“ฮ่าๆ!”
กลุ่มคนที่อยู่รอบๆ พอได้ยินประโยคของหลินหยุน กลั้นไม่ไหวจนหัวเราะออกมา
“เจ้าเด็กนี้ช่างอวดดีซะจริงๆ แม้แต่มู่ชิงซานก็ยังไม่อยู่ในสายตาของเขา”
“วัยรุ่นที่ไม่รู้อะไรย่อมไม่กลัวใครอยู่แล้ว ก็แค่ไม่รู้ว่าเป็นคุณชายจากบ้านไหนกันที่แอบหนีออกมา!”
“คุณชาย?ฮ่าๆ ลองเบิกตาแกดูให้ชัดๆสิ คุณชายบ้านแกสวมชุดราคาหลักร้อยทั่วๆไปรึไง?”
“คิดว่าก็คงจะเป็นสิบแปดมงกุฎที่เดินทางไปที่ต่างๆล่ะมั้ง!”
“อืม มีความเป็นไปได้สูง!”
พอได้ยินความคิดเห็นของคนอื่นที่มีต่อหลินหยุน มู่ชิงซานเองก็โกรธจนหน้าถอดสี แต่ว่า มู่ชิงซานเป็นคนที่เห็นอะไรมามากกว่าคนอื่น จับใจความคำพูดสุดท้ายของหลินหยุนได้อย่างรวดเร็ว
“เขาบอกว่าตระกูลมู่ของฉันจะได้ไม่ต้องเข้าไปหลงกลแผนร้ายของคนอื่น?”
“คำพูดนี้เขาแค่พูดออกมาลอยๆ หรือว่าเขารู้อะไรมากันแน่?”
มู่ชิงซานระงับความโกรธที่อยู่ในใจ สังเกตหลินหยุนอย่างละเอียด แต่ว่า ไม่ว่าจะดูยังไงหลินหยุนก็เป็นแค่ชายหนุ่มธรรมดา ไม่เหมือนคนที่รู้ข่าววงในสักนิด
แต่ว่าใบหน้าของมู่ชิงซานดูสับสน หม่าเสี่ยวหลงที่อยู่ข้างๆเริ่มร้อนรนในใจ “แย่ล่ะ มู่ชิงซานคงจะไม่เชื่อคำพูดของเจ้าหมอนี้จริงๆหรอกใช่ไหม?”
พอเห็นมู่ชิงซานที่ใกล้จะหลงกลแล้ว ในเวลาแบบนี้จะทำให้เสียงานไม่ได้เด็ดขาด
หม่าเสี่ยวหลงพูดด้วยรอยยิ้มที่เย็นชา “เจ้าหนุ่ม แกรู้ชื่อเสียงของบริษัทมู้่ซื่อกรุ๊ปหรือเปล่า? แกต้องการจะเป็นผู้ช่วยชีวิตของบริษัทมู้่ซื่อกรุ๊ปงั้นเหรอ แกกำลังดูถูกบริษัทมู้่ซื่อกรุ๊ปอยู่งั้นเหรอ!”
มู่เฉิงที่อยู่ข้างๆกลับมองหลินหยุนด้วยความสนใจ เขารู้สึกว่าชายหนุ่มที่จู่ๆก็มาปรากฏตัวตรงหน้า ทำให้เขารู้สึกคุ้นเคยเป็นอย่างมาก ราวกับว่าเคยเจอในความฝัน แต่บอกไม่ได้ว่าเคยเจอเขาที่ไหน
มู่ชิงซานไม่อยากสนใจคำพูดลอยๆของหลินหยุน เขาตัดสินว่าหลินหยุนไม่มีทางที่จะรู้ข่าววงในอย่างแน่นอน มีความเป็นไปได้ว่าสูงว่าจะมีเจตนาร้าย
“เจ้าหนุ่ม ฉันไม่สนว่าคุณเป็นใคร มีเป้าหมายอะไรกันแน่ ถ้าเกิดยังมีมู่ชิงซานคนนี้อยู่ ตระกูลมู่ของฉันยังไม่ถึงกลับต้องให้คนอื่นเข้ามายุ่งเกี่ยวด้วย!”
คำพูดนี้ก็เท่ากับไล่แขกแล้ว
ทันใดนั้นมู่เฉิงก็พูดโน้มน้าว “พ่อ ผมรู้สึกว่าคนคนนี้ไม่ได้มีเจตนาร้าย บางทีเขาอาจจะไม่รู้อำนาจตระกูลมู่ของพวกเรา ถึงได้พูดประโยคแบบนั้นออกมา!”
พอพูดจบ มู่เฉิงก็หันไปยิ้มให้กับหลินหยุน “สหาย ขอบคุณความหวังดีของคุณ แต่ว่าในอำเภอจีหมิงแห่งนี้ ยังไม่มีใครที่จะสามารถทำอะไรบริษัทมู้่ซื่อกรุ๊ปของพวกเราได้!”
หลินหยุนยิ้มอย่างมีเลศนัย “บางทีอันตรายนี้อาจจะมาจากที่อื่น อย่างเช่น หลินโจว!”
มู่เฉิงอึ้งไปเลย มู่ชิงซานเองก็ขมวดคิ้ว
บริษัทมู้่ซื่อกรุ๊ปในอำเภอจีหมิง จริงอยู่ที่ไม่มีใครสามารถทำให้สั่นคลอนได้ ต่อให้เป็นบริษัทซี่ไห่กรุ๊ปก็ไม่สามารถทำอะไรได้ แต่ว่า ถ้าเกิดเป็นศัตรูที่มาจากหลินโจว งั้นบริษัทมู้่ซื่อกรุ๊ปก็ตกอยู่ในอันตรายจริงๆแล้ว
สีหน้าของหม่าเสี่ยวหลงเปลี่ยนในทันที แต่ก็สามารถฟื้นกลับไปได้อย่างรวดเร็ว
“เจ้าหมอนี้บอกว่าหลินโจว หรือว่าเขาจะรู้อะไรมาจริงๆ!”
“ไม่ได้การแล้ว จะปล่อยให้เขาพูดมากไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว!”
จู่ๆหม่าเสี่ยวหลงก็หัวเราะเยาะออกมา “เจ้าหนุ่ม แกพูดจาน่าสนใจจริงๆ บริษัทมู้่ซื่อกรุ๊ปเติบโตมานับสิบปี ด้วยไม่มีปัญหาอะไร ทำไมอยู่ดีๆคนจากหลินโจวถึงต้องมาต่อกรกับบริษัทมู้่ซื่อกรุ๊ปด้วยล่ะ?”
“แกเอาแต่พูดจาไร้สาระมาโดยตลอด ต้องการจะทำอะไรกันแน่?”
มู่เฉิงเองก็รู้สึกว่าหม่าเสี่ยวหลงพูดถูก หลายสิบปีมานี้บริษัทยักษ์ใหญ่จากหลินโจวไม่เคยสนใจบริษัทมู้่ซื่อกรุ๊ปมาก่อน ทำไมอยู่ดีๆถึงโดนเพ่งเล็งล่ะ?
แต่ว่า ไม่ว่าจะยังไงเขาก็ไม่ได้รู้สึกโมโหหลินหยุนแม้แต่น้อย
“สหาย ขอรับความหวังดีเอาไว้ คุณออกไปก่อนเถอะ!”
หลินหยุนรู้แต่แรกแล้วว่าต้องลงเอยแบบนี้ จากที่เขารู้จักพ่อลูกตระกูลมู่มา พวกเขาไม่มีทางเชื่อคนแปลกหน้าง่ายๆอยู่แล้ว
แต่ว่าเขาไม่สามารถยืนดูอยู่เฉยๆได้จริงๆ ออกมาเตือนมู่เฉิงสักเล็กน้อย ก็ถือว่าเขาไม่ต้องรู้สึกผิดอะไรแล้ว
“ระวังคนใกล้ตัวของคุณให้ดีๆ”
สุดท้าย หลินหยุนมองหม่าเสี่ยวหลงแวบหนึ่ง จากนั้นก็เดินออกไป
หม่าเสี่ยวหลงรู้สึกเสียวสันหลัง วินาทีที่ถูกหลินหยุนจ้อง จู่ๆก็รู้สึกขนลุกด้วยความหวาดกลัว
“แย่ล่ะ เจ้าเด็กนี้จะต้องรู้อะไรอย่างแน่นอน!”
มู่เฉิงมองหม่าเสี่ยวหลงด้วยความสงสัย ตอนนี้เขาเชื่อใจหม่าเสี่ยวหลงเป็นอย่างมาก ไม่ได้คิดในแง่ลบสักนิด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...