จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ นิยาย บท 90

สรุปบท บทที่ 89 เขาจะเข้าร่วมในระดับอาจารย์: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

บทที่ 89 เขาจะเข้าร่วมในระดับอาจารย์ – ตอนที่ต้องอ่านของ จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

ตอนนี้ของ จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ โดย จูผาซู่ ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายใช้ชีวิตทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 89 เขาจะเข้าร่วมในระดับอาจารย์ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

บทที่ 89 เขาจะเข้าร่วมในระดับอาจารย์

ชายผู้นี้คือนักศึกษาคณะแพทย์แผนจีน มหาวิทยาลัยแพทย์หลินโจว พอดีเซี่ยหยู่เวยก็กำลังศึกษาเพิ่มเติมทางแพทย์แผนจีนอยู่ ดังนั้นเขาจึงบังเอิญได้รู้จักกับหลินหยุน

อีกทั้งการที่เป็นดาวหญิงสวยประจำมหาวิทยาลัย ตอนที่เซี่ยหยู่เวยแต่งงานนั้น เคยได้สร้างความฮือฮาเป็นที่พูดถึงกันไม่น้อยภายในมหาวิทยาลัย

มีนักศึกษาจำนวนมากไม่เคยเห็นหลินหยุน แต่ก็เคยได้ยินชื่อเสียงของหลินหยุนผู้นี้

ชายผู้ที่สวมแว่นตาอีกคนหนึ่ง พูดอย่างตะลึงว่า“จางเหยียน ที่นายพูดถึงก็คือชายที่เกาะภรรยากินผู้นั้นงั้นเหรอ! ”

ชายผู้นั้นที่เปิดโปงสถานะของหลินหยุน ได้มองไปที่หลินหยุน พูดด้วยท่าทีอันเหยียดหยามว่า“ตอนนั้นฉันเห็นเขาอยู่กับคุณเซี่ยหญิงสวยประจำมหาวิทยาลัย ดังนั้นจึงจดจำเขาได้เป็นอย่างดี ที่จริงเขาไม่ได้เป็นหมอเทพอะไรอย่างที่พูดกันหรอก เขาเป็นคนที่ไม่ได้เรื่องไม่มีความสามารถเอาแต่เกาะภรรยากินต่างหาก! ”

“ผู้อำนวยการโจว ท่านถูกเขาหลอกลวงแล้ว! ” นักศึกษาที่ชื่อจางเหยียนพูดกับโจวชิงเหออย่างเย่อหยิ่ง ทำท่าทางว่าต้องการความดีความชอบ เหมือนกับว่าตนเองนั้นได้เปิดโปงสถานะตัวตนที่แท้จริงของหลินหยุน ได้สร้างคุณงามความดีอันยิ่งใหญ่อย่างไรอย่างนั้น

ได้ยินคำพูดสาบานจากใจจริงของจางเหยียน นักศึกษาคนอื่นที่อยู่รอบข้างต่างพากันเชื่อไปกว่าเจ็ดแปดสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว มองไปที่หลินหยุนด้วยท่าทางที่ดูหมิ่นเหยียดหยาม

“ฮืม คนที่ไม่ได้เรื่องไม่มีความสามารถที่เกาะภรรยากิน คาดไม่ถึงว่าจะกล้าปลอมแปลงเป็นหมอเทพ? แกกล้าหาญมากเกินไปแล้ว! ”

จงเฟยหยู่มองไปที่หลินหยุนด้วยความเหยียดหยามแวบหนึ่ง ก็ละสายตาแล้วมองไปยังที่อื่น ใบหน้าแสดงถึงความรังเกียจ โดยคนหลอกลวงที่ชอบปลอมแปลงมาเป็นหมอเทพลักษณะนี้ เธอพบเห็นอยู่มากมายบ่อยครั้ง

“ไอ้คนหลอกลวง ไสหัวออกไปซะ! ” พวกนักศึกษาทยอยดุด่าขับไล่

ซูชิงเหยียนกับโม่หัวถิงมองไปที่โจวชิงเหอพร้อมกับทำหน้านิ่วคิ้วขมวด ซูชิงเหยียนสอบถามเบา ๆ ว่า“ผู้อำนวยการโจว ทำไมท่านถึงได้มองผิดพลาดไปได้? การหลอกลวงเช่นนี้ทำไมท่านถึงติดกับได้? ”

โจวชิงเหอหน้านิ่วคิ้วขมวด เขาคิดไม่ถึงว่าจะมีคนที่ทราบถึงสถานะของหลินหยุน

แต่ว่า ไม่สนใจว่าในอดีตจะเคยเป็นคนอย่างไร ตั้งแต่ที่หลินหยุนได้ใช้วิชานึ่งกระดูกช่วยรักษาผู้ป่วยที่มีอาการร้ายแรงเอาไว้ได้ โจวชิงเหอจึงได้เชื่อมั่นและยอมรับในวิชาการแพทย์ของหลินหยุน

โจวชิงเหอมองไปที่หลินหยุน พบว่าหลินหยุนไม่ได้มีท่าทีโกรธเคือง ก็เบาใจ รีบยื่นมือสองข้างออกมาทำท่าทางให้ทุกคนสงบเงียบลง แล้วอธิบายให้กับทุกคนฟัง

“นักศึกษาทุกคน สงบเงียบกันก่อน! ”

“พวกเธออาจจะเคยรู้จักหมอเทพหลินมาก่อน แต่นั่นคืออดีต วิชาการแพทย์ของหมอเทพหลินฉันเคยได้เห็นกับตาของตัวเองมาแล้ว ฉันเต็มใจใช้เกียรติของฉันรับประกัน หมอเทพหลินไม่ใช่คนหลอกลวงจอมปลอมอย่างแน่นอน”

จางเหยียนถามขึ้นอย่างตะลึงว่า“ผู้อำนวยการโจว ไอ้หนุ่มน้อยคนนั้นให้ท่านกินยามึนงงอะไรเข้าไป? ท่านถึงกับได้เชื่อมั่นในตัวเขาขนาดนี้! ”

โจวชิงเหอสอบถามกลับด้วยใบหน้าอันเข้มงวด“แกคิดว่าฉันเหมือนกับกินยามึนงงอะไรเข้าไปงั้นเหรอ? ”

จางเหยียนตกใจจนขนาดไปกล้าที่จะออกเสียง โจวชิงเหอเป็นถึงผู้อำนวยการโรงพยาบาลประชาชน เขาเป็นเพียงแค่นักศึกษา สถานะแตกต่างกันมาก เมื่อครู่ที่เขาสอบถามโจวชิงเหอนั้น ก็ถือว่าไร้มารยาทแล้ว

โจวชิงเหอไม่ได้อาศัยอำนาจข่มเหงคนที่อ่อนแอกว่า พูดอย่างชัดเจนว่า“ทุกคนวางใจได้ ฉันกล้าใช้ชีวิตของข้าเป็นประกันว่า หมอเทพหลินไม่ใช่คนหลอกลวงอย่างแน่นอน”

“ก่อนหน้านี้พวกเธออาจจะเข้าใจผิดในตัวของหมอเทพหลิน แต่ว่า ขอให้ทุกคนเชื่อมั่นในตัวฉัน นับจากนี้ต่อไป พวกเธอจะไม่มีทางที่จะกังวลและสงสัยในตัวของหมอเทพหลินอีกอย่างแน่นอน! ”

เห็นโจวชิงเหอปกป้องหลินหยุนตามเต็มที่ แม้ว่าจางเหยียนจะไม่เชื่อว่าหลินหยุนคือหมอเทพก็ตาม แต่ก็ไม่กล้าที่จะไปขัดคำพูดของโจวชิงเหอ

นักศึกษาคนอื่นส่วนใหญ่ก็มีความเห็นเดียวกันกับจางเหยียน

เห็นว่าพวกนักศึกษาไม่มีปากมีเสียงแล้ว แต่ก็ยังมองไปที่หลินหยุนอย่างดูหมิ่นเหยียดหยาม โจว ชิงเหอรู้ว่าในใจของพวกเขาก็ยังคงไม่เชื่อในคำพูดของตน

แต่ว่า โจวชิงเหอก็ไม่ได้อธิบายใด ๆ เพิ่มเติม ต่อให้พูดจนปากเปียกปากแฉะ ก็ไม่มีผลเท่ากับให้หลินหยุนแสดงความสามารถอันแท้จริงออกมาให้ทุกคนได้เห็นเป็นประจักษ์

ซูชิงเหยียนกับโม่หัวถิงก็ยังคงไม่เชื่อ เพราะว่าหลินหยุนนั้นอายุยังน้อยมาก

พวกนักศึกษาเกรงกลัวสถานะของผู้อำนวยการโจว แต่สถานะของซูชิงเหยียนกับโม่หัวถิงทั้งสองคนเทียบเท่ากับโจวชิงเหอ พวกเขาจึงไม่เกรงกลัว

“ผู้อำนวยการโจว ท่านรับรองว่าตนเองไม่ได้ถูกหลอกลวงใช่หรือไม่? อายุของเขาน้อยมากจริง ๆ! ”โม่หัวถิงสอบถามขึ้นอย่างเบา ๆ

ซูชิงเหยียนก็มองไปที่โจวชิงเหอด้วยความสงสัย แน่นอนว่า เขากับโม่หัวถิงมีคำถามข้อสงสัยเดียวกัน

โจวชิงเหอยิ้มแล้วพูดว่า“ท่านโม่ พูดเกินไปแล้ว! ที่ฉันทำแบบนี้ ก็เพราะคำนึงถึงเกียรติและศักดิ์ศรีของวงการแพทย์หลินโจวของพวกเรา วิชาการแพทย์ของหมอเทพหลินเก่งกาจมากกว่าฉัน ให้เขาเป็นตัวแทนฉันลงแข่ง แน่นอนว่าจะแข็งแกร่งมากกว่าฉันลงแข่งเองหลายเท่า! ”

ซูชิงเหยียนพูดว่า“ผู้อำนวยการโจว ท่านคิดทบทวนดีแล้วนะ นี่มันไม่ใช่เรื่องล้อเล่น! ”

โจวชิงเหอยกมือขึ้น พูดอย่างแน่วแน่ว่า“อธิการบดีซูท่านไม่ต้องพูดแล้ว ฉันได้ตัดสินใจเรียบร้อย เอาตามนี้แล้วกัน ผลที่เกิดขึ้นทุกอย่างฉันจะเป็นผู้รับผิดชอบเอง! ”

“นี่มัน......” ซูชิงเหยียนจำใจ ไม่เหมาะสมที่จะพูดเตือนใด ๆ อีกแล้ว

ศาสตราจารย์โม่ยังไม่ยอมตายใจ พูดอย่างเย็นชาว่า“ไม่ได้เด็ดขาด ฉันยอมตกลงให้เขาเป็นตัวแทนเข้าร่วมแข่งขันระดับนักศึกษาได้ แต่ระดับอาจารย์ต้องเป็นพวกเราสามคนเท่านั้น”

โจวชิงเหอพูดอย่างยืนหยัดว่า“ท่านโม่ ฉันยินดียอมรับผลที่จะเกิดขึ้นทุกอย่าง ท่านยังมีอะไรที่ไม่วางใจอยู่อีกเหรอ? ”

ศาสตราจารย์โม่จ้องไปที่โจวชิงเหอ พูดด้วยความโมโหว่า“ผู้อำนวยการโจว ผลที่เกิดขึ้นนี้ไม่ใช่ท่านเพียงคนเดียวที่จะรับผิดชอบมันไว้ได้หมดที่ไหนกัน! ”

โจวชิงเหอก็เริ่มโมโหขึ้นบ้างแล้ว พูดอย่างเย็นชาว่า“ท่านโม่ ถ้าหากฉันจะยังคงยืนกรานที่จะทำเช่นนี้ล่ะ? ”

“ท่าน......” ศาสตราจารย์โม่โมโหจนหน้าเขียว สั่นไปทั้งร่างกาย

จงเฟยหยู่ที่อยู่ด้านข้างมองไปที่หลินหยุนที่มีท่าทีที่ไร้ความรู้สึก แล้วค่อย ๆ เดินเข้าไปหา ใช้มือสัมผัสที่ตัวของหลินหยุน พูดเบา ๆ อย่างหยิ่งยโสว่า“ผู้อำนวยการโจวกับศาสตราจารย์โม่ทะเลาะกันอย่างหนักก็เพราะแก แกกลับมาหลบซ่อนตัวอยู่ด้านหลังไม่พูดไม่จาอะไร แกช่างเป็นพวกขี้ขลาดตาขาวเสียจริง! ”

“ถ้าหากฉันเป็นแก ฉันคงไม่มีหน้าที่จะอยู่ที่นี่ต่อไปอย่างแน่นอน”

นักศึกษารอบข้างบางคนได้ยินที่จงเฟยหยู่พูด ต่างทยอยมองไปที่หลินหยุนด้วยท่าทางเย้ยหยัน

“ไอ้คนขี้ขลาด! ” นักศึกษาหลายคนต่างพูดขึ้นกันอย่างเบา ๆ

หลินหยุนมองไปที่จงเฟยหยู่ แล้วพูดอย่างไร้อารมณ์ว่า“ไม่ตอบโต้ ไม่ใช่หมายความว่าเกรงกลัว แต่อาจจะหมายถึง ดูหมิ่นเหยียดหยาม”

“ใช่หรือไม่ใช่คนขี้ขลาด ต้องดูตอนที่เขาเผชิญกับสถานการณ์อุปสรรค ว่าจะมีท่าทางและสภาพจิตใจอย่างไร”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์