จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ นิยาย บท 603

เหล่าจู่ตระกูลโม่หัวเราะด้วยใบหน้าดุร้ายแล้วพูดว่า “ข้าทำอะไรลงไปงั้นเหรอ?”

“เจ้าน่าจะรับรู้ได้แล้วใช่ไหม!”

“ถูกแล้ว ข้าได้ปลดปล่อยอสุรกายออกมา เป็นอสูรที่ถูกผนึกมานับพันปี”

จู่ๆโม่ซิวอู่ก็นึกถึงเรื่องเล่าขานเรื่องหนึ่ง แล้วตะโกนด้วยสีหน้าหวาดกลัวว่า “ท่านเหล่าจู่ ท่านจะบอกว่า ตำนานนั่นเป็นเรื่องจริงงั้นเหรอ!”

“ที่นี่เคยมีค่ายกลยักษ์ เพื่อใช้ผนึกอสุรกายตัวนั้น!”

เหล่าจู่ตระกูลโม่หัวเราะเสียงดังแล้วพูดว่า “ถูกแล้ว ข้าก็คือคนที่ทำหน้าที่เฝ้าดูแลค่ายกลยักษ์แห่งนี้! และนี่ก็เป็นเหตุผล ที่ข้าไม่เคยออกจากตึกนี้มาก่อน!”

หลินหยุนสัมผัสได้ว่าข้างล่างผืนดินแห่งนี้ มีบางสิ่งบางอย่างกำลังตื่นขึ้นมา ออร่ายิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ สีหน้าเต็มไปด้วยความจริงจัง

ในตอนที่เขาถูกผู้อาวุโสสามพามาที่นี่ ก็รู้สึกได้แล้วว่าที่นี่มีบางสิ่งบางอย่างผิดปกติ

โดยเฉพาะป่าทึบนั้น จะเติบโตได้ผิดปกติเกินไปแล้ว ก็เหมือนกับว่ามีใครบางคนกำลังเติบชี่ที่มีคุณสมบัติธาตุไม้ เพื่อเป็นสารอาหารให้มันเติบโต

อีกอย่าง ที่ตั้งป่าไม้แห่งนี้ ก็ผิดปกติเป็นอย่างมาก มันเหมือนกับรูปวงกลม ที่ล้อมรอบตึกนั้น

ถ้าเกิดมองจากด้านบน ป่าไม้แห่งนี้น่าจะเป็นรูปทรงแปดทิศขนาดยักษ์

เรื่องทั้งหมดนี้ เป็นการบ่งบอกว่า ที่นี่ น่าจะเคยมีค่ายกลขนาดยักษ์

แต่น่าเสียดาย พอผ่านมานานหลายร้อยปี ค่ายกลยักษ์ก็มีต้นไม้ที่เติบโตขึ้นมาตามธรรมชาเข้ามาบดบัง จนมองไม่เห็นรูปลักษณ์ในตอนแรก

อีกอย่าง ค่ายกลนี้ก็แปลกประหลาดมาก ไม่เหมือนค่ายกลฮู่ซาน และไม่เหมือนค่ายกลที่ใช้โจมตี

แต่กลับเหมือนค่ายกลยักษ์ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อขังบางสิ่งบางอย่างเอาไว้

เหล่าจู่ตระกูลโม่หัวเราะด้วยความดุร้ายแล้วพูดว่า “เขากำลังตื่น พันปีมาแล้ว ถ้าเกิดปล่อยเขาออกมาสู่โลกภายนอก จะเกิดอะไรขึ้น?”

“ข้าชักจะรอไม่ไหวซะแล้ว! ฮ่าๆๆ......”

เหล่าจู่ตระกูลโม่เงยหน้าหัวเราะ ใบหน้าเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง

โม่ซิวอู่คุกเข่าลง แล้วตะโกนด้วยความหวาดกลัวว่า “ท่านเหล่าจู่ อย่าทำแบบนี้เลย! ถ้าเกิดสิ่งนั้นหลุดไปโลกภายนอกขึ้นมาจริงๆ ทั้งประเทศจีนจะต้องเกิดหายนะขึ้นอย่างแน่นอน!”

“ถึงเวลานั้น พวกเราก็จะกลายเป็นผู้ร้ายของประเทศจีน!”

เหล่าจู่ตระกูลโม่ส่งเสียงเฮิงด้วยความเย็นชา “เจ้าคนไร้ประโยชน์! เจ้าบ้านตระกูลโม่รุ่นก่อน ทำไมถึงได้เลือกเจ้า!”

“ในเมื่อตระกูลโม่ของพวกเราต้องพังพินาศ งั้นโลกนี้จะอยู่ต่อไปทำไม? สู้ดึงโลกทั้งใบ มาตายไปพร้อมกับตระกูลโม่ของพวกเราไม่ดีกว่าหรือไง!”

ใบหน้าของโม่ซิวอู่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว “ท่านเหล่าจู่ ทำไมท่านถึงมีความคิดแบบนี้!”

เหล่าจู่ตระกูลโม่ไม่ได้สนใจโม่ซิวอู่ แต่กลับหันไปมองหลินหยุน ยิ้มด้วยใบหน้าที่บ้าคลั่งแล้วพูดว่า “เจ้าหนุ่ม อยากรู้ไหมว่าข้าทำอะไรลงไป?”

“เห็นแก่ที่ทุกคนกำลังจะตาย ข้าจะบอกเจ้าก็แล้วกัน”

“เมื่อพันปีก่อน ปรมาจารย์ค่ายกลที่มีชื่อเสียง นักพรตจื่อเซวียน เป็นผู้นำของเหล่าผู้บำเพ็ญ เพื่อปิดผนึกอสุรกายมิงค์สีทองจื่อมู่ ได้สร้างค่ายกลหมื่นไม้ผนึกญาณ ตลอดเวลาที่ผ่านมา มันค่อยดูดซับพลังทิพย์ของมิงค์สีทองจื่อมู่ เพื่อที่จะสังหารอสูรโบราณตัวนี้”

“เมื่อกี้ ข้าก็แค่ทำลายค่ายกลหมื่นไม้ผนึกญาณ ดังนั้น ต้นไม้พวกนี้ที่ค่อยดูดพลังงานของมิงค์สีทองจื่อมู่ จึงเหี่ยวเฉาตายไปจนหมด”

“ดอกไม้ใบหญ้าที่เจ้าเห็น มันเติบโตอย่างบ้าคลั่ง นั่นก็เป็นเพราะพลังของมิงค์สีทองจื่อมู่ กำลังฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว”

“มันกำลังจะออกมาแล้ว และบนโลกใบนี้ ไม่มีปรมาจารย์ค่ายกลอย่างนักพรตจื่อเซวียน แบบนั้นอีกแล้ว ถึงเวลานั้น โลกทั้งใบจะต้องตายไปพร้อมกับข้า!”

“จริงสิ เจ้าเองก็กำลังจะตายแล้ว ทั้งเพื่อนและญาติของเจ้า ก็ต้องตายเช่นกัน! เจ้าเอาชนะข้าไม่ได้หรอก ฮ่าๆ เจ้าเอาชนะข้าไม่ได้หรอก!”

โม่ซิวอู่ส่ายหัวเพราะไม่อยากเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า “บ้าไปแล้ว ท่านเหล่าจู่บ้าไปแล้ว!”

ผู้อาวุโสสามนั่งอยู่บนพื้นด้วยความสิ้นหวัง ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว “จบสิ้นแล้ว อสุรกายโบราณ ใครจะสามารถรับมือมันได้!”

หลินหยุนพูดด้วยเสียงเย็นชาว่า “ต่อให้ข้าไม่มา เจ้าก็คงเตรียมที่จะทำลายค่ายกลหมื่นไม้ผนึกญาณ เพื่อปลดปล่อยอสูรโบราณออกมาอยู่แล้วสินะ”

“เจ้ายึดติดกับโลกนี้มากจนเกินไป ไม่ยอมรับความตาย ดังนั้นเจ้าถึงต้องการให้โลกทั้งใบตายไปพร้อมกับเจ้า เจ้ามันบ้าไปแล้ว”

เหล่าจู่ตระกูลโม่หัวเราะแล้วพูดว่า “เจ้าพูดถูกแล้ว ข้าไม่ยอมรับความตาย ข้ามีชีวิตมาสองร้อยกว่าปีแล้ว พยายามฝึกฝนแทบตาย แต่ ก็ยังหนีไม่พ้นความตายอยู่ดี เพราะอะไรกัน? ข้าไม่ยอมรับมันหรอก!”

“ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว ยังไงซะค่ายกลผนึกก็โดนข้าทำลายไปแล้ว บนโลกนี้ไม่มีปรมาจารย์ค่ายกลอย่างนักพรตจื่อเซวียน ที่แข็งแกร่งแบบนั้นอีกแล้ว ทุกคนจะต้องตาย มีคนมากมายที่ต้องตายไปพร้อมกับข้า ข้าพอใจเป็นอย่างมาก”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์