บทที่45 เทียนเจียงช่วยฉันด้วย
ปึ้ง!
ทันใดนั้น มือของฉู่เทียนเจียงที่จับขวดเหล้าอยู่ก็แตกกระจาย หยูหว่านชิวตกใจจนกระเด้งตัวออกมา
“เธอ พูดอีกรอบสิ?”
หยูหว่านชิวพูดงึมๆงำๆ
“หะ……หัวหน้าห้องบอกมาแบบนี้”
ทันใดนั้น ฉู่เทียนเจียงก็รู้สึกดีใจจนยากที่จะอธิบาย
“เอาเบอร์มือถือของจิ่งอ๋างหรานให้ฉัน”
เพื่อนที่โตด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก ช่วยเหลือเขามามากมาย ถึงตอนนี้ เขาจะคิดถึงในบางครั้ง แต่ในหัวใจของเขายังเต็มไปด้วยความขมขื่น
“นี่!ทำไมต้องดุขนาดนั้นด้วย!”
ทันใดนั้น ฉู่เทียนเจียงก็มองไปที่หยูหว่านชิวที่น้ำตาคลอเบ้า รู้ดีว่าตนเองเมื่อกี้ควบคุมอารมณ์ไม่ได้ รังสีแห่งความอำมหิตแผ่ซ่านออกมากเหมือนเมื่อตอนที่เขารบอยู่ในนอร์ทเทิร์นแลนด์สี่ปี
รังสีอำมหิตของเขา ถ้าถูกปลดปล่อยออกมาคงเป็นอาวุธชั้นดี ไม่ว่าจะเป็นสิงโตหรือเสือต่างก็ต้องวิ่งหางจุกตูด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคน
“ขอโทษด้วยนะ ฉันตื่นเต้นไปหน่อย”
หยูหว่านชิวทำเสียงหึ แต่ยังคงตอบกลับคำถามของฉู่เทียนเจียง
“สองวันก่อนหัวหน้าห้องได้รับสายทางไกล คนผู้นั้นบอกว่าชื่อจิ่งอ๋างหราน เขาไม่ให้วิธีติดต่ออื่นเลย หัวหน้าห้องจึงพูดถึงเรื่องเลี้ยงรุ่นอย่างไม่คิดอะไร จิ่นอ๋างหรานเลยบอกว่าเขาจะไปร่วมงานด้วย พูดแค่นี้”
ไม่มีวิธีติดต่ออื่นงั้นเหรอ?ฉู่เทียนเจียงหายใจเร็วแรงขึ้น ยังมีชีวิตอยู่จริงเหรอ?
“ได้ ฉันจะไปงานเลี้ยงรุ่น”
ไม่เพื่อสิ่งอื่น เพียงเพื่อความคิดถึงและความเสียดาย
“คนสวย ผมขอเบอร์ได้หน่อยไหมครับ?”
ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น วัยรุ่นคนหนึ่งถือขวดเหล้าปรากฏขึ้นข้างๆ บนใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มของความมั่นใจ รูปร่างหน้าตาไม่เลวเลยล่ะ
แต่แล้ว สีหน้าของหยูหวานหรานกลับเคร่งขรึมลง
“พวกแกจะทำอะไรห้ะ?เล่นเกมความจริงหรือความท้าทายก็อย่ารบกวนคนอื่นได้ไหมย่ะ ก่อนหน้านี้คนเมื่อกี้ฉันได้พูดไปแล้วนะ กรุณาออกไปจากหน้าฉันด้วย”
วัยรุ่นที่กำลังยิ้มในตอนแรก เขาเริ่มหน้าเสียขึ้นมา
“คนสวย แค่เกมเอง ให้เบอร์ฉันมาก็พอแล้ว เถอะหน่า ไว้หน้าฉันหน่อย”
หยูหว่านชิวจึงไม่พูดอะไร วัยรุ่นที่เห็นแบบนั้น จึงหันหน้ากลับไปพลางพูดขึ้นอย่างเย้ยหยันว่า
“ทำเป็นตอแหลว่าตัวเองสูงส่ง”
ทันใดนั้น ก็มีเหล้าสาดไปที่ใบหน้าของวัยรุ่นคนนั้น
“กรุณาพูดอะไรระวังปากของคุณด้วย”
ฉู่เทียนจียงที่เห็นหยูหว่านชิวลุกขึ้นมา มุมปากขึ้นยกยิ้มขึ้น สาวคนนี้เมื่อก่อนเวลาโกรธโมโหขึ้นมาทีไรน่ากลับตลอด ตอนนี้ดูท่าจะไม่เปลี่ยน ไม่เคยสนใจใครหน้าไหนทั้งนั้น
“แม่งเอ้ย กล้าสาดกูเหรอ?”
ปึ้ง!
วัยรุ่นที่กำลังยกมือข้างขวาขึ้น แต่ทันใดนั้นร่างของเขาก็ถูกเตะกระเด็นจนหมอบกับพื้น
ฉู่เทียนเจียงที่ค่อยๆเก็บเท้ากลับมา หัวเราะพลางพูดกับหยูหว่านชิวว่า
“ค่อยยังชั่วน้อย คิดว่านายจะนั่งดูละครซะแล้ว จัดการได้ไหม?ยังไงก็เข้ากองทัพมาสี่ปีแล้วนิ่ ถ้าจัดการไม่ได้ฉันจะได้แจ้งความ”
ผู้หญิงทั่วไป ถ้ามาสร้างเรื่องแบบนี้จะรู้สึกเกลียดมาก แต่ฉู่เทียนเจียงยินดีมาก เพราะว่าหยูหว่านชิวคือเพื่อนของเขา เป็นเพื่อนในจำนวนที่แทบจะนับได้ ไม่อย่างนั้นหยูหว่านชิวคงไม่รู้สึกว่าที่เทียนเจียงทำไปเป็นหลักการของฟ้าดินเปลี่ยนแปลงไม่ได้
“แค่แมวสองสามตัว ขอเวลาฉันยี่สิบวินาที”
พูดจบ ฉู่เทียนเจียงก็เดินมุ่งไปยังข้างหน้า เขาไม่ใช่คนที่อยู่ตรงโต๊ะทั้งสี่คนเข้ามาด่าแม่เขาหรอก เป็นอีกครั้งที่มีคำพูดทำนองว่าแม่งเอ้ยมึงกล้าตีกูเหรอวะ
ไม่ถึงยี่สิบนาที ฉู่เทียนเจียงกลับไปประจำที่เดิม ในขณะเดียวกัน ก็มีชายร่างสูงใหญ่วัยกลางคนเดินเข้ามา
“ไอ้หนุ่มฝีมือไม่เลวเลยนิ่ ไม่พูดพร่ำทำเพลง พี่ชอบเอ็งว่ะ รีบไสหัวไปซะ คนที่แกตีน่ะชื่อหวังป่าย ครอบครัวมีฐานะใหญ่พอตัว”
เอ๋?ฉู่เทียนเจียงมองไปที่ชายร่างสูงใหญ่ด้วยแววตาแห่งความสนใจ
“คนที่หวังดีอย่างคุณในสังคมนี้ มีน้อยมากเลยนะครับ วางใจเถอะ ผมจะจัดการเอง ดูท่าบาร์แห่งนี้คุณจะเป็นคนดูแลมันนะ เดี๋ยวรอคนมา ผมจะไปจัดการเคลียร์ข้างนอกให้ครับ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมยุทธ์กบฏโลก