ความรู้สึกของปู่รองเติ้งว่างเปล่าเหมือนไม่มีจุดหมายในชีวิตที่แน่นอน
ไป ไปที่ไหนดีล่ะ? แล้วสามารถจะไปทางไหนได้บ้าง?
ตระกูลเติ้งก็ไม่มีแล้ว ตอนนี้เขานับได้ว่าเป็นคนที่ไร้ญาติขาดมิตรเหลือเพียงตัวคนเดียวจริงๆ
เขาไม่รู้จริงๆว่าควรจะไปทางไหนดี แล้วจะทำอะไรต่อไป?
เพลงฝึกบู๊ก็ฝึกฝนถึงขั้นสูงสุดแล้ว ต่อจากนี้ไปเขาอยากจะทำอะไรอีก?
ปู่รองเติ้งหันหน้ามามองหลินหยุน พูดด้วยสีหน้าหดหู่ “ปรมาจารย์หลิน ฉันไม่รู้ว่าควรจะไปทางไหนดี?”
ดูเหมือนหลินหยุนเข้าใจสภาพจิตใจที่เคว้งคว้างและหมดหนทางของปู่รองเติ้งเป็นอย่างดี จึงพูดอย่างเรียบๆว่า “คุณไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปอีกแล้ว ก็ควรจะไปไขว่คว้าตามหาวิธีการฝึกบู๊ในระดับแดนที่สูงขึ้นกว่านี้”
“ระดับแดนที่สูงกว่า! หรือว่าเหนือปรมาจารย์ขึ้นไปก็ยังมีระดับแดนที่สูงกว่าอีกเหรอ?” ปู่รองเติ้ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย มิหนำซ้ำเขายังคิดเสมอว่า ปรมาจารย์ก็คือสุดยอดของการฝึกบู๊แล้ว
หลินหยุนแหงนมองดูท้องฟ้าอันกว้างไกล บางครั้งก็มีเหยี่ยวหัวโล้นไม่กี่ตัวบินผ่านไปมา ภายใต้แผ่นฟ้าอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้ มนุษย์ตัวเล็กๆก็เหมือนดั่งเม็ดทรายที่อยู่บนผืนทะเลทราย
“ตราบใดที่คุณยังไม่เข้าใจแหล่งต้นกำเนิดของจักรวาล ความลึกลับซับซ้อนของชีวิต เช่นนั้นแล้วหนทางในการฝึกบู๊ของคุณ ก็ยังเดินไปไม่ถึงจุดหมายปลายทางเลย”
“ไปเถอะ ไปค้นหาวิชาเพลงบู๊ที่แข็งแกร่งกว่านี้ ไปไขว่คว้าตามหาแดนที่สูงกว่านี้”
ปู่รองเติ้งสะดุ้งตกใจ ความรู้สึกเหมือนตาสว่างขึ้นจากคำชี้แนะขึ้นมาทันที ทำให้เขาค้นพบเป้าหมายที่จะต่อสู้ต่อไป ก็เหมือนกับนักผจญภัยที่เดินหลงทางอยู่กลางทะเลทรายคนหนึ่ง แล้วได้มองเห็นโอเอซิสในทันทีทันใด
“ขอบคุณปรมาจารย์หลินที่ให้คำชี้แนะ ไม่ว่าท่านจะเห็นด้วยหรือไม่ก็ตาม ต่อจากนี้ไป ฉันยอมปฏิบัติตัวเป็นลูกศิษย์ต่อท่าน!” ปู่รองเติ้งหันหน้าไปยังหลินหยุน แล้วโค้งคำนับ อย่างนอบน้อม
หลินหยุนย่อมไม่ยอมรับเขาอย่างแน่นอน แต่ก็ไม่อยากพูดให้เขาสะเทือนใจ
ต่อจากนี้ไปสำหรับเขาแล้วจะก้าวเดินไปถึงขั้นไหนนั้น ก็ต้องสุดแล้วแต่บุญแต่กรรมของตัวเขาเองแล้ว
“ไปกันเถอะ!” หลินหยุนมองดูท่าทางที่สูงส่งเย่อหยิ่งของคาร์นอตวิลเลียม เจ้าชายเผ่าโลหิตท่านนี้ที่ได้รักษาท่วงท่ากิริยาอันสง่างามและสูงส่งอยู่ตลอดเวลา
“พวกเราไปไหนกันล่ะ?” คาร์นอตวิลเลียมถาม
“ตามฉันมาก็แล้วกัน” หลินหยุนพูด
“ได้ครับ!”
“ปรมาจารย์หลินครับ ในเวลานี้ไม่มีรถที่วิ่งออกจากหมู่บ้านนี้เลย พวกคุณก็พักค้างคืนที่นี่สักคืนหนึ่งจะดีกว่า พรุ่งนี้ค่อยเดินทางต่อไปเถอะ!” ปู่รองเติ้งพูด
ที่นี่เป็นเขตชายแดนทะเลทราย และก็เป็นฐานฝึกทหารลับของกองทัพส่วนตัวตระกูลเติ้งอีกด้วย จึงไม่มียานพาหนะใดๆทั้งสิ้น
หลินหยุนลองคิดดูแล้ว ไหนๆตระกูลเติ้งก็ถูกกำจัดแล้ว รากทิพย์พรสวรรค์ก็หาพบแล้ว ไม่ต้องรีบกลับไปก็ได้
“ได้”
ปู่รองเติ้งจึงหาห้องพักให้หลินหยุนและคาร์นอตวิลเลียมเข้าพักแรม
เวลาค่ำคืนค่อยๆมาเยือน
ห่างไกลออกไปจากเมืองจงโจวหลายพันลี้
หวางซูเฟินและฉินหลันได้เดินทางไปเมืองหานเพื่อไปเจรจาด้านการค้า อยู่ระหว่างทางที่นั่งรถกลับ
ภายในรถนั้น ฉินหลันก็พูดโอดครวญว่า “ผู้อำนวยการคะ คุณไม่รู้สึกเหรอว่าประธานหวางคนนั้นมีอะไรแปลกๆบ้างเลยเหรอ?”
“ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับตระกูลส้งสนิทสนมกันมาโดยตลอด ทำไมจู่ๆถึงคิดอยากจะมาร่วมมือกับพวกเราล่ะ?”
“อีกอย่างเขาก็ยังจะให้พวกเราไปเจรจากับเขาด้วยตัวเองที่เมืองหานอีกด้วย พอพวกเราไปถึง เขาก็ยังห่วงหน้าผวงหลัง ท่าทีไม่ชัดเจน นี่มันเหมือนแกล้งล้อพวกเราเล่นชัดๆเลย!”
หวางซูเฟินพูดว่า“ท่าทีของประธานหวางรู้สึกแปลกประหลาดก็จริงอยู่ แต่จะไปโทษก็เขาไม่ได้ อย่างน้อยเขาก็เคยร่วมมือกับตระกูลส้งมาโดยตลอด แต่ว่าตอนนี้สถานการณ์ของตระกูลส้งย่ำแย่แล้ว ศักยภาพของตระกูลส้งตอนนี้ ไม่สามารถรองรับสินค้าที่มากมายขนาดนั้นของเขาไว้ได้ เขาจึงจำเป็นที่จะต้องมาร่วมมือกับพวกเรา”
“สำหรับที่ว่าทำไมจะต้องให้พวกเราไปหาเขาที่เมืองหานให้ได้นั้น หนึ่งก็เพราะว่าอยากจะดูความจริงใจของพวกเรา สองก็เกรงว่าตระกูลส้งจะเข้าใจเขาผิด ประธานหวางคนนี้ เป็นประเภทสุนัขจิ้งจอกเฒ่าชัดๆ”
ฉินหลันส่ายหน้า “ฉันก็ยังรู้สึกแปลกอยู่ดี ฉันมีความรู้สึกว่าคำพูดของประธานหวางคนนั้น รู้สึกไม่ค่อยจริงใจเลย อีกอย่างดูเหมือนเขามีคำพูดอะไรที่อยากจะพูดเตือนสติพวกเราด้วย”
หวางซูเฟินพูดว่า “ฉันก็รู้สึกเหมือนกัน ตอนที่กินข้าวด้วยกัน เขามักจะพูดตลอดว่า อะไรนะศัตรูที่แสดงตัวเปิดเผย ย่อมป้องกันได้ง่ายกว่าพวกที่แอบลอบกัดอยู่ข้างหลัง แต่ก็ไม่รู้ว่าเขาอยากจะพูดอะไรกันแน่?”
“ถ้าหากอยากเตือนให้พวกเราระวังแผนลอบกัดของตระกูลส้งแล้วละก็ ฮึ่อ แผนลอบกัดข้างหลังของตระกูลส้งพวกเรายังเจอมาน้อยไปหรือไง?”
“อีกอย่าง ด้วยศักยภาพของบริษัทตงหวาง กรุ๊ปตอนนี้ ไม่จำเป็นต้องกลัวแผนลอบกัดของตระกูลส้งอีกเลย”
ระหว่างที่พวกเธอกำลังพูดคุยอยู่นั้น รถก็ค่อยๆแล่นเข้าไปสู่ถนนที่ออกนอกชานเมือง เมื่อมาถึงทางหลวงระหว่างเมืองหานและมณฑลจงโจวที่ค่อนข้างเปลี่ยวช่วงหนึ่ง
ทันใดนั้น มีรถบรรทุกขนาดใหญ่คันหนึ่งที่อยู่ข้างหน้า ก็พุ่งตรงเข้ามาชนด้านข้างโดยไม่ส่งสัญญาณอะไรเลย
เสี่ยวหวางคนขับรถที่อยู่ข้างหน้าก็ตะโกนพูดว่า “ระวัง!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...