องตระกูลฟางเลย ตำแหน่งเจ้าตระกูลฟางยังมีความหวังว่าจะเป็นของเขา ฟางเหมี่ยว แต่เพื่อป้องกันเอาไว้ก่อน เขาจึงสั่งคนคอยตามอาสะใภ้สามอย่างเงียบๆ และมันก็เป็นอย่างที่เขาคาดการณ์ไว้ไม่ผิด อาสะใภ้สามทนไม่ไหวแล้ว!
คุณปู่ป่วยหนัก แวบแรกเขา ฟางเหมี่ยวคิดจะโทรหาฟางเหยียน แต่โดนฟางจินหยวนห้ามปรามไว้ไม่ให้โทร ทำให้เขารู้สึกผิดต่อคุณปู่อยู่บ้าง แต่พอคิดอีกที เขาเข้าใจถึงความพยายามนั้น มันเป็นเรื่องจริงที่ฟางเหยียนโกรธแค้นฟางจินหยวนมาก เขาไม่อยากให้ความสัมพันธ์ของสองพี่น้องแข็งกระด้างห่างเหินก่อนที่เขาจะตาย
เพียงแต่สำหรับฟางเหมี่ยวแล้ว เขายังหวังว่าฟางเหยียนจะรับสืบทอดตำแหน่งเจ้าตระกูลตระกูลฟาง เพราะมันเป็นของเขาโดยแท้จริง!
ฟางเหยียนมีความสามารถและมีฝีมือ แถมยังเป็นเทพแห่งสงครามที่รุ่งโรจน์อย่างที่สุดด้วย ฟางเหมี่ยวเข้าใจถึงคำพูดที่คุณปู่ชอบพูดแล้ว
ตระกูลฟางมีฟางเหยียนถึงจะสามารถยืนหยัดในประเทศหวาได้ตลอดไป เพราะตระกูลฟางประหนึ่งยืนอยู่บนไหล่ของยักษ์!
และยักษ์ตนนี้ก็คือฟางเหยียน!
ฟางเหมี่ยวรู้ดีว่า ไม่ว่าจะด้านหัวสมองในการทำธุรกิจหรือความเฉลียวฉลาด ล้วนเทียบฟางเหยียนซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของเขาไม่ติดเลย ประสบการณ์เป็นตัวกำหนดความรู้ ตัวฟางเหมี่ยวสูงส่งในฐานะคุณชายตระกูลฟาง มีชีวิตความเป็นอยู่ที่สุขสบายมาโดยตลอด ใช้ชีวิตท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่ผู้คนคอยยกยอ ความเฉลียวฉลาดก็มี และโดนฟางจินหยวนอบรมสั่งสอนมาในฐานะเจ้าตระกูลคนต่อไป แน่นอนล่ะ นี่คือก่อนได้ยินข่าวฟางเหยียน
เขาไม่แค้นและไม่โกรธ เขาพยายามฟื้นฟูความแตกร้าวระหว่างลูกพี่ลูกน้องเขากับคุณปู่มาโดยตลอด แต่กลับไม่เห็นผลอะไรเลย เขาพยายามถึงที่สุดแล้ว สำหรับตำแหน่งเจ้าตระกูล เขาไม่ได้คิดเลยจริงๆ ยิ่งเมื่อได้เห็นความน่ากลัวของฟางเหยียนแล้ว เขายิ่งมั่นใจว่าตำแหน่งเจ้าตระกูลต้องให้ฟางเหยียนเป็น
เพื่อสิ่งเหล่านี้ เขาพยายามอย่างที่สุดมาตลอด อันดับแรกคืออาสะใภ้สามและแม่เขา
“พ่อครับ ผมรู้ว่าผมทำไม่ถูก ไม่ควรสะกดรอยตาม ก็อย่างที่ผมบอก ตอนนี้ผมยังไม่ใช่ตัวเลือกที่เหมาะสมในการเป็นเจ้าตระกูล น้องเหยียนต่างหากถึงจะเป็นคนที่เหมาะสมที่สุด ผมรู้ว่าพ่อจะด่าผมอีก แต่ผมไม่แคร์หรอก เพราะน้องเหยียนเป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้ตระกูลฟางคงอยู่ได้ต่อไป!”
ฟางไห่เซิงทำได้แค่ยิ้มเศร้า เขามีหรือจะมองไม่ออกว่าฟางเหยียนต่างหากถึงจะเป็นกุญจำสคัญที่ทำให้ตระกูลฟางคงอยู่ตลอดไป มีครั้งไหนบ้างที่เวลาตระกูลฟางเจออันตรายแล้ว ไม่ใช่ฟางเหยียนยื่นมือเข้าช่วยเหลือยามตระกูลฟางตกอยู่ในภาวะคับขันหรอ? ขวังซือแข็งแกร่งมากใช่ไหม? กลับไร้ทางต่อสู้ต่อหน้าเขา
วางเรื่องการชิงดีชิงเด่นในตระกูลดังเอาไว้ก่อน ฟางไห่เซิงรู้สึกผิดต่อฟางเหยียนไม่น้อย น้องรองฟางไห่เฟิงและภรรยาโดนฆ่า เขาในฐานะลุงใหญ่กลับไม่เคยได้ทำหน้าที่เลย อย่าว่าแต่ดูแลหลานชายที่ชะตาชีวิตผกผันคนนี้ บางครั้งยังแอบดีใจที่ตำแหน่งเจ้าตระกูลของตนรักษาไว้ได้อีก!
ไม่ว่าจะเป็นหัวสมองในการทำธุรกิจหรือความเฉลียวฉลาด ฟางไห่เฟิงถือเป็นที่สุดในบรรดาพี่น้อง สำคัญยิ่งไปกว่านั้นคือเขาเป็นนินจาคนหนึ่ง ฝีมือไม่ด้อยอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นอัจฉริยะของตระกูลฟาง!
แต่สวรรค์กลับชอบล้อเล่นอะไรแบบนี้ สวรรค์กลั่นแกล้งคนมีพรสวรรค์!พริบตาเดียวก็จับอัจฉริยะฆ่าลงตะกร้าทิ้ง!
นี่ก็เป็นบาดแผลที่ตระกูลฟางไม่อยากเอ่ยถึง
ถ้าเป็นเมื่อก่อน เขายังอยากจะแย่งชิงตำแหน่งเจ้าตระกูลดูสักตั้ง เพราะตัวเขาเป็นคนที่มีความเป็นไปได้ว่าจะได้ตำแหน่งมากที่สุด ยังไงก็เป็นลูกชายคนโตของตระกูล ความหวังมากโขอยู่ โดยเฉพาะหลังจากฟางไห่เฟิงโดนฟางจินหยวนฆ่าตาย ยิ่งเป็นไปได้อย่างมาก!
แต่หลังจากได้เจอฟางเหยียน ฟางไห่เซิงถึงเข้าใจคำพูดหนึ่ง
คนรุ่นหลังเก่งยิ่งกว่าคนรุ่นก่อน!
ดังนั้น ต่อให้เขาไม่อยากให้ฟางเหยียนได้เป็นเจ้าตระกูลตระกูลฟาง แต่ในใจอดยอมรับไม่ได้ว่า ฟางเหยียนเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดสำหรับตำแหน่งเจ้าตระกูลตระกูลฟาง
“เสี่ยวเหมี่ยว ลูกทำได้ไม่เลวเลย ยิ่งเป็นเวลาสำคัญ ยิ่งต้องระวังป้องกันคนในบ้าน เพราะป้องกันโจรไม่ว่าจะกลางวันกลางคืนมันยาก แต่ป้องกันโจรในบ้านยากยิ่งกว่า!
ฟางเหมี่ยวดีใจมาก พูดอย่างตื่นเต้นว่า “พ่อ แบบนี้แปลว่าพ่อสนับสนุนผม?”
“ใช่ เสี่ยวเหมี่ยว พ่อรู้ว่าเราสนิทกับเสี่ยวเหยียนมาก แต่การชิงดีชิงเด่นในตระกูลดัง อาจจะทำลายความสัมพันธ์พี่น้องของพวกเธอได้ เรื่องต่างๆมากมายจะเปลี่ยนไป ต่อให้เป็นเมียลูกก็ตาม บางครั้งอาจจะทรยศลูกได้ พ่อหวังว่าลูกจะปลอดภัยดี เข้าใจไหม?”
ฟางเหมี่ยวได้ยินแล้วสับสนงุนงง เลยไล่ถามต่อว่า “พ่อ ผมจะพยายามรักษาความสัมพันธ์กับน้องเหยียนให้สุดความสามารถ พยายามทำให้เขาเปลี่ยนความคิดที่มีต่อตระกูลฟาง ส่วนเรื่องที่พ่อว่าเมียผมจะทรยศ? มันเป็นไปไม่ได้หรอกครับ หยุนเอ๋อร์ไม่มีทางทรยศผมแน่! ผมเชื่อใจเธอ พวกเราก็ถือว่าเป็นสามีภรรยาที่ผ่านความเป็นความตายมาด้วยกันแล้ว เธอไม่มีทางทรยศผมแน่!”
“เสี่ยวเหมี่ยว บางครั้งถึงลูกจะฉลาดมาก แต่บางครั้งลูกก็ไร้เดียงสามากจริงๆ ไม่สิ จะพูดอย่างนี้ไม่ได้ ควรจะพูดว่าความรู้กจากประสบการณ์ของลูกยังน้อยมาก พบเจอคนไม่ได้มากพอ ทำให้ความคิดของลูกที่มีต่อเรื่องต่างๆมักจะหยุดลงที่เวลาอันงดงาม พ่ออยากบอกลูกว่า บางครั้งสิ่งที่ลูกเห็นไม่แน่ว่าจะถูกเสมอไป จุดนี้ลูกควรเรียนรู้กับน้องเหยียนของลูกให้มากๆ”
“พ่อแถมให้อีกประโยคละกัน สิ่งของอย่างหัวใจคน เป็นสิ่งที่ยากแท้หยั่งถึงที่สุด!”
ฟางเหมี่ยวถามอย่างไมเข้าใจ “พ่อครับ พ่อเจออะไรหรือเปล่า?”
“เปล่า ตอนแรกที่พ่อแต่งงานกระชับสัมพันธไมตรีกับแม่เรา พ่อยังไร้เดียงสากว่าเราซะอีก ถ้าไม่ใช่เพราะคุณปู่ลูก บางทีทั้งตระกูลฟางอาจจะเปลี่ยนแซ่เป็นหลี่แล้วก็ได้!”
“พ่อครับ ผมเข้าใจแล้ว แต่ผมเชื่อใจหยุนเอ๋อร์ เธอไม่มีทางทรยศผมแน่”
“เสี่ยวเหมี่ยว ผู้ชายเราต้องมีความมั่นใจในตัวเอง ไม่ว่าจะพบเจอเรื่องอะไร ความมั่นใจในตัวเองถึงจะเป็นอาจารย์ที่ดีของเรา และเป็นตะเกียงส่องทางที่ดีที่สุดในโลก คุณปู่น่ะวันนี้น่าจะไปต่อไม่ไหวแล้ว ดังนั้นทางที่จะเดินต่อไป สำหรับลูกแล้ว ยากที่จะเดินไป ลูกต้องเตรียมใจกับมันนะ!”
“พ่อครับ ทำไมพ่อพูดเหมือนกับคำสั่งเสียก่อนลาจากล่ะ?”
“เจ้าลูกโง่นี่ ถ้าเกิดอาสะใภ้สามของลูกเกิดทำอะไรเกินขอบเขตไปจริงๆ? ถึงเวลานั้นลูกจะจัดการยังไงล่ะ? ฆ่าเลยหรือไล่ออกจากตระกูลฟาง? เรื่องพวกนี้ดูแล้วเหมือนทำเพื่อความถูกต้องโดยไม่เห็นแก่เครือญาติ แต่ถ้าลูกจัดการไม่ดี ต่อไปจะจัดการตระกูลฟางยังไง? น้องเหยียนของลูกไม่มีทางรับสืบทอดตำแหน่งเจ้าตระกูลตระกูลฟางแน่ ถึงเวลานั้นก็มีแต่ลูกนี่แหละ”
พูดถึงตรงนี้ ฟางไห่เซิงยิ้ม แต่ยิ้มอย่างเศร้านัก “ไม่แค่อาสะใภ้สามของลูก แม่ลูกเองก็ใช่ย่อย ถ้าเกิดในเวลาสำคัญแบบนี้ ทำให้คุณปู่โกรธจัด อย่าว่าแต่แม่ลูกเลย พ่อเองคงยากจะหนีพ้น ลูกเข้าใจที่พ่อพูดใช่ไหม?”
ฟางเหมี่ยวสะดุ้งเฮือก เงยหน้ามองฟางไห่เซิงฉับพลัน “พ่อ นี่พ่อ...”
“เอาล่ะ เสี่ยวเหมี่ยว ถ้าเกิดเรื่องแบบนั้นจริง พ่อจะพยายามปกป้องลูกไว้ให้สุดความสามารถ บุญคุณความแค้นของพวกเราให้พวกเราจัดการกันเอง จริงสิ เสี่ยวเหมี่ยวจำไว้นะ ไม่ว่าต่อไปลูกจะได้เป็นเจ้าตระกูลไหม ต้องสนิทสนมกับอาเล็กไว้ เพราะเธอเป็นสายสัมพันธ์เพียงสายเดียวในตระกูลฟางนี้ของน้องเหยียนของลูก แน่นอนล่ะ ยังมีฟางฟังด้วย เข้าใจไหม?”
“พ่อครับ พ่อไม่พูดผมก็รู้”
“งั้นก็ดี เอาล่ะ ลูกรีบไปรับรองแขกเถอะ พ่อจัดการด้านนี้เสร็จแล้วจะไปดูแม่ลูกหน่อย ไม่รู้พวกเธอสองคนคิดจะทำอะไรกันแน่”
ฟางเหมี่บวพยักหน้าอย่างครุ่นคิด ก่อนเดินจากไป
มองตามฟางเหมี่ยวที่เดินจากไป ฟางไห่เซิงยิ้มอย่างภูมิใจ พลันเงยหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่ไร้เมฆ พลางหัวเราะว่า “ไห่เฟิง เห็นหรือยัง? เสี่ยวเหยียนกลายเป็นความภูมิใจของพวกเรา นายคงพักผ่อนบนสวรรค์ได้แล้วสินะ เสี่ยวเหมี่ยวของพี่เองก็โตแล้ว เขาไม่หลงใหลในอำนาจ พวกเขาสองคนพี่น้องจะไม่เป็นไร จริงไหม?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนักรบทรงเกียรติยศ