จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ นิยาย บท 182

แหงนมองไปทางเงามืดขนาดใหญ่ที่อยู่บนท้องฟ้า หากหลินหยุนคาดไว้ไม่ผิด นั่นน่าจะเป็นสิ่งที่ซ่อนอยู่ในตัวของซูหนัน โฉมหน้าที่แท้จริงของเจ้าวิญญาณตนนั้น

ซูหนันที่ลอยเคว้งอยู่กลางอากาศ จู่ๆก็ตะโกนบอกหลินหยุนด้วยน้ำเสียงอ่อนล้าว่า “ปรมาจารย์หลิน นั่นคือวิญญาณบรรพบุรุษฮั่นป๋า พวกคุณไม่ใช่คู่มือของมันหรอก รีบไปซะเถอะ !”

หลินหยุนเก็บพลังทิพย์ที่อยู่ในอากาศกลับมา ร่างของซูหนันเลยร่วงลงสู่พื้นทันที

ศิษย์ของสำนักยินซือหลายคนรีบพุ่งไปข้างหน้าทันที แล้วดึงตัวซูหนันกลับมา

“ฮ่าฮ่า วันนี้ พวกแกต้องตายกันหมดแน่ !” ยังคงเป็นเสียงของผู้หญิงที่น่าเกลียดน่ากลัวและขนลุกขนพองนั่น โครมคราม เสียงนั้นยังคงวนเวียนอยู่ทั่วทั้งบริเวณจากบนฟ้าถึงพื้นดิน

“แม่เจ้า ปีศาจ ! โลกนี้จะถึงคราวจบสิ้นแล้วเหรอ ?”

คนธรรมดาเหล่านั้นกลัวกันจนขี้หดตดหาย วิ่งหนีกันพัลวัน

“กลับมา หยุดอยู่กับที่เลยนะ !” ผู้มีอิทธิพลหลายๆคนพยายามควบคุมอย่างเต็มที่ แต่กลับไม่อาจหยุดความแตกตื่นของเหล่าพวกลูกน้องได้

ไม่เพียงผู้คนของเมืองหลายเมืองของภาคเหนือที่วิ่งหนี เหล่าผู้คนของเมืองเจ็ดเมืองของภาคใต้เองก็พากันวิ่งหนีด้วยเช่นกัน

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการดำรงอยู่ที่น่าเหลือเชื่อแบบนี้ คนธรรมดาทั่วไปไม่จะกลัวได้อย่างไร

บนท้องฟ้า วิญญาณบรรพบุรุษฮั่นป๋าเฝ้ามองสิ่งเหล่านี้ แล้วหัวเราะออกมาอย่างได้ใจ

“อยากหนีอย่างนั้นเหรอ ? จะหนีไปไหนได้ !”

พอพูดจบ เงามืดขนาดใหญ่นั่นก็ปกคลุมไปทั่วทุกพื้นที่ พุ่งเป้าไปหาผู้คนของเมืองหลายเมืองของภาคเหนือที่กำลังหนีกันจ้าละหวั่น

พื้นที่ที่เงามืดนั้นเข้าไปห่อหุ้ม เหล่าพืชพรรณที่อยู่บนพื้นดิน ต่างก็เหี่ยวเฉาไปในชั่วพริบตาทันที

เหล่าผู้คนที่กำลังวิ่งหนีอยู่ จู่ๆก็ลอยเคว้งขึ้นกลางอากาศ และภายในชั่วขณะที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ผู้คนต่างก็แห้งเหี่ยวตามๆกันไป

ซูหนันอุทานออกมาว่า “เธอกำลังดูดกลืนพลังจิตจากผู้คน !”

เด็กหนุ่มหลายสิบคนที่ถูกสูบพลังจิตจนตัวแห้งเหี่ยว ค่อยๆร่วงลงมา พวกเขาขาวซีดราวกับกระดาษ ราวกับได้กลายเป็นมนุษย์กระดาษไปเสียแล้ว

ส่วนร่างลวงตาขนาดใหญ่ของวิญญาณบรรพบุรุษฮั่นป๋า ก็ดูจะแข็งแกร่งขึ้นหลายระดับ

ฉากนี้ยังคงดำเนินต่อไป เพียงไม่นานก็มีผู้คนอีกหลายสิบคนถูกทำให้ลอยเคว้งไปในอากาศอีกครั้ง แล้วถูกวิญญาณบรรพบุรุษฮั่นป๋าสูบพลังจิตไปจากร่าง

เหล่าผู้มีอิทธิพลหลายคนต่างก็ตกใจกันจนขี้หดตดหาย และมีหลายคนที่วิ่งไปตรงหน้าหลินหยุน คุกเข่าแล้วก้มคำนับ “ปรมาจารย์หลิน ช่วยด้วย ได้โปรดช่วยชีวิตด้วย !”

พวกเจี่ยงสงเองก็ตกใจจนพากันกลืนน้ำลาย แล้วโค้งคำนับอ้อนวอน “ปรมาจารย์หลิน โปรดช่วยชีวิตด้วย !”

พวกรุ่นลูกน้องเหล่านั้นต่างก็รู้จักมุดหัวลงรูกันทั้งนั้น แต่พวกผู้มีอิทธิพลทั้งหลายต่างก็เห็นกันอย่างชัดเจน ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็ไม่มีทางหนีเจ้าสัตว์ประหลาดนั่นพ้นแน่ ตอนนี้สิ่งที่พวกเขาสามารถอ้อนวอนได้ ก็มีเพียงปรมาจารย์หลินเท่านั้น

หลินหยุนมองไปทางวิญญาณบรรพบุรุษฮั่นป๋าที่อยู่บนฟ้า แล้วพูดเสียงเรียบว่า “ในเรื่องเล่าและตำนานของชาวจีน ฮั่นป๋าเป็นหนึ่งในบรรพบุรุษของผีดิบ ลูกสาวของฮ่องเต้ซวงหยวน ทุกที่ที่วิญญาณบรรพบุรุษฮั่นป๋าก้าวผ่าน ที่นั่นย่อมรกร้างว่างเปล่าไปพันลี้

“ถึงแม้ตอนนี้จะหลงเหลือเพียงเศษเสี้ยวของวิญญาณ แต่ ทุกที่ที่ก้าวผ่าน ก็ยังสามารถพรากชีวิตของทุกสรรพสิ่งได้”

ผู้คนทั้งหลายต่างเหมือนได้ฟังพระคัมภีร์ ตอนนี้เป็นยุคของเทคโนโลยีแล้ว สิ่งที่ผู้มีอิทธิพลเหล่านี้สนใจนั้นมีแค่ตลาดหลักทรัพย์ กับตลาดอสังหาริมทรัพย์ ใครเล่าจะมีเวลาไปสนใจเรื่องเล่าปรัมปราเหล่านั้น !

“ท่านปรมาจารย์หลิน ในเมื่อคุณรู้ที่มาของเธอ ก็ต้องมีวิธีรับมือกับเธอด้วยใช่ไหม ! ท่านปรมาจารย์หลินได้โปรดช่วยพวกเราด้วยเถิด เธอต้องจับทุกคนกินจนหมดแน่ !”

ผู้มีอิทธิพลคนหนึ่งกล่าวด้วยสีหน้าตื่นตระหนก น้ำตานองหน้า

“ถอยไป !”

จู่ๆหลินหยุนก็ตะโกนออกมา เพียงท่องในใจ คันธนูดับตะวันก็ปรากฏขึ้นมาบนมือเขา

พูดตามจริง เขาไม่ได้อยากกำจัดวิญญาณบรรพบุรุษฮั่นป๋าตนนี้เลย เขาสงสัยมากว่ายุคสมัยที่วิญญาณตนนี้เคยอยู่ มันจะเป็นยุคสมัยแบบไหนกัน

ในเมื่อก่อนกำเนิดเธอมีความสามารถจากแดนจิตปฐม นั่นก็แสดงว่ายุคสมัยที่เธอเคยอยู่ จะต้องมีผู้บำเพ็ญเซียนอยู่แน่ และความสามารถจะต้องไม่ธรรมดาแน่

ต้องรู้ว่าความสามารถจากแดนจิตปฐมนั้น แม้แต่ในโลกนับหมื่นบนจักรวาล ก็ยังถือว่าเป็นยอดฝีมือ

ผู้มีอิทธิพลทั้งหลายพอเห็นว่าจู่ๆในมือของหลินหยุนก็มีธนูยาวแสนแปลกประหลาดปรากฏขึ้นมา ก็หันไปมองหน้ากันยังอดไม่ได้

ทำไมปรมาจารย์หลินต้องเอาธนูออกมาด้วย ?

หรือว่าเขาจะเอามายิงเจ้าปีศาจที่อยู่บนฟ้าตนนั้น ?

เมื่อก่อนเคยได้ยินแค่ต้องวาดยันต์กำราบฝี ยังไม่เคยได้ยินว่าใช้ธนูยิงใส่ผีมาก่อนเลย !

หลินหยุนยืนอยู่กับที่ ชุดขาวไร้คราบฝุ่นผง ราวเทพเซียนผู้สูงส่ง ทั้งสง่าและงดงาม

มือซ้ายถือคันคันธนูดับตะวัน มือขวาน้าวสายธนู เล็งเป้าหมายไปทางวิญญาณบรรพบุรุษฮั่นป๋าที่อยู่บนท้องฟ้า

หลินหยุนค่อยๆเปิดปาก แล้วกล่าวเสียงต่ำว่า “ถ้าแกยอมบอกที่มาของแก ฉันจะไว้ชีวิตแกก็ได้”

วิญญาณบรรพบุรุษฮั่นป๋าส่งเสียงหัวเราะประหลาดแสนแสบแก้วหูออกมา เต็มไปด้วยกลิ่นอายของความไม่พอใจ

“ไว้ชีวิตข้า ? แกมีสิทธิ์อะไร ! จะใช้เครื่องรางผุๆที่อยู่ในมือแกนั่นงั้นเหรอ ? ฮ่าฮ่า ช่างน่าขันเสียจริง !”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์