ซ่งหยิงมองเห็นคนมากขนาดนั้น ก่อนจะมองทางชายหนุ่มและล่ำสันคนนั้นแล้วถามว่า “ทำ ทำยังไงดี?”
ฟางเหยียนไม่ได้มองเธอสักนิด และไม่ได้ตอบคำถามด้วย ลุกขึ้นยืนจากที่นั่ง เดินลงไปจากรถเป็นคนแรก
กำลังคนนับพันสามารถข่มขู่ให้คนไม่น้อยตกใจได้จริง แต่สำหรับฟางเหยียนที่เคยฆ่าศัตรูแข็งแกร่งมานับหมื่น เดิมทีไม่ได้ใส่ใจ
เทียนขุยลุกขึ้นเช่นกัน พูดกับคนในรถว่า “ทุกคนไม่ต้องกลัว รออยู่ในรถ อย่าลงมา”
พูดจบเขาเดินตามฟางเหยียนลงไปแล้ว
เทียนขุยเพิ่งเดินลงจากรถ ชายหัวล้านคนนั้นชี้มาที่เขาพลันพูดว่า “พี่ใหญ่ คือมัน!”
ฟางเหยียนมองทางหยางซ่าวหานคนนั้นแวบหนึ่ง เป็นชายหนุ่มอายุประมาณยี่สิบปี รูปร่างไม่บึกบึน หน้าตาหล่อเหลาพอสมควร ใต้ดวงตามีรอยแผลเป็นอันหนึ่ง เพราะรอยแผลเป็นนี้ จึงเพิ่มพลังดุร้ายให้เขานิดๆ
“เป็นแกที่ต่อยลูกน้องของฉัน?” หยางซ่าวหานจ้องเทียนขุยแบบตรงๆ คำพูดหนาวเย็น บีบเคล้นเต็มที่
ฟางเหยียนกวาดตามองรอบหนึ่ง สุดท้ายหยุดสายตาบนตัวของเทียนขุยไว้ พูดว่า “เดิมทีอยากเข้ามาแบบเรียบง่าย ดูท่าทางครั้งนี้จะสมหวังยากอีกแล้วสินะ”
เขามีคนที่คุ้นเคยอยู่ที่หนานหลิงหลายคนขนาดนั้น หวงหยวนฉาว หลินถง ยังมีต่งยู่อีก สองสามคนนี้ ไม่ว่าคนไหนอยู่ที่หนานหลิงต่างเป็นบุคคลที่มีอำนาจทัดเทียมกัน ครั้งนี้เขาเข้ามาเพียงแค่อยากทำธุระเสร็จแล้วกลับไป ไม่อยากยุ่งเกี่ยวเรื่องอันใดกับใครทั้งนั้น
แต่ถูกหยางซ่าวหานเล่นมาขนาดนั้น คงอาจจะรู้ว่าเขามาแล้ว
ฟางเหยียนไม่ชอบพิธีหยุมหยิมพวกนี้ และไม่ชอบเจรจาและไปมาหาสู่กับคนพวกนี้มากเกินไปด้วย
“เป็นพวกแกที่ตีลูกน้องฉัน?” หยางซ่าวหานถามอีกรอบอย่างโหดร้าย
เทียนขุยเงยหน้ายืดอก พูดด้วยจิตใจองอาจห้าวหาญ “ใช่ ฉันทำเอง!”
เพิ่งพูดจบ ทันใดนั้นหญิงสาวคนหนึ่งวิ่งมาที่ด้านหน้าของฟางเหยียน อ้าแขนออกขวางเขาและเทียนขุยไว้ พร้อมพูดว่า “ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเขา เป็นฉันที่หาเรื่องเอง! คุณปล่อยพวกเขาไปเถอะ”
คือซ่งหยิง ฟางเหยียนนึกไม่ถึงว่าซ่งหยิงจะเข้ามาในเวลานี้ แถมยังทำท่าทางแบบนี้ออกมาอีก
เธอหายใจหอบแรง สีหน้าซีดเซียวมาก พอมองก็รู้แล้วว่าเก็บกดความกลัวมากมายเอาไว้ถึงกล้าเข้ามา
“คุณผู้ชายทั้งสองท่าน สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้นี้ ฉันรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากค่ะ แต่นี่ไม่เกี่ยวข้องกับพวกคุณ ขอให้พวกคุณไปเถอะค่ะ! ฉันเป็นคนก่อเรื่องคนเดียวจะรับผิดคนเดียว” ซ่งหยิงพยายามทำให้ตนเองกลับสู่ความสงบ ทว่าความประหม่าบนหน้ายังคงยากจะเลือนหาย
ฟางเหยียนยังไม่ทันได้พูดจาอะไร หยางซ่าวหานคนนั้นดันยกนิ้วโป้งขึ้นมาเสียก่อน พูดชมเชย “มีความรับผิดชอบดี ฉันชอบ! สาวน้อยฉันชอบหญิงสาวที่มีความรับผิดชอบแบบนี้แหละ”
“พวกแกเห็นกันรึเปล่า? หา เห็นมั้ย นี่เป็นแค่หญิงสาวคนหนึ่ง พวกแกที่เป็นผู้ชายอกสามศอกกลุ่มนี้ เจอปัญหาก็หดหัวอยู่ข้างหลัง แต่ผู้หญิงคนนี้เธอกลับออกหน้ามายอมรับ เรียนรู้ ต้องเรียนรู้ไว้” หยางซ่าวหานสั่งสอนเหล่าลูกน้องของตนเองขึ้นมาในที่เกิดเหตุ
พูดจบเขาทำเสียงจิ๊ๆๆ ส่ายหน้าพูด “แต่ว่าน่าเสียดาย สาวน้อย ถึงแม้เธอมีความรับผิดชอบ แต่ฉันคงปล่อยพวกมันไปไม่ได้หรอก ที่พวกมันตีคือลูกน้องของฉัน นี่ถ้าเรื่องแพร่ออกไป ต่อไปฉันจะทำยังไง?”
เขาหมุนตัวสองรอบอยู่ที่เดิมอย่างไม่สนใจใคร พูดขึ้นอีก “เรื่องนี้ไม่ใช่ว่าไม่มีทางออก ความจริงยังมีอยู่นะ”
พอซ่งหยิงได้ยินเขาพูดแบบนั้น ถึงแม้จะรู้ว่าคนคนนี้มีเจตนาไม่ดี ก็ยังคงถามต่อไป “ทำอย่างไร?”
หยางซ่าวหานยิ้มกริ่มตอบ “ง่ายมาก เธอมาอยู่เป็นเพื่อนฉันคืนหนึ่งก็พอ เรื่องนี้ถือว่าจบกันไปแบบนี้ เธอน่าจะรู้ ข้างนอกมีผู้หญิงมากมายต่อแถวอยากมาสนุกกับฉัน สนใจเธอเข้า ถือเป็นเกียรติของเธอ”
คำพูดนี้เหมือนชายหัวล้านคนนั้นกันราวกับแกะ ไม่ต้องสงสัยเลย นี่เป็นชายหัวล้านเลียนแบบตามเขามาแน่นอน
พอซ่งหยิงฟังคำพูดนี้ ชั่วพริบตาเดียวโกรธจนแก้มแดงขึ้นมา ฟางเหยียนยกมือขึ้นมาดึงแขนของเธอไว้แล้ว ลากเธอเข้ามาด้านหลังของตนเอง จากนั้นพูดกับหยางซ่าวหานว่า “ฉันไม่อยากฆ่าคนที่นี่ แกไสหัวไปเถอะ!”
หยางซ่าวหานได้ยินคำพูดนี้ มึนงงไปหมดทั้งตัว หลังจากนั้นตั้งนาน เขาถึงหัวเราะฮาๆๆ ขึ้นมา ถามว่า “เมื่อกี้แกว่าอะไรนะ? ฉันฟังผิดไปหรือเปล่า?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนักรบทรงเกียรติยศ