จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ นิยาย บท 1268

สรุปบท บทที่ 1268 มู่หงออกมาจากการเก็บตัวฝึกฝน: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

สรุปตอน บทที่ 1268 มู่หงออกมาจากการเก็บตัวฝึกฝน – จากเรื่อง จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ โดย จูผาซู่

ตอน บทที่ 1268 มู่หงออกมาจากการเก็บตัวฝึกฝน ของนิยายใช้ชีวิตเรื่องดัง จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ โดยนักเขียน จูผาซู่ เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

หนึ่งในนั้น เป็นผู้หญิงวัยกลางคนที่รูปร่างไม่ค่อยสูงนัก เธอใส่ชุดสีขาว

ส่วนอีกคนหนึ่ง เป็นชายชราใส่ชุดสีเหลือง

ชายชราคนนี้ ก้มหน้าตลอดเวลา เขาไม่ขยับตัวเลยและไม่พูดอะไรด้วย ร่างกายของเขาไม่มีพลังอะไรถูกปลดปล่อยออกมาเลย

ถ้าไม่ได้มองเห็นเขาอยู่ต่อหน้า แต่ใช้พลังจิตไปสัมผัส คงไม่มีใครสามารถค้นพบเขาได้

ส่วนผู้หญิงวัยกลางคนก็มีสีหน้าที่เย็นชามากๆ เธอนั่งอยู่บนเก้าอี้และไม่พูดอะไร นิสัยของเธอค่อนข้างเย็นชา

ผ่านไปสักพัก ผู้อาวุโสใหญ่เอ่ยปากพูดเพื่อทำลายความเงียบสงัด

เขามองไปที่รองเจ้าสำนัก และถามด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม "รองเจ้าสำนัก หลินชางฉองคนนั้นไม่ยอมปรากฏตัวเลย ดูจากสถานการณ์ตอนนี้ เขาคงไม่ยอมปรากฏตัวแน่ๆ"

"มีความเป็นไปได้ว่าเขาจากไปแล้ว"

"มีความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่งก็คือเขายังอยู่ แต่เขาน่าจะรับรู้ถึงความผิดปกติก็เลยไม่ยอมปรากฏตัว"

"ตอนนี้พวกเราต้องหาวิธีบีบบังคับให้เขายอมปรากฏตัวให้ได้!"

ต้องบีบบังคับให้หลินชางฉองยอมปรากฏตัว

สำนักเทียนหยุนได้ยืมแท่นค่ายกลสี่พิทักษ์มาจากสำนักฉีซาน

ถึงแม้ทั้งสองสำนักจะมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน แต่การยืมแท่นค่ายกลสี่พิทักษ์ฉีซานครั้งนี้ ทำให้สำนักเทียนหยุนต้องจ่ายค่ายืมที่แพงมากๆ

สมบัติล้ำค่าขนาดนี้ มันให้ยืมฟรีๆไม่ได้อยู่แล้ว

ไม่ต้องพูดถึงความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ถึงแม้พวกเขาจะเป็นพี่น้องหรือพ่อลูกกัน ถ้าไม่ยอมจ่ายค่ายืม อีกฝ่ายก็คงไม่ยอมเอามันออกมาอย่างแน่นอน

รองเจ้าสำนักขมวดคิ้วและพูด "ใช่แล้ว ตอนนี้ปัญหาอยู่ที่พวกเราจะบีบบังคับอีกฝ่ายปรากฏตัวยังไง! ถ้าคนๆนั้นไม่ยอมปรากฏตัว พวกเราก็ไม่สามารถลงมือได้"

"ทุกท่านมีวิธีอะไรไหม?"

ผู้อาวุโสใหญ่ครุ่นคิดชั่วครู่และพูด "ศิษย์พี่ ในเมื่อใช้หวงฉาวเป็นเหยื่อล่อ แต่อีกฝ่ายไม่ยอมปรากฏตัว พวกเราลองเปลี่ยนเป็นคนอื่นๆดูไหม?"

เมื่อรองเจ้าสำนักได้ยินคำพูดเหล่านี้ เขาก็ส่ายหัวและพูด "ในเมื่อใช้หวงฉาวเป็นเหยื่อล่อ แต่อีกฝ่ายไม่ยอมปรากฏตัว ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่น อีกฝ่ายก็คงไม่ยอมปรากฏตัวเช่นกัน ต้องคิดหาวิธีอื่น!"

ในเวลานี้ ห้องประชุมในตำหนักเกิดความเงียบสงัดทันที

ใครมีวิธีอื่นๆอีกไหม?

พวกเขานิ่งเงียบมาหลายวัน จากนั้นหวงฉาวก็ปรากฏตัว

เขาในฐานะลูกศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดของสำนักเทียนหยุน เป็นอนาคตอันรุ่งเรืองของสำนักเทียนหยุน แต่จู่ๆหวงฉาวกลับปรากฏตัวออกมา

ถ้าไม่ใช่คนโง่ ก็คงคาดเดาได้ เขาต้องเป็นเหยื่อล่ออย่างแน่นอน

ตอนนี้หวงฉาวเป็นเหยื่อล่อไม่ได้ผล ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่น ถ้าได้ผลก็คงเป็นเรื่องแปลกแล้ว

ในจิตใจของทุกคนต่างรู้ดี รองเจ้าสำนักก็รู้ดีเช่นกัน อันที่จริงตอนที่เขารับปากหวงฉาว เขาก็คาดเดาได้แล้วว่ามันจะต้องเป็นแบบนี้

แต่เขาไม่อยากจะหักหน้าหวงฉาวเท่านั้น

เพราะหวงฉาวไม่ได้เป็นลูกศิษย์ธรรมดาทั่วไป

สำนักเทียนหยุนพยายามบ่มเพราะและทำให้หวงฉาวให้แข็งแกร่งมากขึ้น เพราะเขาคืออนาคตอันรุ่งเรืองของสำนักเทียนหยุน

เขาในฐานะรองเจ้าสำนัก แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับหวงฉาว เขาก็ต้องคิดมากเหมือนกัน

ก่อนหน้านี้เขาคิดไว้แล้ว การที่หวงฉาวปรากฏตัว อาจจะเป็นการเปิดเผยบางอย่างออกไป

ถ้าหลินชางฉองเป็นเด็กหนุ่มใจร้อนมากๆ เขาคงคิดไม่ถึงเรื่องนี้อย่างแน่นอน

ดูจากสถานการณ์ตอนนี้ หลินชางฉองคงไม่ใช่เด็กวัยรุ่น แต่เป็นเฒ่าประหลาด

ไม่งั้นเขาคงไม่คิดมากขนาดนี้หรอก?

แต่เรื่องก็มาถึงขั้นนี้แล้ว พวกเราควรทำยังไงดี?

เขามองไปที่ผู้หญิงวัยกลางคนที่นั่งเงียบๆโดยไม่รู้ตัว

ถ้าครั้งนี้ไม่สามารถบีบบังคับให้หลินชางฉองปรากฏตัว พวกเขาก็คงต้องเสียค่ายืมสมบัติล้ำค่าไปฟรีๆ

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เขาก็ครุ่นคิดอย่างหนักอีกครั้ง

เขาคิดเรื่องนี้ตั้งแต่ต้นจนจบอีกรอบ จู่ๆเขาก็พบประเด็นสำคัญ ทำให้เขาคิดวิธีหนึ่งออกมาทันที

สายตาของรองเจ้าสำนักเปล่งประกาย เขามองไปที่ผู้หญิงวัยกลางคนและพูด "สหายปิงหลิน คุณเดินทางไปเมืองมี่หยุนกับพวกเราได้ไหม?"

เมื่อผู้หญิงวัยกลางคนได้ยินคำพูดเหล่านี้ เธอก็พูดด้วยน้ำเสียงเบาๆ "ได้อยู่แล้ว!"

รองเจ้าสำนักดีใจมากๆ เขารีบมองไปที่ผู้อาวุโสใหญ่และคนอื่นๆแล้วพูด "ศิษย์น้อง คุณพาเจ้าสี่ไปที่ตระกูลฉินในเมืองมี่หยุน! คุณต้องได้ข้อมูลทั้งหมดของหลินชางฉองจากปากของคนตระกูลฉิน"

"ตอนนี้เขายังคงเก็บตัวอยู่ และไม่เคยออกจากสำนักแม้แต่ครั้งเดียว!"

หลินหยุนพยักหน้า สิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ในการคาดเดาของเขาอยู่แล้ว

มู่หงคนนี้ ตอนที่อยู่ด้านนอก หลินหยุนก็รู้สึกได้ทันทีว่าเขาเป็นคนที่ระแวดระวังตัวและฉลาดมากๆ

ถ้าอีกฝ่ายกล้าเดินทางออกมาจากสำนักฉีซาน เขาก็มีโอกาสอยู่แล้ว

ด้วยพลังที่เขามีอยู่ในตอนนี้ ถ้าต้องการสังหารมู่หงที่ฝึกฝนถึงแดนยาทองระดับสี่ เขาแค่สะบัดมือก็สามารถทำได้แล้ว มันไม่ใช่เรื่องยากเลย

หลินหยุนครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่และพูด "เธอกลับไปก่อน! ช่วยเฝ้าสังเกตความเคลื่อนไหวของมู่หงและรายงานฉันด้วย!"

ซิงเฟยพยักหน้า เธอมองหลินหยุนและพูด "คุณไปที่สำนักเทียนหยุนใช่ไหม? ยังสังหารผู้อาวุโสสองคนด้วย? คุณกล้ามากๆที่ทำแบบนี้!"

เมื่อหลินหยุนได้ยินคำพูดเหล่านี้ เขาก็พูดโดยไม่ใส่ใจ "ฉันแค่พยายามควบคุมพวกเขาเอาไว้! ไม่ให้พวกเขาไปลงมือทำร้ายตระกูลฉิน"

ถึงแม้ก่อนหน้านี้ คนของสำนักเทียนหยุน จะยอมออกจากตระกูลฉินแต่โดยดี นั่นเป็นเพราะการปรากฏตัวของสามเยว่

พูดกันตามตรง เนื่องจากสำนักหยุนเยว่เข้ามาแทรกแซงเรื่องนี้ ทำให้สำนักเทียนหยุนต้องคิดมากกว่าเดิมถึงจะลงมืออีกครั้ง

แต่เรื่องนี้ไม่มีใครสามารถรับประกันได้

ตอนนี้ ในช่วงเวลาสั้นๆนี้ คนของสำนักเทียนหยุนคงไม่ปรากฏตัวและทำร้ายตระกูลฉินอย่างแน่นอน!

ซิงเฟยขมิบปากและพูด "คิดไม่ถึงจริงๆ คนอย่างคุณก็เป็นห่วงคนอื่นเป็นด้วย!"

หลินหยุนไม่ได้พูดอะไร เขานั่งลงบนเบาะรองนั่ง เขาปิดตาและฝึกฝนพลังทันที

ซิงเฟยเปล่งเสียงไม่พอใจออกมา เธอออกจากโรงเตี๊ยมและกลับไปที่สำนักฉีซานทันที

ในเวลานี้ ในวิมานแห่งหนึ่ง

สีหน้าของมู่หงแย่มากๆ

การเสียชีวิตของเจียงยี่

การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของสำนักเทียนหยุน

เรื่องเหล่านี้ อยู่เหนือความคาดหมายของเขาจริงๆ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์