ที่แท้เธอเป็นนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยการแพทย์หลินโจวนี่เอง
ทันใดนั้นซูหนันก็รู้สึกว่า ความรู้สึกที่ถูกฉีดน้ำเกลือก็ไม่ได้เลวร้ายเท่าไหร่
แต่ดูเหมือนจะถูกเธอเข้าใจผิดว่าเป็นพวกที่ชอบมีเรื่องไปทั่ว เป็นนักเลงที่ทำเป็นแค่เรื่องต่อยตี
สำหรับการเข้าใจผิดแบบนี้ ถ้าเกิดเป็นเมื่อก่อนซูหนันก็คงไม่เก็บมาใส่ใจ แต่ว่าตอนนี้จู่ๆเขาก็รู้สึกอยากจะอธิบายให้เธอเข้าใจ เพื่อรักษาภาพลักษณ์ของตัวเอง
แต่ว่า ไม่รอให้ซูหนันพูดออกมา จงเฟยหยู่ที่เปลี่ยนน้ำเกลือเรียบร้อย ก็พูดขึ้นมาอีกว่า “หลังจากที่น้ำเกลือนี้หมด คุณก็ออกไปซะ! พ่อแม่ฉันใกล้จะกลับมาแล้ว อย่าให้พ่อแม่ฉันเห็นเข้าล่ะ”
จู่ๆหัวใจของซูหนันก็เหมือนตกลงสู่ก้นเหว รู้สึกเหมือนจิตใจว่างเปล่า คำพูดที่อยากจะพูดเมื่อกี้ก็ลืมไปหมดแล้ว
“นี่ฉันโดนรังเกียจแล้วงั้นเหรอ?”
จงเฟยหยู่ไม่ได้รับรู้เลยว่าแค่ช่วงเวลาสั้นๆ ชายหนุ่มที่เป็นนักเลงในสายตาของเธอ ได้เกิดความคิดมากมายในหัวสมองของตัวเอง
หันหลังเดินจากไป
“รอเดี๋ยว!” จู่ๆซูหนันก็ห้ามเธอไว้
“ทำไม? ยังมีเรื่องอะไรอีกเหรอ?” จงเฟยหยู่หันกลับมา มองซูหนันด้วยสายตาเย็นชา
ซูหนันรู้สึกว่ามีคำพูดมากมายที่อยากจะพูดกับผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าตัวเอง แต่ว่าพอจะเปิดปากพูด ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดยังไงดี
“ถ้าเกิดคุณไม่พูดฉันจะไปแล้วนะ?” จงเฟยหยู่ขมวดคิ้วที่สวยงามของตัวเองขึ้นมา รู้สึกว่าชายหนุ่มคนนี้แปลกเล็กน้อย
ซูหนันทำหน้าจริงจัง จ้องมองจงเฟยหยู่ พูดออกไปด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ฉันไม่ใช่คนเลว”
เหอะเหอะ!
จงเฟยหยู่เผลอหัวเราะออกมา
คนที่เขาเคยเจอครั้งแรก กลับใช้สีหน้าจริงจังในการอธิบายว่าตัวเองไม่ใช่คนเลว
“ฉันรู้แล้ว” จงเฟยหยู่เก็บรอยยิ้ม หันตัวแล้วเดินจากไป
ซูหนันทำหน้าอึ้ง รอยยิ้มเมื่อกี้ เหมือนกับดอกไม้งามที่เบ่งบานกะทันหัน หัวใจของเขา เต้นไม่เป็นจังหวะอีกครั้ง
“เธอชื่อว่าจงเฟยหยู่!”
ชื่อที่อยู่ตรงบัตรนักศึกษา ซูหนันเห็นมันในทันที แถมยังจำมันอย่างรวดเร็ว ก็เหมือนกับประทับตราอยู่ตรงหัวสมอง
ดึงเข็มฉีดยาออก ซูหนันแอบเดินจากไป ในเมื่อเธอกลัวพ่อแม่มาเห็น งั้นซูหนันก็จะไม่ทำให้เธอลำบากใจ
แต่ว่า มือถือได้หายไประวังหลบหนี ซูหนันยังไม่รู้ว่าหลินหยุนได้กวาดล้างสำนักเจ็ดดาวแล้ว เขายังคิดว่าทะเลสาบเยว่หยาโดนสำนักเจ็ดดาวยึดไปแล้ว
เขาหาสถานที่ข้างทาง เพื่อรักษาบาดแผลตัวเอง รอให้แผลหายก่อน ค่อยกลับไปตรวจสอบทะเลสาบเยว่หยา
ทะเลสาบเยว่หยาที่ผ่านสงครามมา มีความเสียหายอยู่ทุกๆที่ ใช้เวลาไปห้าวันเต็มๆ ถึงซ่อมแซมกลับมาเหมือนเดิม
พลังทิพย์ที่อยู่ในร่างของหลินหยุนก็ฟื้นฟูจนกลับมาอยู่ในระดับสูงสุด เขายืนอยู่บนดาดฟ้า จ้องมองเหล่าคนงานที่กำลังยุ่งอยู่กับการทำงานกลบที่ดินเป็นที่สุดท้าย หลินหยุนรู้สึกว่าต้องวางค่ายกลฮู่ซาน เอาไว้ก่อน
ไม่อย่างนั้น ถ้าเกิดเรื่องอย่างครั้งนี้ที่เขาไม่อยู่ เพื่อนและครอบครัวของเขาเมื่อพบเจอกับอันตราย กลับไม่มีสถานที่เอาไว้หลบภัยด้วยซ้ำ
ถ้าเกิดมีค่ายกลฮู่ซาน ต่อให้เจอกับอันตราย อย่างมากก็แค่เข้าไปหลบอยู่ในค่ายกลฮู่ซาน
แค่พึ่งผลลัพธ์ภาพลวงตาจากค่ายกลรวมพลังห้าธาตุพรสวรรค์ ก็เพียงพอที่จะป้องกันเหล่านักบู๊ธรรมดาแล้ว แต่กลับไม่สามารถป้องกันนักบู๊ที่แข็งแกร่งได้
แต่น่าเสียดาย หินหยกที่เขาเอากลับมาจากสำนักมนตร์ดำ ไม่เพียงพอที่จะสร้างค่ายกลฮู่ซาน
“บางที ข้างในสำนักเจ็ดดาวอาจจะมี”
หลินหยุนก้าวเท้า ออกมา ราวกับเดินอยู่บนก้อนเมฆ ค่อยๆลงสู่พื้น
“พวกเจ้า พาข้าไปที่สำนักเจ็ดดาว”
เหล่าลูกศิษย์ของสำนักเจ็ดดาวไม่กล้าขัดขืนแม้แต่น้อย “ครับ!”
ในตอนที่หลินหยุนกำลังเตรียมที่จะออกเดินทาง เจี่ยงสงก็วิ่งมาหาด้วยความรีบร้อน
“ปรมาจารย์หลิน คุณกำลังจะไปที่ไหนงั้นเหรอ?” พอเห็นหลินหยุนกำลังจะออกไปข้างนอก เจี่ยงสงจึงถามด้วยความตกใจ ครั้งนี้ที่หลินหยุนออกไป แล้วโดนสำนักเจ็ดดาวโจมตี ทำให้เจี่ยงสงเกิดความกังวลในใจขึ้นมา
หลินหยุนไม่ได้ตอบคำถามเขา มองหน้าของเขา แล้วพูดด้วยเสียงเรียบๆว่า “คุณมีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...