“ในเมื่อคุณคิดอยากจะอยู่ในโลกตะวันออกแล้วละก็ อย่าได้ทำร้ายคนส่งเดช” หลินหยุนพูดปรามไว้
“รับทราบครับท่าน!” คาร์นอตวิลเลียมเปลี่ยนเป็นว่านอนสอนง่าย “ประเดี๋ยวออกไป ฉันก็จะปล่อยเธอออกไป”
“คุณอยากจะหาต้นแห่งชีวิต มีลักษณะพิเศษอะไรเหรอ? เทพีแห่งปัญญาไม่ได้ให้คำชี้แนะอะไรคุณเลยเหรอ?” หลินหยุนถาม
“ต้องมีแน่นอน เพียงแต่ว่าฉันดูแล้วไม่เข้าใจ!” คาร์นอตวิลเลียมพูด
“คำชี้แนะอะไรเหรอ?” หลินหยุนถาม
“หมิงหมิงจือจี๋เหวยจาวจาว” คาร์นอตวิลเลียมใช้ภาษาจีนพูดคำพูดนี้ออกมาอย่างคล้องจอง
“เพียงแต่ว่า ฉันไม่ค่อยเข้าใจความหมายของคำพูดนี้เท่านั้นเอง”
หลินหยุนตกใจเล็กน้อย “นี่เป็นคำพูดของเทพีแห่งปัญญาทางโลกตะวันตกจริงเหรอ?”
“นี่มันเป็นคำพูดที่ชาวจีนสมัยโบราณถึงจะพูดกัน”
เทพีแห่งปัญญา คงต้องมาจากประเทศจีนแล้ว
อีกทั้ง เทพีแห่งปัญญาและเทพจันทราจะต้องมีความสัมพันธ์กันอย่างแน่นอน
ไม่ใช่นั้น ทำไมเทพีแห่งปัญญาจะต้องเอาต้นแห่งชีวิตมาไว้ที่แคว้นป้ายเยว่ด้วย? จากนั้นก็ยังทิ้งคำปริศนาเอาไว้ เพื่อให้คนรุ่นหลังของเผ่าโลหิตมาตามหาเช่นนั้น?
เพียงแต่ว่า ต้นสายปลายเหตุภายในนี้ ต่อให้เป็นหลินหยุนก็ยังคิดไม่ออกเลย
จึงได้แต่ค่อยๆสืบค้นหาต่อไป
ความหมายของคำว่า “หมิงหมิงจือจี๋เหวยจาวจาว” ก็คือสุดปลายทางของความมืดก็คือแสงสว่างนั่นเอง
ใกล้เคียงกับคำพูดหลายประเภทเช่นว่าทุบหม้อข้าวหม้อแกงก่อนออกรบประมาณนั้น
แต่ว่า คำพูดนี้กับการค้นหาต้นแห่งชีวิต จะเกี่ยวโยงกันได้อย่างไร?
“หมิงหมิงจือจี๋เหวยจาวจาว!” หลินหยุนค่อยๆท่องคำพูดนี้ออกมา
สุดปลายทางของความมืด ก็คือแสงสว่าง
ถ้าเช่นนั้นแล้วสุดปลายทางของชีวิตคืออะไร?
คำตอบจวนจะออกมาแล้ว
หลินหยุนมองไปยังคาร์นอตวิลเลียม แล้วพูดว่า “ที่สุสานแห่งนี้มีที่ไหนบ้างที่ใกล้กับสุดปลายทางของความตายบ้าง?”
คาร์นอตวิลเลียมรู้สึกฉงน “ไม่รู้สิ ฉันก็ยังไม่ทันได้ไปเดินสำรวจเลย พวกคุณก็มาแล้ว”
สายตาของหลินหยุนสอดส่องไปทั่วภายในพระราชวัง แต่ว่าก็ไม่พบแหล่งที่ตรงกับที่ใจเขาคิดไว้เลย
จุดหมายปลายทางของชีวิตก็คือความตาย แต่ว่าสุดปลายทางที่ใกล้กับความตายมากที่สุด ที่นี่ดูเหมือนจะไม่มี
ทันใดนั้น สายตาของหลินหยุนก็มองเห็นโลงศพหินสีเขียวแขวนห้อยอยู่กลางอากาศ จึงเพ่งสายตาทันที
“ตามฉันมา!”
หลินหยุนก็เดินก้าวขึ้นบันไดหินที่วกวน ปู่รองเติ้งก็รีบเดินตาม คาร์นอตวิลเลียมลังเลสักครู่หนึ่ง จึงเดินตามขึ้นไป
ทั้งสามคนก็มาถึงหน้าผาที่มีโลงศพหินสีเขียวแขวนอยู่ตรงส่วนที่ยื่นออกไปของหน้าผานั้น
มองลงไปยังโลงศพหินสีเขียวที่แขวนอยู่นั้น หลินหยุนก็พูดอย่างเรียบๆว่า “โลงศพ นั่นหมายถึงสุดหมายปลายทางของความตาย”
“ไปลากโลงศพนั้นขึ้นมา” หลินหยุนพูดพลางมองไปยังคาร์นอตวิลเลียม
“อะไรนะ?”
“ทำไมจะต้องเป็นฉันด้วยล่ะ?” คาร์นอตวิลเลียมพูดด้วยสีหน้าไม่พอใจ
หลินหยุนก็ชูกำปั้นใส่เขา
“……”
“ได้เลย!”
“ฉันคิดว่าที่จริงแล้วอันนี้ก็เป็นการออกกำลังกายที่ดีอย่างหนึ่งนะ มันสามารถที่จะฝึกกำลังกล้ามแขนของฉันด้วย”
คาร์นอตวิลเลียมเดินขึ้นไปข้างหน้า ใช้มือทั้งสองข้างจับโซ่เหล็กที่หนาเท่ากับแขนคน แล้วลากโลงศพหินสีเขียวนั้นขึ้นมา
“เปิดออกด้วย!” หลินหยุนพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย
คาร์นอตวิลเลียมก็ทำท่าแบะมือทั้งสองออก “ขออภัยครับท่าน ฉันไม่รู้ว่าจะเปิดสิ่งนี้ออกได้อย่างไร”
หลินหยุนก็ยื่นกำปั้นออกไป คาร์นอตวิลเลียมรู้สึกละเหี่ยใจทันที
“ก็ได้ ฉันจะลองเปิดดูแล้วกัน”
แขนทั้งสองข้างอุ้มฝาโลงไว้ คาร์นอตวิลเลียมก็สามารถเปิดฝาโลงหินนั้นออกมาได้อย่างง่ายดาย
หลังจากนั้น คาร์นอตวิลเลียมก็ตกใจอึ้งไปเลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...