หยั่งเชิง !
คำพูดของอีกฝ่ายคือการหยั่งเชิงหลินหยุน
เธอในฐานะหัวหน้าโลกไฟ ถึงแม้สมัยนั้นพวกเธอจะไม่รู้เรื่องที่หลินหยุนต่อสู้กับภัยอัสนี อย่างไรก็ตาม อิทธิพลของพวกเธอก็ไม่ธรรมดาเลย
พวกเธอสามารถรู้เรื่องที่เกิดขึ้นในสมัยนั้นได้ หลินหยุนไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไรอยู่แล้ว
หลินหยุนมองหน้าหัวหน้าชิงเอี๋ยนและพูดด้วยรอยยิ้ม "มหากษัตริย์ชางฉองรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว เพียงแค่มหากษัตริย์ชางฉองมอบเรื่องนี้ให้ฉันจัดการเท่านั้น! ถ้าเรื่องเล็กๆแบบนี้ฉันยังจัดการไม่ได้ ฉันก็ไม่คู่ควรที่จะเป็นนายน้อยโลกชางฉองแล้ว!"
เมื่อหัวหน้าชิงเอี๋ยนได้ยินก็ตกใจทันที เธอหายใจเร็วด้วยความตกตะลึง
นี่ต้องเชื่อมั่นในตัวเขาแค่ไหนกันแน่?
รู้เรื่องนี้ แต่ไม่ได้เข้ามายุ่ง แต่มอบเรื่องนี้ให้เด็กหนุ่มคนนี้ไปจัดการ เพื่อดูว่าจะเขาสามารถจัดการได้ไหม
มีความเป็นไปได้จริงๆเหรอ?
มันเป็นไปได้อยู่แล้ว!
มหากษัตริย์ชางฉองไม่ได้เป็นมหากษัตริย์ทั่วไป
ก่อนหน้านี้เขาเดินทางไปทั่วหมื่นจักรวาล เขาไม่เหมือนกับนักบำเพ็ญเซียนคนอื่นๆเลย
นิสัยของเขาชอบไปไหนมาไหนคนเดียว!
ดังนั้นถ้าเป็นคนอื่นให้ทำเรื่องนี้ละก็ มันยังมีความเป็นไปได้ว่ามันจะเป็นเรื่องปลอม แต่ถ้าเป็นมหากษัตริย์ชางฉองละก็ เขาคงจะทำเรื่องแบบนี้อย่างแน่นอน!
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ หัวหน้าชิงเอี๋ยนรีบพยักหน้าและพูด "เป็นอย่างนี้นี่เอง ถ้าเป็นแบบนี้ ไม่ว่านายน้อยโลกชางฉองต้องการอะไร ถ้าโลกไฟของพวกเราสามารถช่วยเหลือได้ พวกเราก็จะช่วยเหลืออย่างสุดความสามารถ!"
นี่เป็นแค่คำพูดธรรมดาเท่านั้น
เป็นแค่คำพูดเกรงใจเท่านั้น
หลินหยุนเอ่ยปากพูด "ขอบคุณหัวหน้าชิงเอี๋ยนมากๆ! ฉันรู้ดีว่าโลกไฟแข็งแกร่งมากๆ ถึงแม้มหากษัตริย์ออกจากโลกไฟไปหลายปีแล้ว ทำให้ทุกคนรู้สึกว่าโลกไฟอาจจะไม่ใช้สุดยอดสำนักอีกแล้ว แต่อันที่จริงมันไม่ได้เป็นแบบนั้น ดังนั้น ฉันอยากจะขอความช่วยเหลือจากหัวหน้าชิงเอี๋ยน ช่วยฉันตามหาร่องรอยของเซียวด้วย!"
หัวหน้าชิงเอี๋ยนพยักหน้าและพูด "เมื่อนายน้อยโลกชางฉองพูดออกมาแล้ว โลกไฟของเราจะช่วยอย่างสุดความสามารถ ถ้ามีเบาะแสของเซียว พวกเราจะแจ้งนายน้อยโลกชางฉองทันที!"
หลินหยุนพยักหน้า จากนั้นเขาก็ขอตัวและออกจากโลกไฟ
เบาะแสแรกคือเต้าเฉิง
แต่ท่าทางของเต้าเฉิงนั้นแข็งกร้าวมากๆ เขาไม่ยอมเอ่ยปากพูดอยู่แล้ว!
เบาะแสที่สองก็คือติงเสวียน
แต่ติงเสวียนเข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้โดยบังเอิญ แต่ตัวเขากลับไม่รู้เรื่องอะไรเลย นี่คือเบาะแสปลอมๆเท่านั้น
สำหรับเบาะแสที่สามก็คือเซียว
น่าเสียดาย เดิมทีหลินหยุนคิดว่าหาร่องรอยของคนๆนี้เจอแล้ว แต่หลินหยุนกลับไม่ได้คำตอบที่ตัวเองอยากได้เลย
ดูเหมือนเบาะแสครั้งนี้ก็คงหายไปแล้ว
เรื่องนี้ทำให้จิตใจของหลินหยุนรู้สึกแย่มากๆ
เมื่อกลับมาถึงโลกชางฉอง
เถ่หนิวกับฟางกำลังเถียงกันอยู่ เถ่หนิวในเวลานี้ อาการบาดเจ็บของเขาหายดีพอสมควรแล้ว เมื่อมองเห็นหลินหยุนกลับมา ทั้งสองคนเลิกเถียงกันทันที
ฟางรีบเอ่ยปากถาม "เป็นไงบ้าง ได้ข้อมูลอะไรกลับมาไหม?"
เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเถ่หนิวได้เล่าเรื่องของเย่เยว่ให้ทุกคนฟังแล้ว
เขารู้ตัวดี การที่หลินหยุนไปโลกทองกับโลกไฟในครั้งนี้ เขาต้องการทำอะไรกันแน่
หลินหยุนอดไม่ได้ที่จะส่ายหัว สีหน้าของเขาแย่มากๆและพูด "เบาะแสหายไปอีกแล้ว!"
ฟางพูด "หมายความว่าไง? ช่วยอธิบายให้ละเอียดหน่อย!"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...