จักรพรรดิผู้ฝึกอายุห้าพันปี นิยาย บท 59

สรุปบท บทที่ 59 บ้านหลังใหม่: จักรพรรดิผู้ฝึกอายุห้าพันปี

สรุปตอน บทที่ 59 บ้านหลังใหม่ – จากเรื่อง จักรพรรดิผู้ฝึกอายุห้าพันปี โดย จิ่วเทียน

ตอน บทที่ 59 บ้านหลังใหม่ ของนิยายใช้ชีวิตเรื่องดัง จักรพรรดิผู้ฝึกอายุห้าพันปี โดยนักเขียน จิ่วเทียน เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

บทที่ 59 บ้านหลังใหม่

ปรากฏขึ้นอีกครั้ง

เมื่อมาถึงในห้อง โล่เฉินไม่ได้นอนหลับ แต่กำลังตรวจเช็คร่างกายของตนอย่างละเอียด ปฏิกิริยาตอบสนองเมื่อครู่นี้ไม่ปกติ

ในความเป็นจริง สถานการณ์แบบนี้ไม่ใช่ว่าจะเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก

ห้าพันปีมานี้ ปรากฏออกมามากครั้งแล้ว เฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่บาดเจ็บหนักทำให้เขาต้องมีสภาพที่อ่อนเพลียไปหลายวัน นอกเหนือจากนี้ ไม่มีอันตรายอื่นอย่างใด

โล่เฉินค้นหาเหตุของโรคที่เกิดขึ้นไม่เจอ หมดหนทาง จึงคิดเพียงแค่ว่าเป็นอาการดื้อรั้นอย่างหนึ่งของผู้ฝึกอมตะ

“หรืออาจจะกำลังเพิ่งพ้นผ่านช่วงพิบัติอมตะ การฝึกฝนสมาบัติเพียงแค่ช่วยฟื้นฟูพลังคืนมาเล็กน้อย ร่างกายก็ยังคงอ่อนเพลียอยู่”

สภาพอ่อนเพลียแบบนี้ แน่นอนว่าจะเกิดขึ้นกับปรมาจารย์บู๊ที่แกร่งกล้าเท่านั้น หากเมื่อเปรียบเทียบกับมนุษย์คนธรรมดาทั่วไปแล้ว สภาพร่างกายของโล่เฉินก็ยังจะแข็งแกร่งกว่าเป็นหลายเท่านัก

“ไม่ทราบเหมือนกันว่ายาสมุนไพรสามชนิดที่สั่งให้ฟ่านหงชางจัดหานั้น มีความคืบหน้าอย่างไรบ้าง เมื่อนำมาผสมกับเห็ดหลินจือพันปี กลั่นละลายเข้าด้วยกัน น่าจะมีพลังทำให้ร่างกายฟื้นฟูดีมากขึ้น”

ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น เห็นเงาของทั้งสองคนพุ่งเข้ามาในห้อง

“โล่เฉิน คุณเป็นอย่างไรบ้าง? ”

เห็นสายตาที่เป็นห่วงเป็นใยของหานหยู่เยนแล้ว โล่เฉินยิ้ม “ไม่เป็นอะไร ร่างกายแข็งแรงอยู่แล้ว ใช่แล้ว เรื่องบ้านพูดคุยปรึกษากันไปถึงไหนแล้ว กำหนดแล้วหรือยังว่าจะซื้อที่ไหน? ”

“พี่เขย เรื่องนี้ไม่ขอพูดถึงก่อน พี่สาวและคุณแม่ได้พนันกันไว้ว่า จะให้เงินคุณสามถึงห้าแสนเพื่อไปตั้งต้นทำธุรกิจ ภายในหนึ่งปีต้องประสบความสำเร็จ มิเช่นนั้น พวกเธอจะต้องทำการหย่ากัน”

หานหยู่ถิงพูดด้วยความหดหู่ใจ

โล่เฉินไม่สนใจแม้แต่น้อย “เรื่องนี้ง่ายมาก ฉันจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง”

“คุณเอาความมั่นใจมาจากไหนถึงกล้าพูดคำนี้ออกมา” หานหยู่ถิงเหลือบตาขาว พึมพำว่า “คุณไม่มีความถนัดชำนาญทางด้านไหนเลย อย่าคิดว่าเปิดร้านขายของแล้วก็จะหาเงินได้ หากว่าเริ่มต้นทำธุรกิจง่ายดายขนาดนั้น โลกนี้ก็คงไม่มีคนยากคนจนแล้ว”

“ใช่แล้วคุณพี่ คุณสามารถใช้อำนาจ ช่วยเหลือพี่เขยไง”

หานหยู่เยนส่ายศีรษะ: “ทำแบบนี้ได้อย่างไรกัน คุณแม่ต้องการให้โล่เฉินตั้งต้นด้วยตัวเอง แต่ว่าหยู่ถิง ฉันเชื่อมั่นในตัวเขามาก แน่นอนว่าจะประสบความสำเร็จ แกไม่ต้องเป็นกังวลหรอก”

“อย่างไรก็เป็นเรื่องของพวกเธอสองคน ฉันกังวลไปก็ไม่มีประโยชน์ โล่เฉิน คุณพยายามตั้งใจก็แล้วกัน แม้ว่าฉันจะไม่รู้สึกว่าคุณคือคนที่เหมาะสมที่จะเป็นพี่เขยที่ดีที่สุด แต่อย่างน้อยในช่วงเวลาที่ผ่านมาไม่นานนี้ เห็นว่าคุณก็พอใช้ได้ ในตอนนี้ คุณก็อยู่กับพี่สาวอย่างมีความสุขแล้วกัน”

หานหยู่ถิงท่าทางหยิ่ง แล้วก็พูดต่อ ถามว่า: “คุณพี่ อยู่ที่บริษัทเป็นอย่างไรบ้าง คุณย่ามีกลั่นแกล้งบ้างไหม วันนั้นที่บ้านเก่าแก่ คุณแม่เคยได้ดุด่าคุณย่าไว้”

โล่เฉินเงี่ยหูฟัง เป็นสิ่งที่เขาต้องการรับทราบเช่นกัน

“เปล่าไม่มี”

“ไม่มีเหรอ? มันเป็นไปไม่ได้ คุณย่าเปลี่ยนแปลงเป็นคนดีตั้งแต่เมื่อไหร่ แน่นอนว่าคงจะกำลังวางแผนการใหญ่ คุณพี่ต้องระมัดระวังด้วยนะ ต้องรักษาตำแหน่งผู้รับผิดชอบไว้อย่างมั่นคง โครงการเป็นของพี่ ไม่ใช่ของตระกูลหาน”

หานหยู่เยนจ้องตาเขม็ง พูดอย่างจริงจังว่า: “ห้ามพูดมั่วซั่วเด็ดขาด พวกเราต่างก็เป็นลูกหลานของตระกูลหาน โครงการแม้ว่าจะเป็นฉันที่คุยงานสำเร็จ แต่ก็ยังเป็นของตระกูลหาน”

“คุณพี่ คุณบ้าไปแล้วคิดง่ายดายแบบนี้เลยเหรอ”

“ฉันหมายความว่า มันเป็นของตระกูลหานทั้งหมด ไม่ได้เป็นของผู้ใดเพียงคนเดียว ไม่ใช่ของฉัน ไม่ใช่ของหานหยุนเทา และก็ไม่ใช่ของคุณย่า ตระกูลหานคือครอบครัวอันเป็นหนึ่งเดียว”

โล่เฉินหัวเราะอย่างข่มขื่น

ที่จริงแล้ว สามปีมานี้ เขาก็มองออกตั้งนานว่าหานหยู่เยนเป็นคนที่ใส่ใจความรู้สึกของคนในครอบครัว พูดให้เข้าใจโดยง่ายก็คือ หานหยู่เยนมีความคล้ายคลึงกับคุณย่าอยู่เรื่องหนึ่ง

นั่นก็คือ------

หวังที่จะนำพาให้ตระกูลหานกลับมารุ่งโรจน์ กลายเป็นตระกูลที่ประสบความสำเร็จ

เพราะการคนที่เป็นคนใส่ใจความรู้สึกของคนในครอบครัว ไม่ว่าหานหยู่เยนจะถูกกดขี่ข่มเหงเท่าไหร่อย่างไร เธอก็ยังคงไม่ออกจากบริษัทของตระกูลหาน แต่กลับยิ่งมุ่งมั่นตั้งใจทำงานมากขึ้น

ไม่รู้ว่าเป็นความเศร้าโศกเสียใจ หรือว่าเป็น......

หลังจากทานอาหารเที่ยงแล้ว ทุกคนก็เตรียมตัวที่จะไปดูบ้านหลังใหม่

โล่เฉินค่อย ๆ แอบใช้พลังเข็มมังกรเก้าหาง ช่วยให้หานเจี้ยนเย่ฟื้นตัวได้เร็วขึ้น ขณะเดียวกันก็ปิดจุดประสาทรับรู้ความเจ็บปวดของเขา ทำให้เขาสามารถที่จะไปดูบ้านหลังใหม่กับทุกคนได้

ทั้งสองคนรับรู้ซึ่งกันและกัน หานเจี้ยนเย่ไม่ได้เปิดโปงความลับว่าโล่เฉินรู้ในวิชาแพทย์แผนจีน

เดินสำรวจกันไปทั้งช่วงบ่าย สุดท้ายก็เลือกหมู่บ้านที่จัดว่าอยู่ในย่านชั้นสูงแห่งหนึ่งบริเวณวงแหวนรอบที่สอง

ซื้อบ้านที่อยู่ชั้นด้านบน มีตัวบ้านพร้อมสมบูรณ์ และตกแต่งครบเพียบพร้อม

เข้าอยู่ได้ทันที

ขนาดไม่เล็กเกินไป ประมาณหนึ่งร้อยยี่สิบกว่าสามสิบตารางเมตร เพียงพอสำหรับหนึ่งครอบครัวในการพักอาศัย

ยืนอยู่ตรงด้านหน้าของหน้าต่างบานใหญ่บริเวณระเบียงบ้าน สามารถที่จะมองเห็นชิงช้าสวรรค์เพียงหนึ่งเดียวของเมืองเจียง และยังมองเห็นวิวที่สวยงามของทะเลสาบ

ช่วงกลางคืน วิวทิวทัศน์สวยงามมาก

ไม่ว่าจะเป็นทำเลที่ตั้งหรือสภาพแวดล้อมต่างเป็นที่น่าพอใจ และยังคุ้มค่าคุ้มราคาอีกด้วย

“คุณพ่อคุณแม่ พวกเรามีบ้านหลังใหม่แล้ว สวยงามจริง ๆ ฉันต้องการห้องนี้”

หานหยู่ถิงดีใจราวกับว่าตนเองเป็นเด็กน้อย

หลิวเซียงหลันหน้าแดงก่ำ ยิ้มและพูดว่า: “ห้องทั้งสามห้อง แล้วแต่แกจะเลือกเลย พูดได้เลยว่าห้องรับแขกมีขนาดใหญ่มาก มีหน้าต่างบานใหญ่ติดพื้นหนึ่งด้าน เหมาะเป็นจุดชมทิวทัศน์ แบบนี้จึงเรียกว่าเป็นบ้านที่อยู่อาศัยของคนรวย สมบูรณ์แบบทุกสิ่งทุกอย่าง”

“คุณภรรยา พวกเราโชคดีมากจริง ๆ หมู่บ้านแห่งนี้โด่งดังมากในเมืองเจียง เจ้าของอสังหาริมทรัพย์แห่งนี้มีบ้านคุณภาพเยี่ยมเพียงไม่กี่หลังอยู่ในมือ เตรียมที่จะขายให้กับคนที่รู้จักและมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน คิดไม่ถึงว่าจะตกเป็นของพวกเราหนึ่งหลังด้วย”

หลิวเซียงหลันพูดอย่างภาคภูมิใจว่า: “ก็เป็นเพราะความเยี่ยมยอดของลูกสาวคนโตของพวกเรายังไงล่ะ”

หานเจี้ยนเย่หัวเราะดัง “ใช่น่ะสิ คิดไม่ถึงว่าเจ้าของอสังหาริมทรัพย์แห่งนี้เป็นเพื่อนที่ดีกับฟ่านหมิงผู้จัดการใหญ่ของบริษัทเฉิงหยู่ เป็นเพราะให้เกียรติต่อผู้จัดการใหญ่ฟ่านจึงได้ให้ส่วนลดกับพวกเราอีกยี่สิบเปอร์เซ็นต์ และยังมอบที่จอดรถให้ฟรีอีกสามช่องจอดรถ หากคิดเป็นเงินหยวนแล้ว ก็ตกที่ประมาณล้านกว่าเลยทีเดียว”

ญาติพี่น้องทุกคน และผู้บริหารทั้งหลายต่างก็ยิ้มแย้ม มีความเชื่อมั่นกับอนาคตตรงหน้าของบริษัท

นอกเสียจากหานหยู่เยน ที่มีสีหน้าท่าทางเป็นกังวล

“หานหยู่เยน แกทำไมมีอารมณ์ท่าทางแบบนี้ หรือว่าฉันพูดอะไรผิดไป หรือว่าแกไม่ต้องการที่จะเห็นตระกูลหานรุ่งโรจน์ขึ้นอีกครั้ง? ”

“หากไม่มีอะไรแกก็หยุดเฉย ๆ ดูบ้างก็ได้ ไม่ใช่ว่าจะต้องมาเพ่งเล็งที่ฉันอยู่ตลอดมันสะใจแกมากนักหรือไงกัน”

แม้ว่าหานหยู่เยนจะมีนิสัยที่ดีแค่ไหนก็ตาม แม้ว่าจะไม่ถือสาใด ๆ แต่การที่ถูกว่ากล่าวบ่อยครั้ง ในจิตใจก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเกิดความโมโห

เธอพึมพำขึ้นว่า: “คุณย่า ไม่กล่าวถึงการที่จะร่วมมือกับวิสาหกิจอื่น ๆ ว่าจะทำได้หรือไม่ได้ ถ้าหากว่าได้ร่วมมือกันจริง ๆ ท่านเคยคิดไหมว่า ความสามารถของตระกูลหานในตอนนี้ จะรับงานใหญ่ขนาดนั้นได้เหรอ”

“ทำไมกัน ดูถูกตระกูลหานงั้นเหรอ” หานหยุนเทาตบโต๊ะแล้วพูดอย่างเย็นชา

“คุณย่า คำเดียวไม่สามารถกลืนช้างทั้งตัวได้ ก้าวเดียวจะประสบความสำเร็จก็ไม่เป็นไม่ได้ ฉันกลับคิดว่า การที่วิสาหกิจเข้ามาลงทุนในเมืองเจียง พวกเราควรที่จะไปรู้จักสร้างปฏิสัมพันธ์ที่ดีให้เกิดขึ้นก่อน แต่ไม่ควรที่จะไปรับงานหรือสร้างความร่วมมือใด ๆ หากเกิดปัญหาขึ้น เวลานั้นความกดดันจะถาโถมเข้าใส่พวกเราอย่างหนักจนรับกับแรงกดดันไม่ได้”

“ช่างเหลวไหลไร้สาระสิ้นดี”

หานหยุนเทาหัวเราะ “ผู้หญิงก็คือผู้หญิงวันยังค่ำ กลัวหน้ากลัวหลัง ระแวงไปทุกด้าน แล้วแบบนี้จะทำงานใหญ่ได้อย่างไรกัน มีโครงการก็ไม่รับงาน ส่งมอบให้กับผู้อื่นทำแทน สมองมีปัญหาอะไรเหรอเปล่า”

ญาติพี่น้องต่างเหงื่อตกกันเลยทีเดียว

เด็กคนนี้ พูดอย่างไม่คิดหน้าคิดหลังให้รอบคอบ คุณนายใหญ่หานก็เป็นผู้หญิงเช่นกันไม่ใช่เหรอ

เป็นไปตามนั้นจริง คุณนายใหญ่หานมองตาขวางไม่พอใจ แล้วก็หันไปมองที่หานหยู่เยน

“ความกังวลของแกไม่ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล แต่มันเป็นโอกาสที่ดียากที่จะปฏิเสธ หากงานไหนสามารถรับงานได้ก็รับไปไม่ปฏิเสธ หากงานไหนที่พวกเราไม่มีเวลาหรือว่าโครงการใหญ่เกินไป ก็รับมาแล้วก็เอาท์ซอร์สไป ร่วมมือกันกับตระกูลอื่น ๆ”

“ตอนนี้ฉันจะมอบหน้าที่ให้กับทุกคน ทุกคนที่อยู่ที่นี่ทั้งหมด อย่างน้อยจะต้องคุยโครงการสำเร็จคนละหนึ่งโครงการ มิเช่นนั้น จะต้องลาออกด้วยตัวเอง”

หานหยู่เยนสีหน้าหมองคล้ำ

ไม่ใช่เป็นเพราะกังวลว่าจะคุยโครงการไม่สำเร็จ แต่รู้สึกว่าตระกูลหานคิดการใหญ่จนเกินไป

ทุกคนที่อยู่ในการประชุมหากไม่นับคุณนายใหญ่หานแล้วมีจำนวนสิบคน ก็แสดงว่าอย่างน้อยจะต้องคุยโครงการสำเร็จสิบโครงการ

ตระกูลหานมีความสามารถขนาดนี้เลยเหรอ?

มองไปยังทุกคนที่มีหน้าตามีท่าทางที่เชื่อมั่นอย่างที่สุด รวมถึงพูดคุยโม้โอ้อวดต่าง ๆ นา ๆ หานหยู่เยนรับรู้ได้อย่างลึกซึ้งว่า โรคอาการป่วยของคนในตระกูลหานได้หยั่งรากฝังลึกเรียบร้อยแล้ว

ความทะเยอทะยานคิดการใหญ่ ได้ทำให้คนทั้งตระกูลสูญเสียสติปัญญาไปหมดแล้ว

เรื่องนี้จำเป็นต้องได้รับการเปลี่ยนแปลงแก้ไข

หากไม่แก้ไข ตระกูลไม่เพียงจะไม่กลับมารุ่งโรจน์ แต่จะทำให้เกิดการล้มละลาย

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิผู้ฝึกอายุห้าพันปี