จอมนักรบทรงเกียรติยศ นิยาย บท 843

นี่เลือกประกาศสงครามแล้ว!

สำนักกุ่ยกู๋นี่เยี่ยมยอดจริง ๆ!

ไม่เสียแรงที่เป็นถึงผู้นำของสำนักใหญ่ทั้งห้าสำนัก มีท่าทีเป็นกลาง แต่เกรงว่าจะปลอม!

สำนักกุ่ยกู๋อาจจะสมคบคิดกับเพลิงเสวนนานแล้วก็ได้!

ทั้งหมดนี่เป็นการใช้อำนาจข่มขู่ของสำนักกุ่ยกู๋ ช่างยิ่งใหญ่อะไรอย่างนี้!

“จอมพลโผ้จวินครับ ดูท่าทางพวกเราคงจะไม่ราบรื่นแล้วล่ะครับ ตอนนี้ผมเหมือนเข้าใจอะไรขึ้นมาแล้ว ที่หลงเซี่ยวเทียนสองพ่อลูกตกอยู่ในอันตรายท่าทางจะเกี่ยวข้องกับสำนักกุ่ยกู๋จริง ๆ! ดูท่าทางยัยนางมารนั่นพูดไม่ผิดเลย นี่อาจเป็นครั้งสุดท้ายที่พวกเขาได้เผชิญหน้ากับเสวียนเจิ้น!”

ฟางเหยียนจ้องมองเทียนขุยด้วยความประหลาดใจ : “เทียนขุย นายก้าวหน้าไปเร็วมาก สามารถมองถึงแก่นแท้ของเรื่องนี้ได้อย่างรวดเร็ว!”

เทียนขุยหัวเราะแหะแหะ : “ก็ต้องสิว่าผมอยู่กับใคร ถ้าไม่ใช่สมองเลย กลัวว่าจอมพลโผ้จวินจะโยกย้ายไอ้เทียนฝู่นั่นมาแทน ยังไงซะเจ้านั่นก็เฉลียวฉลาดมากแผนการ พบเจอเรื่องอะไรก็สุขุมนุ่มลึก ค่อนข้างมีสมอง ถ้าหากผมไม่ก้าวหน้าเลย คงจะถูกจอมพลโผ้จวิน......”

ประจบประแจงได้ดีจริง ๆ!

ฟางเหยียนถึงกับไม่สามารถตอบโต้ได้!

“อย่างน้อยตอนนี้พวกเราก็ได้รู้ท่าทีของสำนักกุ่ยกู๋แล้ว แบบนี้ก็ดี จะได้ไม่ต้องสงสัยไปเรื่อยอย่างนี้! แต่ที่ทำให้ฉันคิดไม่ตกก็คือ ตกลงสำนักกุ่ยกู๋กับเพลิงเสวนมีความสัมพันธ์กันหรือเปล่า? เรื่องนี้ฉันคิดยังไงก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี”

“จอมพลโผ้จวินครับ ที่จริงถ้าให้ผมพูด ไม่จำเป็นต้องหมกมุ่นกับเรื่องพวกนี้ การกระทำที่พวกมันทำต่อพวกเรา ก็เห็น ๆ กันอยู่แล้ว นี่มันตัดสินใจเปิดศึกกับพวกเราแล้ว ในเมื่อเป็นอย่างนี้ พวกเราก็ไม่ควรปล่อยให้ศัตรูเพ้อฝันในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ลงมือไปเลย จะได้ไม่ต้องคิดว่าสามารถรังแกพวกเราได้ง่าย ๆ ผมจะเป็นผู้นำรบ บุกจัดการพวกมันเอง!”

ฟางเหยียนไม่ใช่คนโหดเหี้ยม ไม่ใช่คนที่ไม่มีเหตุผล และไม่ใช่คนเผด็จการบ้าอำนาจที่หากมีผู้คล้อยตามฉันก็จะอยู่รอด หากหักหลังฉันก็จะต้องตาย แต่ถ้าถูกคนรังแกแล้ว ยังไม่ทำอะไรอีก งั้นฟางเหยียนก็คงรู้สึกผิดที่เกิดมาเป็นผู้ชาย อาจารย์ของเขาเคยตักเตือนเขาว่า อย่าก่อเรื่องและอย่าเกรงกลัว หากมีตัวเองถูกรังแก ก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องยอม!

สำนักกุ่ยกู๋ตกลงคิดอะไรอยู่กันแน่ เรื่องพวกนี้เขาไม่อยากคิดเล็กคิดน้อย!

แต่ตัวเองเกือบถูกค่ายกลนั่นฆ่าตาย ถือว่าเป็นมูลเหตุในการเปิดศึกแล้ว!

ในเมื่อเป็นอย่างนี้ ฟางเหยียนก็ไม่มีอะไรต้องกังวลอีก!

“เทียนขุย เดินต่อไปเถอะ” ฟางเหยียนครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก็เอ่ยพูดขึ้น : “ไม่ว่าสำนักกุ่ยกู๋มีจุดประสงค์อะไร แต่มันได้แตะขีดจำกัดของพวกเราแล้ว ฉะนั้นต่อไปอาจเกิดศึกนองเลือดขึ้นได้!”

“จอมพลโผ้จวินครับ คุณมีจิตใจเมตตา มีความกล้าหาญและชาญฉลาด อีกทั้งยังถ่อมตัว เป็นจอมพลที่ทำเพื่อประชาชน แต่คนมากมายกลับไม่คิดอย่างนี้ คิดว่าตัวเองเก่งกาจกันมาก มักหวังจะกระโดดไปเรื่อย จะหาเรื่องตายก็ไม่หาให้ถูกคน ถูกเวลา ผมว่านะครับ ฆ่าไอ้ตั๊กแตนหลังฤดูใบไม้ร่วงพวกนี้ทิ้งให้หมดเถอะครับ เราเชือดไก่ให้ลิงดู พวกมันจะได้ไม่อวดดีอีก!”

เทียนขุยโมโหจริง ๆ แล้ว ทหารรักษาชายแดนมีไว้ทำไม? มีไว้เพื่อรักษาสันติสุขให้ประเทศชาติและประชาชน เพื่อให้ผู้คนเต็มไปด้วยรอยยิ้มไม่ใช่เหรอ? ชีวิตเต็มไปด้วยดรรชนีความสุขไม่ใช่หรือไง? ตอนที่พวกเขายอมเสียสละเลือดเนื้อเพื่อศรัทธา บางคนกลับไม่จดจำความดีของพวกเขา ซ้ำยังพูดจาให้ร้ายลับหลัง ประเทศหวามีความมั่นคงและสงบสุขได้ เพราะการเสียสละของเหล่าทหาร แต่ภายใต้ความมั่นคงและสงบสุขนี้ กลับมีเนื้อร้ายก้อนโตซ่อนอยู่!

นอกจากเพลิงเสวนที่เป็นเนื้อร้ายก้อนโตที่สุดแล้ว ที่ใหญ่ไปกว่านั้นคือคนพวกนี้ที่คิดว่าตัวเองคือชนชั้นสูง พวกสำนักต่าง ๆ รวมถึงพวกตระกูลขุนนาง มีเงินหน่อยก็ลืมเรื่องที่ควรทำ กดขี่ข่มเหงประชาชน ไร้ซึ่งความยุติธรรม นิสัยชั่วอย่างนี้ ไม่ทำให้เหล่าทหารปวดใจหรอกเหรอ? พวกเขาคอยปกป้องคุ้มครองข้าราชการและประชาชน สิ่งที่ต้องการคือความเท่าเทียมของคนทุกคน การได้รับความยุติธรรม แต่ตอนนี้ทั้งหมดนี่เป็นเหมือนภาพลวงตาฉากหนึ่ง ที่อยู่ไกลเกินเอื้อม!

ทหารรักษาชายแดน พวกเขาอายุยี่สิบกว่าปีก็ต้องเสียสละชีวิตอันแสนมีค่า ทุ่มเทใจเพื่อความสงบสุขของประเทศหวา แต่สิ่งที่ได้กลับมาคืออะไร? ไม่ต้องพูดอะไรให้มากหรอก แค่พูดถึงสหายคนหนึ่งของเทียนขุย ซึ่งเป็นคนที่เฉลียวฉลาดมากคนหนึ่ง เข้าสู่สนามรบด้วยวัยเพียงสิบเก้าปี แต่เพื่อปฏิบัติภารกิจที่เป็นความลับเรื่องหนึ่ง เมื่อพลาดก็ถูกศัตรูจับตัวไป ถูกซ้อมจนสะบักสะบอมเอาเกือบตาย เพื่อจะแย่งเอาแผนการครั้งนี้ของสำนักเจ็ดพิฆาตไป

แต่เขาก็ยอมกัดฟันทนไม่ได้เปิดเผยแผนการที่แท้จริงของสำนักเจ็ดพิฆาต เพื่อให้เวลาอันมีค่าแก่สำนักเจ็ดพิฆาตได้บุกไปโจมตีสำนักงานใหญ่ของหวงหลงให้แตกกระเจิง แต่ตอนที่นักรบของสำนักเจ็ดพิฆาตมาช่วยเขานั้น สหายคนนี้ได้ตายอย่างน่าเวทนามาก เลือดออกทางทวารทั้งเจ็ดจนตาย ทั่วทั้งร่างกายถูกทรมานหนักหนาสาหัสอย่างไร้มนุษยธรรม! การเสียสละชีวิตของวีรบุรุษ คือนักรบผู้กล้าหาญอย่างแท้จริง

ตอนที่นำร่างและดวงวิญญาณของนักรบผู้กล้าหาญกลับคืนสู่มาตุภูมิ แต่เจอกับการรื้อถอนบ้านพอดี แม้เป็นการปฏิบัติอย่างมีมารยาท แต่ก็ไม่สามารถหยุดยั้งท่าทีที่จองหองอวดดีของคนรื้อถอนได้ ไม่เห็นเกียรติของทหารผู้เสียสละเลย มุ่งมั่นที่จะทำการรื้อถอนให้ได้ เหตุนี้จึงทำให้เกิดความขัดแย้งกันกับขบวนทหารส่งศพ

ไม่นานเรื่องนี้ก็ถึงหูฟางเหยียน ทุกคนต่างคิดว่าฟางเหยียนจะลงโทษอย่างหนักแก่ทหารที่เป็นแกนนำในการทะเลาะวิวาทครั้งนี้ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าเขาจะใช้อำนาจข่มขู่ผู้ว่าราชการมณฑลคนหนึ่งในตอนนั้น ด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนักรบทรงเกียรติยศ