บทที่ 9
“ท่านประธานต้องการอะไรรึเปล่าคะ” ผู้จัดฝ่ายที่มาตรวจความเรียบร้อยของงานเห็นท่านประธานยืนอยู่จึงรีบเข้ามาทักด้วยความแปลกใจ เมื่อเห็นว่ารายนั้นลงมาตรวจงานด้วยตัวเอง
“เปล่าหรอก พอดีได้ยินเสียงเปียโนเพราะดี ก็เลยแวะเข้ามาดูน่ะ” เขาปดคำโต ก็ไม่รู้ว่าเพราะเสียงเปียโนหรือเพราะคนเล่นเปียโนกันแน่ถึงทำให้เขายังยืนอยู่ตรงนี้ แต่ที่แน่ๆ นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เพราะหลังจากที่ได้รู้ตารางงานของนักเปียโนคนใหม่ พ่อคุณก็นึกอยากฟังเพลงขึ้นมาทันที
“อ้อ นั่นมีนา นักเปียโนคนใหม่ของเราค่ะ เริ่มงานวันนี้เป็นวันแรก” ผู้จัดการฝ่ายรีบรายงาน
“อืม ผมชอบ”
“คะ?” ผู้จัดการฝ่ายถึงกับครางถามด้วยความงุนงงกับการพูดแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยของท่านประธาน
“อ้อ…ผมหมายถึงเท่าที่ฟังเขาเล่นเมื่อตอนกลางวันก็เพราะดีนะ ดูท่าแขกที่มาพักก็น่าจะชอบเหมือนกัน จะว่าไปถ้าเพิ่มช่วงเช้าเข้าไปด้วยอีกสักชั่วโมงสองชั่วโมงก็น่าจะไม่เลวนะ”
“งั้นให้ดิฉันประกาศหานักเปียโนมาเพิ่มอีกสักคนดีไหมคะ” เห็นเจ้านายชอบ ผู้จัดการฝ่ายจึงรีบเสนอ
“ทำไมต้องหาเพิ่ม ในเมื่อเราก็มีอยู่แล้ว” เขาชักสีหน้าจนอีกฝ่ายตกใจ
“อะ เอ่อ…มีนาเขาว่างแค่ช่วงบ่ายค่ะ ช่วงเช้าเขามีสอนที่สถาบันดนตรี คงมาเล่นให้ไม่ได้ค่ะ” ผู้จัดการบอกเสียงอ่อย
“อืม! งั้นก็ช่างเถอะ” เขาบอกปัดด้วยใบหน้าเคร่งขรึม
“เอ่อ…แล้วยังต้องหานักเปียโนมาเพิ่มอยู่ไหมคะ” ผู้จัดการฝ่ายถามเสียงอึกอัก ไม่บ่อยนักที่จะเห็นเจ้านายหงุดหงิดแบบไม่มีสาเหตุแบบนี้ ทำเอาทำตัวแทบไม่ถูก
“ไม่ต้อง” เขาบอกเสียงห้วน แล้วหันไปมองต้นเหตุของความหงุดหงิดต่อ และจังหวะนั้นเองที่เขาเห็นใครบางคนเดินเข้าไปหาเธอ
“วันก่อนก็คนหนึ่ง วันนี้ก็อีกคน เป็นผู้หญิงแบบไหนกัน” ภาพที่ดรัณเดินเข้าไปคุยกับมีนาอย่างสนิทสนม ทำคนทางนี้ถึงกับงุ่นง่านไปหมด
“คะ?” เสียงงึมงำของเขาทำให้ผู้จัดการฝ่ายต้องหันมาถามอีกครั้ง แต่มันกลับกระตุ้นให้คนถูกถามหงุดหงิดยิ่งกว่าเดิม และก่อนที่มันจะทำให้ผู้ชายมาดนิ่งที่เคยควบคุมตัวเองได้ดีเสมอมาเสียอาการไปมากกว่านี้ เขาจึงต้องรีบปลีกตัวออกมา แล้วปล่อยให้อีกฝ่ายได้แต่ยืนงงต่อไป
“โอ๊ย! เหนื่อยชะมัด ถ้าขืนเป็นแบบนี้ทุกวัน ฉันต้องตายผ่อนส่งแน่ๆ” เธอเดินออกจากงานพลางนวดต้นคอด้วยความเมื่อยล้า กระทั่งเกือบจะชนเข้ากับใครบางคนที่จู่ๆ ก็เดินมาตัดหน้า
“โอ๊ะ! คุณเองเหรอ นี่อย่าบอกนะว่าคุณก็ถูกเชิญมางานนี้เหมือนกัน เฮ้อ เจ้าของงานนี้เขาไม่เลือกคนเลยสินะ” เธอแสร้งเหน็บเข้าให้ตามความเคยชิน แต่ที่เขาสนใจมันกลับไม่ใช่คำพูดเหน็บแนมนั้น
“เหมือนกัน?” เขาย้อนถามอย่างกำลังหยั่งเชิง
“ก็ใช่ไง พี่ดรัณเขาก็ได้รับเชิญมางานนี้เหมือนกัน นี่ไม่ได้เจอกันเหรอ แปลกจัง งานก็ไม่ได้ใหญ่อะไร ทำไมถึงไม่เจอกัน” เธองึมงำ แต่คำถามนั้นกลับไม่ได้แทรกซึมเข้าไปในโสตประสาทเขาเท่ากับแค่ได้รู้ว่าเธอกับผู้ชายคนนั้นไม่ได้นัดกัน ใช่! พวกเขาก็แค่บังเอิญเจอกัน
“ยิ้มอะไรของคุณ สบายดีรึเปล่าเนี่ย หรือสมองได้รับความกระทบกระเทือนไปแล้ว” เห็นพ่อคุณเอาแต่ยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เธอก็เหน็บให้อีก
“แล้วนี่เธอจะกลับยังไง” เธอมองเขาราวกับคนเห็นผี เพราะนอกจากพ่อคุณจะไม่ตอบโต้เหมือนทุกครั้ง ยังทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จะอ่อยให้คุณรักหัวปักหัวปำ