สรุปเนื้อหา บทที่86 พวกมือปลาหมึกบนรถ – จอมนักรบทรงเกียรติยศ โดย โซ่วปี่หนานซาน
บท บทที่86 พวกมือปลาหมึกบนรถ ของ จอมนักรบทรงเกียรติยศ ในหมวดนิยายใช้ชีวิต เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย โซ่วปี่หนานซาน อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
พอพูดคำนี้ออกมา เซียวเจิ้นเที่ยนยิ่งขมวดคิ้วแน่นขึ้นกว่าเดิมเสียอีก
เซียวห้านพูดต่อไป “คุณปู่คะ เท่าที่หนูรู้มา ฟางเหยียนดีต่อภรรยาคนนี้ของเขามาก ก่อนหน้านี้เขาไม่เพียงออกหน้าแทนภรรยาเขาแค่ครั้งเดียว ในเมื่อหาโอกาสจากบนตัวเขาไม่ได้ ไม่สู้ลองดูจากในภรรยาของเขาทางนั้นกันสักหน่อย”
คำพูดของเซียวห้านเรียกสติกลับมาให้เซียวเจิ้นเที่ยนได้อย่างมากมาย เป็นเพราะเรื่องราวในช่วงสั้นๆ นี้ถาโถมเข้ามาจนทำให้เขากดดันอย่างมาก เขาจึงไม่ได้ทำความเข้าใจกับฟางเหยียนคนนี้มากเท่าไรนัก
เซียวพูดมาไม่มีผิด ฟางเหยียนดีต่อภรรยาของเขาจริงๆ
เขาเงียบงันไปครู่หนึ่ง ถามว่า “ทุกคนมีปัญหาอะไรมั้ย?”
หลายคนในห้องประชุมต่างส่ายหน้าไม่พูดอะไร จากนั้นเขาจึงพยักหน้าพูดว่า “ดี งั้นเรื่องนี้ให้เซียวห้านไปจัดการ ตระกูลเซียวทุกคนจะให้ความร่วมมือเต็มที่”
“ขอบคุณค่ะคุณปู่!” สายตาของเซียวห้านเย็นเฉียบ กุมหมัดไว้แน่น
เธอจะต้องค้นหาการตายของบิดาเธอให้กระจ่างอย่างแน่นอน เธอจะให้คนที่ทำให้บิดาเธอตายไปคนนั้นชดใช้ด้วยเลือด
——
วันต่อมาฟางเหยียนเริ่มต้นการเดินทางไปยังหนานหลิง ความแค้นของตระกูลเย่กำลังดำเนินการชำระ เขาให้โอกาสตระกูลเซียวได้พักหายใจ ต้องการให้พวกเขาหมดหวังลงช้าๆ นี่คือการทรมานจิตใจรูปแบบหนึ่ง อีกทั้งยังรู้สึกดีกว่าฆ่าพวกเขาไปโดยตรงเป็นไหนๆ
ตั้งแต่ต้นจนจบฟางเหยียนเป็นคนโหดเหี้ยม ไม่ว่าจะเป็นในสนามรบหรือว่าในชีวิตจริง ขอเพียงคนพวกนั้นพยายามทำร้ายคนสำคัญข้างกายเขา พวกมันจะต้องได้รับการชดใช้ที่ร้ายแรงสุดๆ การดับสูญของตระกูลเซียวเป็นเพียงปัญหาด้านเวลาเท่านั้น
ตอนนี้ในเมื่อหินแดงเขียวที่อาจารย์พูดถึงปรากฏขึ้นแล้ว และมาถึงจุดหัวเลี้ยวหัวต่อในชีวิตของตนเอง เขาย่อมต้องไปตามหาคำตอบที่สำคัญอันนี้เช่นกัน
เทียนขุยตามเขาไปด้วยกัน เพื่อที่ทำธุระแบบเรียบง่าย ทั้งสองจึงเลือกนั่งรถโดยสาร
“จอมพลโผ้จวิน! คุณนายทางนี้จะทำอย่างไรครับ?” เทียนขุยถามขึ้น
ฟางเหยียนมองไปด้านนอกหน้าต่าง พูดจานิ่งๆ “เธอคงไม่เป็นอะไรหรอก เรื่องบางเรื่องเธอต้องไปทำด้วยตัวเอง!”
เทียนขุยเม้มริมฝีปาก ไม่ได้พูดอะไรอีก
ทันใดนั้นฟางเหยียนถามต่ออีก “จริงด้วย ตระกูลเซียวทางนั้นมีการเคลื่อนไหวอะไรมั้ย?”
“ขณะนี้ยังไม่มี! การตายของเซียวไห่ปิงส่งผลกระทบต่อเซียวเจิ้นเที่ยนหนักมากครับ ผมคิดว่าพวกเขาใกล้จะเชิญกลุ่มนั้นออกมาแล้วครับ”
ฟางเหยียนพยักหน้าเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่ก่อนจะพูดว่า “ดีที่สุดรีบเอาพวกมันออกมาให้หมด ฉันจะได้กำจัดตระกูลเซียวโดยตรงเลย”
พูดคำนี้จบ ฟางเหยียนมองด้านนอกหน้าต่างอีกครั้ง
รถโดยสารไปๆ หยุดๆ พอไปถึงแต่ละอำเภอหรือว่าหัวเมือง จะมีคนขึ้นมาสองสามคน และลงไปสองสามคน
ทันใดนั้น ไม่รู้ว่ามีหญิงสาวคนหนึ่งขึ้นมาจากที่ไหนกัน เธอนั่งแถวเดียวกันกับฟางเหยียนและเทียนขุย ทันทีที่นั่งลงมาไม่นานนักเธอก็สังเกตเห็นฟางเหยียนเข้า ผู้ชายคนนี้ถึงแม้มองไปดูเย็นชาอยู่บ้าง โดยเฉพาะสีหน้าซีดเซียว น่าจะเป็นคนป่วย แต่ทว่าบนตัวของเขากลับมีความรู้สึกสูงศักดิ์ที่พูดไม่ถูกแบบหนึ่ง
เธอเดาว่าฟางเหยียนน่าจะเป็นคุณชายสักตระกูลหนึ่ง ดูมีบุคลิกของคุณชายเอามากๆ เลย ส่วนผู้ชายที่นั่งอยู่ด้านข้างเขามีความเป็นไปได้มากว่าจะเป็นบอดี้การ์ด และเป็นคนที่จริงจังมากด้วย
ซ่งหยิงเรียนจิตวิทยา โดยเฉพาะชอบคาดเดาและตั้งสมมุติฐานต่อบุคคลแปลกหน้า หลังจากมองเห็นคนแปลกประหลาดที่ไม่พูดจากันสักคำอย่างสองคนนี้เข้า จึงอดทำการตั้งสมมุติฐานสองคนนี้สักครั้งไม่ได้
ไม่รู้ว่ารถโดยสารขับมานานเท่าไร เริ่มแรกยังได้ยินเสียงพูดคุยบ้าง แต่พอนานๆ ไป ทุกคนก็สะลึมสะลือหลับไป
“นายทำอะไร? นายมาลูบขาฉันทำไม?” ทันใดนั้น เสียงของหญิงสาวคนหนึ่งทำลายความเงียบสงบนี้ลง
ชั่วขณะที่มองเห็นผู้ชายล้วงมีดออกมานั้น ทุกคนหุบปากกันหมด ผู้สูงอายุที่พูดแทนหลายคนนั้นยิ่งกลับไปยังที่นั่งของตนเองด้วยความหวาดกลัว ไม่มีใครเอาชีวิตของตนเองไปทำเรื่องดีหรอก
“แม่หนู ฉันลูบเธอแล้วจะทำไม? พูดตามตรงนะ ฉันยังสนใจเธอแล้วด้วยล่ะ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เธอมาอยู่กับฉันดีกว่า ฉันรับรองว่าต่อไปเธอจะมีชีวิตสุขสบาย ถนนหลายสายตรงย่านเมืองเก่าแถวสถานีรถไฟของหนานหลิงนั้น ฉันคุมทั้งหมด” ผู้ชายคนนั้นถือโอกาสเปิดเผยออกมาจนหมด คาดว่าบนรถคันนี้คงไม่มีใครกล้าว่าอะไรเขา
ซ่งหยิงไม่เคยประสบกับเรื่องแบบนี้มาก่อน ในใจอดเกิดความรู้สึกประหม่าขึ้นมาไม่ได้ เธอหายใจแรงก่อนจะพูดว่า “นายมันอันธพาล!”
“ใช่ เธอพูดไม่ผิด ฉันเป็นอันธพาลจริง!” ผู้ชายคนนั้นเขย่ามีดในมือสักหน่อย ตะโกนเสียงดัง “นั่งลง!”
สองคำนี้ ตะคอกจนซ่งหยิงสั่นไปทั่วทั้งตัว เธอส่งสายตาขอความช่วยเหลือไปทางคุณชายคนนั้นอีกครั้ง เขายังคงมองด้านนอกหน้าต่างอยู่ สายตาเหม่อลอย เหมือนในรถเกิดอะไรขึ้น ล้วนไม่มีความเกี่ยวข้องกับเขาทั้งนั้น
แต่ไหนแต่ไรเธอไม่เคยเจอคนที่เย็นชาขนาดนี้ คนที่คิดว่าไม่ใช่เรื่องราวตนเองก็ไม่สนใจไยดี ช่างไม่สนใจความคิดของตนเองเสียเหลือเกิน
“สาวน้อย ถูกฉันสนใจเข้าแล้วนับว่าเป็นโชคดีของเธอนะ เธอน่าจะรู้สึกดีใจถึงจะถูก เธอรู้มั้ยว่าข้างนอกมีผู้หญิงมากมายแค่ไหนต่อแถวอยากมาอยู่กับฉัน? สามารถต่อเป็นถนนเส้นหนึ่งสุดสถานีรถไฟเลยล่ะ” พูดๆ อยู่ ชายหัวล้านก็หัวเราะแบบหยาบคายขึ้นมาอีกครั้ง ตอนที่พูดคำนี้ยังสามารถทำให้หน้าไม่แดงได้ถือว่าเก่งกาจนัก ด้วยลักษณะหน้าตาของเขานั้น คำพูดแบบนี้พอจะทำให้เขาลำบากใจจริงๆ
ผู้ชายคนนั้นยื่นมือมาบนหน้าของซ่งหยิง ยิ้มกริ่มพูดว่า “นั่งลงมาเถอะ พวกเราค่อยๆ สนุกกัน”
ตอนที่ซ่งหยิงไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรดี ทันใดนั้นภาพเงาสูงใหญ่คนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นด้านหน้าของเธอ ก็คือบอดี้การ์ดคนนั้น
ผู้ชายหัวล้านตะลึงนิดหน่อย ยกมีดในมือขึ้นถามว่า “แกทำอะไร? อยากมายุ่งไม่เข้าเรื่องสินะ?”
“ไอ้สารเลว แกเอะอะรบกวนการพักผ่อนของจอมพลโผ้จวินของพวกฉันแล้ว” เทียนขุยพูดจาเย็นชา
ผู้ชายคนนั้นความสูงไม่เท่าไร เตี้ยกว่าเทียนขุยครึ่งศีรษะเต็มๆ พอได้ยินว่ามีคนด่าเขาขนาดนั้น โดยเฉพาะเหมือนจะเป็นคู่ต่อสู้ที่รับมือยาก เขาจึงตะคอกอย่างไม่ยอมแพ้ “ถ้ารู้จักเจียมตัวก็ไสหัวไปซะ ฉันเป็นถึงลูกน้องของหยางซ่าวหาน เฮียรองแห่งหนานหลิง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนักรบทรงเกียรติยศ