จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ นิยาย บท 331

สรุปบท ตอนที่ 331 ผู้พิทักษ์ของตระกูลอี: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

อ่านสรุป ตอนที่ 331 ผู้พิทักษ์ของตระกูลอี จาก จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ โดย จูผาซู่

บทที่ ตอนที่ 331 ผู้พิทักษ์ของตระกูลอี คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายใช้ชีวิต จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย จูผาซู่ อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

“แกกล้าเหรอ!” ใบหน้าของอีหยุ่นเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและความโกรธ แต่ว่า ไม่ได้ตื่นตระหนกมากเกินไป ราวกับว่ามีที่พึ่งพิง

อีเฉินเย่ายิ้มแปลกๆ “ฉันเป็นถึงขนาดนี้แล้ว ยังจะมีอะไรที่ไม่กล้าทำ”

หลินหยุนที่อยู่มุมห้อง ค่อยๆลืมตาขึ้น มองไปที่อีเฉินเย่า ในสายตามีแสงเย็นวาบเข้ามา

อีหลิงจับแขนของอีหยุ่นจนแน่นด้วยความตกใจ “คุณพ่อ เขาต้องการทำอะไร?”

อีหยุ่นพูดอย่างเคร่งขรึม “อีหลิงไม่ต้องกลัว มีพ่อ ไม่มีใครสามารถทำร้ายลูกได้”

“ค่ะ!” อีหลิงพยักหน้า แต่สายตาบังเอิญ มองไปมุมที่หลินหยุนอยู่

เมื่อเธอเห็นร่างธรรมดานั้น อีหลิงก็รู้สึกโล่งใจเล็กน้อย

ป๋ายรุ่ยซินดึงแขนของป๋ายรุ่ยเหวินอย่างกังวลใจ แล้วกระซิบ “พี่ จะทำยังไงดี? เขากำลังจะรังแกพี่สะใภ้แล้ว! พวกเราควรไปช่วยไหม?”

ป๋ายรุ่ยเหวินแอบกำหมัดไว้แน่น อยากจะพุ่งออกไป แต่ว่า แม้แต่ลุงฉินที่เป็นถึงระดับพรสวรรค์สูงสุดยังถูกอีเฉินเย่าต่อยแค่หมัดเดียวจนอาเจียนเป็นเลือด แม้ว่าตัวเองกับคุณเหลียนร่วมมือกันไปสู้กับเขา มันก็เหมือนการไปหาที่ตาย

“ไม่ต้องกังวล เป็นถึงตระกูลอีที่ยิ่งใหญ่ คงไม่ใช่มีความสามารถเพียงเท่านี้มั้ง! ดูดูกันไปก่อน”

“โอเค!” ป๋ายรุ่ยซินเห็นด้วย

ข้างหลังฝูงชน หวางเสี่ยวซีพูดเสียงเบาด้วยความกังวล “ควรทำอย่างไร ควรทำอย่างไร? ไอ้คนเลวนั่นไปหาอีหลิงแล้ว พวกเราไม่ควรเห็นคนกำลังจะโดนทำร้ายแล้วไม่ไปช่วย!”

เซี่ยหยู่เวยพูดอย่างเคร่งขรึม “เสี่ยวซีไม่ต้องกังวล ฉันคิดว่าแม้ว่าคุณอีจะโกรธ แต่ไม่ตื่นตระหนก ถ้าสิ่งที่ฉันคิดไว้ไม่ผิด ตระกูลอีคงยังมีแผนที่เหนือกว่า!"

หลินหยุนกำลังดื่มชาอย่างสบาย ดูฉากนี้อย่างเงียบๆ ราวกับว่าไม่เป็นห่วงว่าอีหลิงจะอยู่หรือตาย

ทันใดนั้นอีหยุ่นตะโกนขึ้นทันที “อีเฉินเย่า ถ้าแกถอยกลับไปตอนนี้ ฉันจะถือว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน ถ้าแกยังคงหมกมุ่นอยู่ อย่ามาโทษที่ฉันไม่สุภาพ!"

มีแสงสีเลือดปรากฏขึ้นในสายตาของอีเฉินเย่า พร้อมกับรอยยิ้มที่ชั่วร้าย “กังวลเหรอ? ฮ่าฮ่า ดีมาก ดูเหมือนว่าแกจะรักลูกสาวคนนี้มาก ถ้างั้นฉันก็ต้องทรมานเธอให้มากๆ ฉันอยากเห็นท่าทางแกที่เหมือนตายทั้งเป็น!"

“คนบ้า!” อีหยุ่นด่า และทันใดนั้นก็ตะโกนใส่ความว่างเปล่า “เจ้าบ้านตระกูลอีรุ่นที่สิบสาม ตระกูลอีมาถึงจุดจบของชีวิต ขอให้ผู้พิทักษ์ออกมาไล่ศัตรู!”

ผู้พิทักษ์?

เกิดเรื่องอะไร!

ในห้องโถง กลุ่มคนมี่ชื่อเสียงในเจียงหนานต่างมองหน้ากัน และแม้แต่คนในตระกูลอี ก็ตกตะลึง

“ผู้พิทักษ์อะไร? ทำไมฉันไม่รู้ว่าตระกูลอีของเรายังมีผู้พิทักษ์อยู่!”

“คุณอย่ามองฉัน ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน!”

ผู้อาวุโสสองคนของตระกูลอีพูดด้วยความสงสัย

“ของปลอมมั้ง ผู้พิทักษ์อะไร อีหยุ่นกำลังโออวดอำนาจ!”

“เวลาอย่างนี้ ยังมาโอ้อวดอำนาจอีก มีประโยชน์ไหม? ฉันคิดว่าผู้พิทักษ์คนนี้ แปดสิบเปอร์เซ็นต์มีอยู่จริง!”

หลังจากที่อีหยุ่นตะโกนเสร็จ เขาก็โค้งคำนับอย่างให้เกียรติ เหมือนกับการต้อนรับคนใหญ่คนโต

อีเฉินเย่าเหลือบมองไปรอบๆ ใบหน้าที่น่าเกลียดของเขาแสดงให้เห็นถึงความเย่อหยิ่งและบ้าอำนาจ และเขาก็ยืนอยู่ที่เดิม ราวกับกำลังรอผู้พิทักษ์ปรากฏตัว

หลังจากผ่านไปไม่นาน ในขณะที่ทุกคนก็เริ่มสงสัยว่าผู้พิทักษ์คนนี้มีอยู่จริงหรือไม่

เสียงถอนหายใจของคนแก่ ดังมาจากใต้ดินอย่างแผ่วเบา และดูเหมือนว่าเป็นคนแก่ที่มีวิชาและหลับใหลมาเป็นเวลานาน ได้ตื่นขึ้นแล้ว

“ใครกัน ที่กล้ามารุกรานตระกูลอีของฉัน!”

เสียงนั้นดังมาจากระยะไกลและค่อยๆใกล้เข้ามา ตอนแรกที่ได้ยินเสียงเบาและห่างไกล และจากนั้นก็ดังขึ้นเรื่อยๆ และดังมาถึงห้องโถง เสียงดังกระหึ่มมาก จนคนหูหนวกยังได้ยิน

“อ๊ะ หูของฉัน!”

“ฉันไม่ได้ยินแล้ว!”

“เสียงนี้มีพลังทะลุทะลวงเช่นนี้!”

ในฝูงชนมีเสียงกรีดร้องเหมือนหมาป่า และมีความโกลาหล

อีเฉินเย่ามีรอยยิ้มที่เยาะเย้ยปรากฏขึ้นที่มุมปาก เมื่อมองไปทางตะวันตกเฉียงใต้ ดวงตาของเขาดูเหมือนจะทะลุกำแพง เห็นเหตุการณ์ที่อยู่ห่างไกล

“มาเถอะไอ้หนุ่ม ให้ฉันดูว่าแกมีความสามารถอะไรบ้าง?”

ทั่วร่างกายของคุณปู่เจ็ดดูเหมือนไม่มีออร่าแม้แต่น้อย ยืนอยู่อย่างเงียบๆในสถานที่นี้ ร่างกายที่ผอมบางเหมือนทนกับลมพัดแรงไม่ได้

อีเฉินเย่ายิ้มเยาะเย้ยและพูดว่า “คนแก่ ทำตัวลับๆล่อพอแล้วมั้ง! หลายปีมานี้ตระกูลอีเติบโตขึ้นมาได้ ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับแก ฉะนั้นฉันจะฆ่าแกก่อน แล้วค่อยทำลายล้างตระกูลอี!”

เมื่อสิ้นเสียง อีเฉินเย่าก็ขยับ

ร่างกายของเขาเหมือนลูกศรที่แหลมคม ชั่วพริบตาก็ไปถึงด้านข้างของคุณปู่เจ็ด หมัดเดียวกระแทกลงไป

“คนแก่ ตายเสียเถอะ!”

เดิมทีดวงตาของคุณปู่เจ็ดที่หรี่ลง แต่ทันใดนั้น ดวงตาทั้งสองก็เปิดออก ลำแสงทั้งสองก็หายไปในพริบตา และออร่าอันทรงพลังก็ระเบิดออกมาในทันใด

บูม!

ลมกระโชกแรงพัดไปทั่วสถานที่นี้ ลมนั้นก็เหมือนมีด ข่วนหน้าจนเจ็บ คนส่วนใหญ่ปิดหน้าไว้ และมองสถานที่นี้ด้วยความตกใจ

คุณปู่เจ็ดและอีเฉินเย่าเริ่มต่อสู้กันแล้ว แม้ว่าร่างกายของเขาจะดูผอมบาง และอ่อนแอ แต่ความแข็งแกร่งของเขานั้นยอดเยี่ยมอย่างน่าประหลาดใจ ต่อหน้าอีเฉินเย่า รู้สึกไม่เสียเปรียบเลย

การต่อสู้ระหว่างทั้งสองคนนั้น เรียบง่ายและเด็ดเดี่ยวมากกว่าการต่อสู้ระหว่างลุงฉินกับชายชราชุดดำในตอนนั้น

แทบไม่มีทักษะกระบวนท่าใดๆเลย มันเป็นแค่ผลัดเปลี่ยนการต่อยหมัด

เพียงแต่ว่า การชกแต่ละครั้งของทั้งสอง ดูเหมือนจะมีพลังมหาศาล ซึ่งทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัวจนถึงก้นบึ้งของหัวใจ

ทั้งสองต่อสู้จากพื้นดิน ไปถึงกลางอากาศ ไม่ใช่แบบว่าบินขึ้นไป แล้วหล่นลงมาทันที แต่ลอยอยู่กลางอากาสเป็นเวลานาน และยังคงเป็นการต่อสู้แบบผลัดกันต่อย

คุณเหยียนที่อยู่ด้านหลังเย่เทียนเหา สีหน้าดูตกใจ “ลอยบนอากาศ นี่คือปรมาจารย์ขั้นสูงสุด!”

“คุณปู่เจ็ดของตระกูลอีกลายเป็นปรมาจารย์ขั้นสูงสุด ไม่มีอะไรแปลก แต่คนรุ่นหลังของตระกูลอี ซึ่งน่าจะมีอายุเพียงสามสิบกว่าๆ ได้กลายเป็นปรมาจารย์ขั้นสูงสุด!”

“นอกจากเจียงร่อโจ๋เทพแห่งสงครามในเมืองหลวง อายุยี่สิบแปดก็เข้าสู่ขั้นสูงสุด ยังไม่เคยเห็นคนที่สองที่อายุน้อยเข้าสู่ปรมาจารย์ขั้นสูงสุด!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์