จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ นิยาย บท 209

ถังกั๋วหัวมองไปยังหมอเทพเย่ด้วยความหวังแล้วถามว่า “ท่านหมอเทพเย่ พอจะวินิจฉัยสาเหตุของโรคนี้ได้ยังครับ?”

หมอเทพเย่สีหน้าเคร่งเครียดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน มองไปยังถังกั๋วหัวที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวัง ดูเหมือนว่าอยากจะพูดอะไรออกมาแต่ก็พูดไม่ออก

“ถึงเวลาคับขันเช่นนี้แล้ว หมอเทพเย่มีอะไรก็พูดออกมาเถอะ!” ถังกั๋วหัวเริ่มร้อนรนแล้ว

หมอเทพเย่พูดอย่างเคร่งขรึมว่า “เด็กทั้งยี่สิบแปดคนนั้น ปอดติดเชื้ออักเสบอย่างรุนแรง ไข้ขึ้นสูงไม่ลดเลย หายใจติดขัด ท้องเสียอาเจียน อวัยวะภายในอ่อนแอเข้าขั้นเสื่อมถอยแล้ว”

“ถ้าผมคาดเดาไม่ผิด มันเหมือนกับเชื้อโรคชนิดหนึ่งที่สูญพันธุ์ไปแล้ว!”

ถังกั๋วหัวก็เป็นนายแพทย์ที่มีชื่อเสียงคนหนึ่ง เมื่อได้ยินคำพูดของหมอเทพเย่แล้ว ก็สามารถเดาอะไรออกได้บ้างแล้ว

“นี่เป็นไปไม่ได้มั้ง? มันเป็นไปได้อย่างไร!” ถังกั๋วหัวนึกถึงเชื้อโรคที่หมอเทพเย่เอ่ยถึง แต่ว่า เขาก็ไม่ปฏิเสธการสันนิษฐานเช่นนี้

“ผมก็ไม่อยากจะเชื่อ แต่สถานการณ์ตอนนี้มันเป็นเช่นนี้จริงๆ ในฐานะที่เป็นหมอรักษาโรค พวกเราก็ต้องกล้าที่จะสันนิษฐาน แล้วเฝ้าระวังในการหาทางพิสูจน์ให้แน่ชัด!” หมอเทพเย่พูดด้วยเสียงดุดัน

ฟังคำพูดนี้แล้ว ถังกั๋วหัวก็รู้สึกยกย่องหมอเทพเย่อย่างสุดซึ้ง หมอเทพเย่มีชื่อเสียงอยู่ในลำดับหนึ่งในบรรดาสี่หมอเทพแห่งเมืองหลวงคนนี้ ชื่อเสียงที่ได้มาใช่ว่ามาจากเพียงแค่ลมปาก

ด้วยเหตุนี้ ถังกั๋วหัวก็ไม่ปิดบังอะไรอีกแล้ว

“ยังไงเชื้ออหิวาตกโรคก็ได้หายสาบสูญไปจากแผ่นดินจีนหลายปีแล้ว ผลการเพาะเชื้อยังไม่ออกมา ต่อให้พวกเราพูดออกไป เกรงว่าคนภายนอกก็ไม่มีใครเชื่อ”

คำพูดของถังกั๋วหัวพูดได้เพียงแค่ครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งหนึ่งยังไม่ได้พูดออกมา

นั่นก็คือ ผู้คนที่อยู่ข้างนอกไม่เพียงแต่ไม่เชื่อ กลับจะรู้สึกว่าคณะผู้เชี่ยวชาญของโรงพยาบาลนี้ไร้ซึ่งความสามารถ จงใจสร้างเรื่องอหิวาตกโรคมาพูดโกหกหลอกลวง

หมอเทพเย่ก็คงฟังออกแล้วว่าคำพูดอีกครึ่งหนึ่งที่ถังกั๋วหัวไม่ได้พูดจบมันคืออะไร

“ถ้าอยากจะให้ฝูงชนข้างนอกเชื่อถือ ก็จะต้องรักษาเด็กพวกนี้ให้หายดีก่อน”

ถังกั๋วหัวพยักหน้า “ใช่แล้วครับ แต่ว่าอัตราการตายที่เกิดจากอหิวาตกโรคนั้นค่อนข้างสูงมาก ต่อให้เป็นผู้ใหญ่ที่ติดเชื้อ พวกเราก็ยังไม่แน่ใจในการรักษาให้หายขาดได้ แล้วเด็กพวกนี้ร่างกายอ่อนแออย่างนี้ จะทำการรักษาด้วยยาอะไรได้?”

เด็กยี่สิบแปดคนนี้เป็นเพียงแค่ทารกแรกเกิด! มียาบางอย่างที่สามารถใช้ในผู้ใหญ่แต่ไม่เหมาะสมที่จะใช้กับเด็กแรกเกิดได้

ตอนนี้สาเหตุของโรคอาจจะค้นพบแล้ว แต่ยังไม่มีวิธีอะไรที่จะใช้รักษาชีวิตของเด็กทั้งยี่สิบแปดคนนี้ได้

“หมอเทพเย่ ท่านมีวิธีอะไรหรือเปล่าครับ?” ถังกั๋วหัวจนปัญญาไม่รู้จะแก้ปัญหาอย่างไร ได้แต่ฝากความหวังไว้ที่ตัวหมอเทพเย่คนนี้

หมอเทพเย่ขมวดคิ้ว “นอกจากต้องหาคนที่มีฝีมือในวงศ์ตระกูลแพทย์แผนจีนมาช่วยรักษา ไม่เช่นนั้นแล้วต่อให้ผมก็ไม่สามารถช่วยรักษาได้!”

ถังกั๋วหัวสะดุ้งเล็กน้อย “หรือว่าพวกตระกูลใหญ่ที่ปลีกตัวจากสังคมในตำนานยังคงมีอยู่จริงเหรอ”

“ถูกต้องแล้ว ตระกูลใหญ่ที่ปลีกตัวจากสังคมก็ยังคงมีอยู่มาโดยตลอด!” สายตาของหมอเทพเย่แสดงออกถึงความกังวลใจ ราวกับว่านึกถึงเรื่องที่น่ากลัวอะไรขึ้นมา

“แต่ว่าพวกเราควรจะไปหาพวกเขาได้ที่ไหนล่ะ? ตอนนี้เด็กพวกนี้ไม่สามารถที่รอได้อีกแล้ว!” ถังกั๋วหัวรู้สึกร้อนรนราวกับมดที่วิ่งอยู่บนกระทะร้อน

หมอเทพเย่ได้แต่ถอนหายใจอย่างจนปัญญา “ผมก็ไม่รู้จะช่วยยังไงแล้ว อีกอย่าง ต่อให้หาตระกูลใหญ่ของแพทย์แผนจีนจนเจอ ก็ไม่แน่ว่าพวกเขาจะยอมช่วยรักษาให้”

“พูดตามความจริงก็คือ คนในตระกูลใหญ่ที่ปลีกตัวจากสังคมนั้น ไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมดูแลด้านกฎหมายเหมือนบุคคลธรรมดาทั่วไปในประเทศจีนแล้ว

ถังกั๋วหัวรู้สึกสิ้นหวังอย่างที่สุด

ชีวิตของเด็กทั้งยี่สิบแปดคนเชียวนะ!

ยี่สิบแปดครอบครัวที่ต้องเจ็บปวดเพราะสูญเสียลูกรักของตัวเองไป!

“เฮ้ยย พวกเรากลับไปก่อน ค่อยหาหนทางแก้ไขใหม่ ช่วยได้แค่ไหนก็แค่นั้นเถอะ!”หมอเทพเย่พูด

“ก็คงต้องตามนี้ไปก่อน!”

ทั้งสองคนก็เดินกลับไปที่ห้องประชุมใหญ่ เดิมทีผู้คนที่รอคอยด้วยความหวัง เมื่อเห็นสีหน้าดำมืดราวกับก้นกระทะของถังกั๋วหัว ในใจก็ห่อเหี่ยวลงทันที

ดูเหมือนว่า แม้แต่หมอเทพเย่ก็ยังหาวิธีรักษาไม่ได้เลย

“ท่านหมอเทพเย่ เป็นอย่างไรบ้างครับ?” ผู้อาวุโสคนหนึ่งถามอย่างไม่ลดละความพยายาม

หมอเทพเย่ส่ายหัวแล้วพูดว่า “โอกาสน้อยมาก แต่ว่า พวกเราอย่าเพิ่งท้อถอย ต่อจากนี้ขอให้ผมเป็นคนสั่งการ รีบตั้งมาตรการฉุกเฉินในการรับมือโรคระบาด!”

ทุกคนต่างตกตะลึงขึ้นมาทันที!

“มาตรการฉุกเฉินรับมือโรคระบาดเหรอ? นี่มันเป็นเพราะเหตุอะไร? หรือว่าหมอเทพเย่หาสาเหตุโรคของเด็กพวกนี้ได้แล้วเหรอ?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์