สรุปตอน บทที่ 373 ลองเสี่ยงฝังเข็ม – จากเรื่อง จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ โดย จูผาซู่
ตอน บทที่ 373 ลองเสี่ยงฝังเข็ม ของนิยายใช้ชีวิตเรื่องดัง จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ โดยนักเขียน จูผาซู่ เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
ราชาแพทย์ฉู่หยุนหวา เมื่อตอนอายุสิบสองปี ก็สามารถท่องและจดจำตำรับยาของประเทศจีนได้อย่างชำนาญ
ตอนอายุสิบห้าปี ก็ประสบความสำเร็จเป็นที่รู้จักกันไปทั่วแล้ว ได้รับการขนานนามว่าหมอเทพ
หลายปีมานี้ ได้ศึกษาเรียนรู้ทั้งแพทย์แผนจีนและแพทย์แผนตะวันตก โดยเฉพาะวิชาการฝังเข็ม ที่เป็นการสืบทอดมาอย่างยาวนานของประเทศจีน จนมีความเชี่ยวชาญและเข้าใจอย่างลึกซึ้ง
วิชาการฝังเข็มปลิดชีพ กล่าวขานกันว่าสามารถที่จะยื้อแย่งชีวิตกับสวรรค์ ช่วยเหลือให้คนกลับมามีชีวิตอีกครั้ง
เขาจึงกลายเป็นราชาแพทย์ อย่างเหมาะสมและคู่ควรอย่างยิ่ง
ซ่างกวงเย่าสือ ทายาทแห่งวงศ์ตระกูลการแพทย์ บรรพบุรุษสามยุคต่างก็เป็นแพทย์ จึงได้ถ่ายทอดตำรับยาและสูตรยาที่เยี่ยมยอดนับไม่ถ้วน
เดิมทีเขาก็เป็นคนเรียบง่ายไม่คาดหวังอะไรสูง สงบเงียบพูดจาน้อย เพียงแค่ต้องการที่จะมีชื่อเสียงโด่งดังจากการแข่งขันราชาการแพทย์
นอกจากครั้งที่แล้วที่ได้ชิงชัยการเป็นราชาแพทย์กับฉู่หยุนหวา แต่ก็พลาดท่าเพียงนิดเดียว โดยผู้ป่วยที่ได้พบตรวจอาการทั่วไปนั้น นอกจากว่าเป็นโรคที่ไม่มีทางรักษาแล้ว ไม่มีการรักษาที่ผิดพลาดล้มเหลวสักรายเดียว
สำหรับกู่เชียนซาน เดิมก็อยู่ในวงศ์ตระกูลแพทย์แผนจีน แม้ว่าตระกูลกู่จะมีระดับความสามารถค่อนข้างต่ำในวงศ์ตระกูลแพทย์แผนจีน แต่คำโบราณได้กล่าวเอาไว้ว่าอูฐที่ผอมแห้งก็ยังตัวใหญ่กว่าม้า ต่อให้เป็นเช่นนี้ วิชาการแพทย์ของกู่เชียนซานก็ไม่อาจจะมองข้ามได้ โดยเฉพาะครั้งนี้เขาได้เตรียมตัวมาพร้อมเลยทีเดียว
ผู้แข่งขันที่เหลืออีกแปดคนที่ได้ผ่านด่านทั้งสามรอบเข้ามา ต่างก็เป็นแพทย์ชื่อดัง ประชาชนใน แต่ละสถานที่ต่างก็เคารพยกย่องพวกเขาว่าเป็นบุคคลที่มีความสามารถขั้นเทพ
กล่าวได้ว่า การแข่งขันราชาการแพทย์ในครั้งนี้ คงจะเป็นการแข่งขันประลองความสามารถที่ดุเดือดอย่างแน่นอน!
โดยหากต้องการที่จะแสดงความสามารถอย่างโดดเด่นเหนือผู้อื่นแล้ว คงจะยากลำบากเท่ากับการขึ้นสวรรค์เลยก็ว่าได้
แต่ว่า ต้องเป็นราชาแพทย์ให้ได้เพียงเท่านั้น จึงจะสามารถได้รับสิทธิ์ในการท้าประลองกับผู้ปกครองดูแลวงศ์ตระกูลแพทย์แผนจีน ถึงจะช่วยเหลือให้เซี่ยเจี้ยนโก๋กลับคืนสู่ตระกูลเซี่ยได้
โม่หัวถิงพูดขึ้นอย่างกังวลว่า “ผู้เข้าแข่งขันในการแข่งขันราชาการแพทย์ในครั้งนี้ มีความสามารถที่เก่งกาจมาก! ข้าเป็นกังวลต่อหมอเทพหลินจริงๆ”
โจวชิงเหอกลับมีความเชื่อมั่นต่อหลินหยุนอย่างมาก “ท่านโม่ไม่ต้องกังวล ฉันเชื่อมั่นในความสามารถวิชาการแพทย์ของหมอเทพหลินอยู่แล้ว”
เซี่ยเจี้ยนโก๋กำหมัดสองข้างแน่น มองไปที่หลินหยุน ตื่นเต้นจนถึงขนาดพูดไม่ออก
จะสามารถกลับคืนสู่ตระกูลเซี่ยได้หรือไม่นั้น จะสามารถสมหวังกับปณิธานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของตนได้ไหม ก็ขึ้นอยู่กับหลินหยุนแล้ว
มือของโจวเฟินแอบจับไปที่มือที่สั่นของเซี่ยเจี้ยนโก๋ ปลอบใจด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “ไม่ต้องกังวล ฉันเชื่อมั่นในตัวหลินหยุน ในเมื่อเขาสัญญากับคุณแล้ว ก็คงจะทำสำเร็จได้แน่นอน”
“อืม” เซี่ยเจี้ยนโก๋พยักหน้า
แม้ว่าโจวเฟินจะไม่พอใจท่าทางที่เซี่ยเจี้ยนโก๋ปฏิบัติต่อหลินหยุน แต่การเป็นสามีภรรยากันมาหลายสิบปี หากไม่มีความรักความผูกพันกันอย่างลึกซึ้ง เธอก็คงจะไม่มายืนอยู่เป็นเพื่อน เคียงข้างกับเซี่ยเจี้ยนโก๋อยู่ที่ตรงนี้อย่างแน่นอน
ฉู่หยุนหวา ซ่างกวงเย่าสือ กู่เชียนซาน แววตาของทั้งสามคนนี้ ได้กวาดสายตาจ้องมองซึ่งกันและกัน สำหรับหลินหยุนและอีกแปดคนที่เหลือนั้น ไม่ได้เหลือบมองเลยแม้แต่น้อย
แม้ว่าผลงานการแสดงออกของหลินหยุนเมื่อสักครู่จะถือว่าทำให้ทุกคนตกตะลึง แต่ในสายตาของทั้งสามคนนี้แล้ว สิ่งเหล่านั้นยังคงไม่เพียงพอ
การขึ้นเป็นราชาแพทย์ เพียงแค่รักษาโรคผู้ป่วยอย่างเดียวไม่ได้ จำต้องมีวิชาความสามารถที่เหนือกว่าคนรอบข้างด้วย
ฉู่หมิงเฉิงมองไปที่หลินหยุน และยิ้มอย่างเย็นชา “ไอ้หนุ่มน้อย ที่มหาวิทยาลัยการแพทย์หลินโจวนั้น นับว่านายเก่งกาจยอดเยี่ยม! แต่ว่า เมื่ออยู่ต่อหน้าพ่อของข้า นายก็คงจะทราบดีว่า ความสามารถเหล่านั้นของนาย ไม่ควรที่จะพูดถึงมันเลยด้วยซ้ำ!"
กู่เซิงยู่มองไปยังหลินหยุนด้วยสีหน้าอันร้ายกาจ สายตาเต็มไปด้วยความเคียดแค้น “หลินหยุน นายเป็นผู้ที่มาทำลายเรื่องสำคัญของข้า ทำให้ข้าต้องอับอายขายหน้าต่อตระกูลเซี่ย ครั้งนี้พ่อของข้าได้เตรียมตัวมาเป็นอย่างดี จะต้องแก้แค้นให้ข้าอย่างแน่นอน โดยเหยียบย่ำนายอย่างรุนแรงให้ถึงดับจมดินกันไปเลย!"
มีเพียงแต่ซ่างกวงชิงฉัน ที่สีหน้าท่าทางไม่มีความริษยาและความเย็นชา ซึ่งสายตาที่มองไปยังหลินหยุนกลับแฝงไว้ด้วยความคาดหวังอยู่บ้าง
“หลินหยุน ฉันแปลกใจมากจริงๆ ว่า นายจะสามารถผ่านเข้ารอบไปได้ไกลอีกเท่าไหร่?"
พวกวัยรุ่นท่ามกลางกลุ่มผู้ชมนั้น สายตาของพวกเขาต่างก็จ้องมองกันมาที่ตัวของหลินหยุน นั่นเป็นเพราะ ในกลุ่มผู้เข้าแข่งขันมีเพียงหลินหยุนคนเดียวที่เป็นวัยรุ่น
กรรมการผู้นั้นค่อยๆ หมุนตัว แล้วมองไปที่ฉู่หยุนหวา และตะโกนเสียงดังว่า “ขอเชิญราชาแพทย์!"
ทันใดนั้น สายตาของทุกคนต่างจับจ้องมาที่ตัวของฉู่หยุนหวา
ผู้อาวุโสท่านนี้อยู่ในชุดสูทสีเทา รูปร่างหน้าตาธรรมดา คิ้วทั้งดกและดำ
ฉู่หยุนหวาเดินเข้ามา โบกมือให้กับผู้ชม และพูดขึ้นว่า “สวัสดีทุกคน!"
“ข้าเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้อยู่ในตำแหน่งนี้มาเป็นเวลาระยะหนึ่งแล้ว แต่ว่าข้ารู้สึกว่ายังคงไม่เพียงพอ ถ้าหากผู้ใดต้องการที่จะขึ้นมานั่งอยู่ในตำแหน่งนี้ ก็ต้องมาดูกันว่าจะมีความสามารถนั้นหรือไม่”
ฉู่หยุนหวามีท่าทางหยิ่งผยอง แต่ว่า ทุกคนกลับไม่มีทีท่ารังเกียจอะไรเลย ตรงกันข้ามกลับรู้สึกว่าลักษณะท่าทางแบบนี้ ถึงจะคู่ควรเหมาะสมในการเป็นราชาแพทย์ในยุคสมัยนี้
กรรมการมองไปที่ผู้เข้าร่วมแข่งขันสิบกว่าคน และพูดขึ้นว่า “ทุกท่านเตรียมตัวพร้อมกันแล้ว หรือยัง?"
ไม่มีผู้ใดตอบ กรรมการจึงพูดต่อไปว่า “ในเมื่อต่างก็เตรียมตัวกันพร้อมแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็เริ่มต้น กันได้เลย!"
ผู้ป่วยห้าคนได้ถูกเจ้าหน้าที่นำตัวเข้ามา เป็นคนชราหนึ่งคนและเด็กหนึ่งคน อีกสามคนเป็นวัยรุ่น โดยเป็นชายหนุ่มสองคนและหญิงสาวหนึ่งคน
โดยผู้ป่วยที่คัดเลือกมาในครั้งนี้ ต่างก็มาจากโรงพยาบาลแต่ละแห่งที่มีชื่อเสียง ซึ่งเป็นผู้ป่วยที่มีอาการของโรคที่ซับซ้อน
การแข่งขันราชาการแพทย์แทบจะเป็นการรวมตัวกันของแพทย์ที่มีความสามารถระดับสูงทั่วทั้งจีน สำหรับพวกผู้ป่วยเหล่านี้ ถือเป็นโอกาสดีมากครั้งหนึ่งในชีวิต
“ถึงตาของข้าแล้ว!" ชายผู้หนึ่งในนั้นที่มีรูปร่างหน้าตาน่าเกรงขาม สีหน้าท่าทางเคร่งขรึมได้เดินเข้ามา
โดยที่ผู้ป่วยเป็นคนชราหนึ่งคนและเด็กหนึ่งคน อีกสามคนเป็นวัยรุ่น โดยเป็นชายหนุ่มสองคนและหญิงสาวหนึ่งคนเหมือนกัน
อาการป่วยก็คล้ายคลึงกับกลุ่มที่หนึ่ง
แต่ว่า ผู้อาวุโสท่านนี้ตรวจอาการไปครู่หนึ่ง สามารถรักษาได้เพียงอาการป่วยของชายหนุ่มสองคนและหญิงสาวหนึ่งคน สำหรับคนชราและเด็กนั้น เขาหมดความสามารถในการรักษา
หลินหยุนมองดูด้วยสายตาที่เย็นชาโดยตลอด มองไปยังผู้ที่เข้ารอบมาพร้อมกับเขาทั้งแปดคน โดยคนสุดท้ายก็ได้ทำการแข่งขันแล้ว แต่เขากลับยังคงอยู่ในสภาพท่าทางที่เมินเฉยไม่หวั่นไหว
แพทย์คนสุดท้ายนี้ เมื่อเปรียบเทียบวิชาการแพทย์กับเจ็ดคนก่อนหน้านี้แล้ว ดูเหมือนว่าจะสูงส่งกว่าเล็กน้อย
ไม่นาน ก็เหลือเพียงเด็กน้อยคนนั้นแล้ว อีกทั้งผู้ป่วยสี่คนแรกนั้น เหมือนว่าจะไม่ได้ทำให้เขาต้องเสียแรงไปมากเท่าไหร่
แต่ว่า ตอนที่เผชิญหน้ากับเด็กน้อยคนสุดท้ายนี้ สีหน้าท่าทางของเขาแสดงออกถึงความระมัดระวังมากพอสมควร
ดูเหมือนว่า อาการป่วยของเด็กคนนี้ ทำให้เขารู้สึกถึงปัญหาความยากลำบาก
ผู้อาวุโสได้สอบถามอย่างละเอียด จากนั้นก็หน้านิ่วคิ้วขมวดไปชั่วครู่ สีหน้าท่าทางเดี๋ยวสุข เดี๋ยวทุกข์
จนในที่สุด เหมือนว่าเขาจะทุ่มวางเดิมพันทั้งหมด โดยได้ตัดสินใจบางอย่างลงไป
เขาได้หยิบเข็มเงินขนาดเล็กหนึ่งกล่องออกมาจากอ้อมอก และเริ่มฝังเข็มให้กับเด็กน้อยคนนั้น
วิธีและรูปแบบการฝังเข็มของเขา ก็คือวิชาการฝังเข็มปราณไท่ชิงโดยชัดเจน
“นี่คือ วิชาการฝังเข็มปราณไท่ชิง!" ฉู่หยุนหวากับซ่างกวงเย่าสือ รวมถึงกู่เชียนซาน สีหน้าท่าทางแปนเปลี่ยนไปพร้อมกัน
หลินหยุนเดิมทีที่หรี่ตานั่งอยู่ด้านข้าง ก็ลืมตาขึ้นในทันที บางทีคนอื่นอาจจะมองไม่ออก แต่ว่าเขา แค่มองแวบเดียวก็มองออกแล้วว่า คนผู้นี้เรียนรู้วิชาการฝังเข็มปราณไท่ชิง ยังไม่สำเร็จโดยสิ้นเชิง
เขากำลังเสี่ยงที่จะฝังเข็ม!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
จบแค่นี้จริงดิ ไม่มั้ง เหมือนคนเขียนโดนตัดจบใน 5 ตอน อะไรกันนี่ อ่านถึงประมาณตอนที่ 1,500-1,600 พอละ หลังจากนั้นเละ ช่วงสุดท้ายนี่มั่วบ้านงานมั่ก ๆ...
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...