ฟางเหยียนพบว่า คนที่กำลังพูดอยู่นั้นเป็นชายชราที่ยืนอยู่ตรงกลางระหว่างห้าคนนั่น น้ำเสียงสงบนิ่ง ฟังดูไม่มีอารมณ์โกรธแต่กลับเต็มไปด้วยความน่าเกรงขาม ยิ่งไม่ต้องพูดอารมณ์ยั่วยุ แค่ขึ้นมาถึงก็บรรยากาศก็ดุเดือดขนาดนี้ ดูท่าทางสำนักกุ่ยกู๋ได้เลือกสิ่งที่พวกเขาต้องการแล้ว!
เทียนขุยโกรธจัด มองไปยังชายชราอย่างไม่เห็นด้วย : “ค่ายกลพิฆาต? โหดเหี้ยมอำมหิต คิดว่ามีแค่ค่ายกลกระจอกนี่แล้วไม่จำเป็นต้องกลัวอะไรงั้นเหรอ? ตาเฒ่าอายุมากจนมั่นใจในตัวเองเกินไปหรือเปล่า?”
ฟางเหยียนไม่ได้พูดอะไร ได้แต่จ้องมองไปยังคนชราทั้งห้าคนตรง ๆ ขณะที่เขากำลังสำรวจทั้งห้าคนอยู่นั้น คนชราทั้งห้าคนก็กำลังจ้องมองเขาอยู่เช่นกัน
“ภูมิปัญญาที่บรรพบุรุษทิ้งไว้ให้ จะโหดเหี้ยมอำมหิตได้ยังไง? คนรุ่นหลังอย่างแกโอหังดีนี่ ถือว่าเก่งใช้ได้ เหริน จื่อ ขุยเป็นตำแหน่งชั่วร้ายในค่ายกลพิฆาตที่ไม่สามารถแก้ไขได้ แกเป็นคนที่สองที่บุกฝ่าเข้ามาได้ ถึงแม้เป็นการลอบฉวยโอกาสไปหน่อย แต่ก็ถือว่าฝ่าเข้ามาได้แล้ว ถือว่าเก่งจริง ๆ!
คนที่สอง?
ข้อมูลนี้ทำให้ฟางเหยียนกับเทียนขุยช็อกไปเลย นอกจากช็อกแล้วยังประหลาดใจมากด้วย!
“คนแรกคือใคร?” เทียนขุยเอ่ยถาม
ชายชราคนที่สองจากด้านซ้ายเอ่ยอย่างเย็นชา : “คนคนนั้นคือคนแรกที่ท้าประลองสำนักกุ่ยกู๋ของฉัน ไม่เพียงแต่บุกฝ่าค่ายกลพิฆาคเท่านั้น แต่ยังได้จัดการกับสำนักกุ่ยกู๋แล้วล่าถอยไป เป็นศัตรูกับสำนักกุ่ยกู๋ของพวกเรา!”
“ที่แท้เป็นอย่างนี้นี่เอง สำนักกุ่ยกู๋ของพวกแกรังแกคนที่อ่อนแกกว่าแต่กลัวคนที่แข็งแกร่งกว่า มีความสามารถเท่านี้เองเหรอ!” เทียนขุยแสยะยิ้มแล้วเอ่ยพูด : “ก็จริง ถูกคนรังแกแต่ไม่กล้าพูด ได้แต่กอบกู้ศักดิ์ศรีหน้าตาจากที่อื่น เพียงแต่ครั้งนี้เกรงว่าต้องทำให้พวกแกผิดหวังแล้วล่ะ เพราะพวกเราไม่ใช่ลูกพลับอ่อน ที่นึกจะบีบก็บีบได้!”
ชายชราคนแรกที่อยู่ด้านซ้ายเอ่ยอย่างราบเรียบ : “ลูกพลับอ่อนเหรอ? จากที่พวกเราดู พวกแกยังสู้ลูกพลับอ่อนไม่ได้เลยด้วยซ้ำ แค่โชคดีหนีจากค่ายกลพิฆาตได้เท่านั้นเอง คิดว่าตัวเองเป็นผู้ชายคนนั้นจริง ๆ น่ะเหรอ? อีกอย่างนะ ถ้าฉันอยากฆ่าแกให้ตายก็ง่ายเหมือนบี้มดนั่นแหละ แกคิดว่าแกจะมีชีวิตเดินออกไปจากสำนักกุ่ยกู๋ได้จริง ๆ งั้นเหรอ?”
“จริงสิ ลืมบอกแกไปเลย แกคิดว่าตัวเองเก่งกาจมากงั้นเหรอ? หากเทียบกับคนคนนั้นแล้ว ยังห่างชั้นกันอีกมาก อย่าคิดว่ารังแกคนเฝ้าประตูสองคนได้แล้วจะจองหองอวดดี ไม่รู้จริง ๆ ว่าพวกแกไปเอาความรู้สึกที่เหนือชั้นมาจากไหน”
“ผู้อาวุโสใหญ่พูดถูก บุกรุกสำนักกุ่ยกู๋ มีแต่ต้องตายเท่านั้น ตอนนี้ยังทำร้ายคนของสำนักกุ่ยกู๋อีกด้วย พวกแกไปตายได้แล้ว!”
“เจ้าสำนักครับ สืบดูชัดเจนแล้ว สองคนนี้บุกรุกสำนักกุ่ยกู๋ของพวกเรา วางอำนาจบาตรใหญ่ไม่รู้ผิดชอบชั่วดี ทั้งยังทำร้ายศิษย์ของสำนักกุ่ยกู๋ ชั่วช้าสามานย์อย่างสุดขีดต้องได้รับโทษมหันต์ ขอให้เจ้าสำนักออกคำสั่งประหารชีวิตคนชั่วนี้ด้วยเถอะ เพื่อกอบกู้ศักดิ์ศรีสำนักกุ่ยกู๋ของเรา!”
ทั้งสี่คนต่างได้แสดงความคิดเห็นของตัวเองออกมา ความหมายชัดเจนโดยไม่ต้องเอ่ย นั่นคือจำเป็นต้องจัดการทั้งสองคน มีเพียงชายชราคนที่ยืนอยู่ตรงกลาง สีหน้าเคร่งขรึม จ้องมองฟางเหยียนอยู่อย่างนั้น ราวกับไม่ได้ยินที่คนอื่นพูดสักประโยค
เทียนขุยแสยะยิ้มแล้วเอ่ยพูด : “ความที่จะใส่ ไฉนกลัวไร้ข้ออ้าง สำนักกุ่ยกู๋ช่างน่าเกรงขามเสียเหลือเกิน บิดเบือนข้อเท็จจริงเปลี่ยนดำให้เป็นขาว ปั้นน้ำเป็นตัว!”
“ไอ้หนุ่ม บุกรุกสำนักกุ่ยกู๋ของเรา แล้วยังกล่าวหาพวกเราอีก วิธีใส่ร้ายป้ายสีอย่างนี้ไม่ค่อยฉลาดเท่าไหร่เลยนะ! ในเมื่อแกรนหาที่ตาย งั้นฉันก็จะทำให้แกสมใจ!”
พูดจบชายชราคนแรกที่อยู่ด้านซ้ายก็ชี้นิ้วขึ้นมา แขนเสื้อที่กว้างของเขามีวัตถุสีดำลอยออกมาจำนวนหนึ่ง หลังจากที่วัตถุสีดำลอยออกมาแล้ว ก็กลายเป็นอีกาดำทะมึนทันที! มืดฟ้ามัวดิน เมฆดำปกคลุมทั่วฟ้า ทั่วทั้งฟ้ามืดครึ้มขึ้นมาทันที!
เห็นฉากนี้ เทียนขุยขมวดคิ้วเล็กน้อย ชั่วร้ายมากจริง ๆ สิ่งที่ปล่อยออกมา กลายร่างเป็นอีกา! เขาไม่มีทางเชื่อเด็ดขาดว่าอีกาพวกนี้จะไม่ทำอันตราย แจกันที่วางประดับไว้อย่างไร้ประโยชน์ จุดที่อีกาบินผ่านไป ทุกสิ่งจะเหมือนกับถูกไฟเผาไหม้ยังไงยังงั้น แล้วทิ้งร่องรอยเผาไหม้เอาไว้!
ใกล้แล้ว!
ความร้อนนั่นเหมือนกับหลอดไฟฟ้าไม่มีผิด ทั้งอึดอัดทั้งสว่าง ดำทะมึนมาเป็นฝูง ราวกับบดบังท้องฟ้าและดวงอาทิตย์ไว้ ทำให้รู้สึกหนักหน่วงใจ รู้สึกไม่ปลอดภัย!
เทียนขุยยกมือขึ้นมาตั้งท่าคารวะก่อนต่อสู้ โดยข้างหนึ่งกำหมัดข้างหนึ่งแบมือ แล้วตะโกนด้วยเสียงเย็นชา : “พงพินาศแปดทิศ!”
เมื่อสิ้นเสียง ร่างของเทียนขุยก็วาบไปเหมือนหายตัวได้ พุ่งตรงเข้าไปในฝูงอีกาดำ!
ทันใดนั้น สีดำมืดที่ลอยอยู่รอบทิศก็เหมือนระเบิดขึ้น แล้วมีเปลวไฟลุกโชนขึ้นมา!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนักรบทรงเกียรติยศ