ทางฝั่งเมืองหลวง ม้าเร็วหลายตัวมองหน้าออกจากเมือง มุ่งหน้าตรงไปยังท่าเรือ
หลินผิง เฟิงฉิ้นหว่านมองข้อมูลที่เหว้ยหลันส่งมาให้ นัยน์ฉายแววสงสัยขึ้นมาทันที “หลายวันมานี้ นอกจาก ท่านชายสามแห่งตระกูลหยุน ก็ไม่มีใครเข้าใกล้อานผิงอ๋อง อีก?”
“เจ้าค่ะ” เหว้ยหลันพยักหน้า “ข้ารับใช้ได้เฝ้าดูอย่างละเอียด ไม่มีทางผิดพลาดแน่นอน”
“หลินผิงทางนี้มีข่าวสะพัด อีกทั้งยังเกิดเรื่องมากมายไม่หยุดหย่อน พวกองค์ชายสามไม่มีทางที่จะไม่ผิดสังเกต แต่ว่าครั้งนี้เขากลับไม่ได้ส่งคนมาใกล้ชิดอานผิงอ๋อง ช่างเป็นเรื่องน่าสงสัยเสียจริง”
เฟิงฉิ้นหว่านเผากระดาษในมือทิ้ง สะบัดนิ้วมือเล็กน้อย จากนั้นก็ยกน้ำชาที่อยู่ด้านข้างขึ้นมาจิบ
เหว้ยหลันยืนอยู่ด้านข้างกระพริบตาปริบ ๆ เดิมที่ตอนที่อยู่ข้างกายท่านชาย เพียงแค่ต้องขยันฝึกซ้อมศิลปะการต่อสู้ก็พอแล้ว และไม่ได้รู้สึกว่าตนเองนั้นโง่เขลากว่าคนอื่นตรงไหน แต่วันนี้มาอยู่ข้างกายคุณหนู กลับรู้สึกอยู่ตลอดว่าสมองที่มีอยู่มันไม่พอใช้
“คุณหนู หรือว่าทางองค์ชายสามยังไม่ได้รับข่าว?”
“องค์ชายสามสามารถมีหน้ามีตาอยู่ในราชวงวงศ์ได้ ได้รับการสนับสนุนจากข้าหลวงมากมาย กระทั่งก่อนนี้ยังสามารถจัดการดูแลและหาเงินจากสมาคมการค้าหนานเจียง จะเป็นไปได้อย่างไรที่จะไม่ได้รับข่าวแม้สักน้อย?”
“หรือว่าคนที่องค์ชายสามสั่งการยังมาไม่ถึง?”
“คนไม่มาก็ย่อมได้ แต่ว่าของขวัญเยี่ยมเยียนเหตุใดจึงจะส่งไปไม่ได้? ของขวัญส่งมาช้าไป อาจจะถูกคนอื่นฉวยโอกาสไปได้”
“เช่นนั้นคุณหนูคิดว่ามันเป็นเรื่องใดกันแน่?” เหว้ยหลันเอ่ยถามอย่างไม่พึงพอใจในความคิดของตนเอง
“เจ้าคิดว่าตระกูลหยุนเป็นเช่นไร?” เฟิงฉิ้นหว่านความคิดโลดแล่นอย่างรวดเร็ว
“ตระกูลหยุนถึงแม้จะเป็นผู้ค้า แต่ก็เป็นเจ้าค้าราชวงศ์ ไม่ว่าจะเป็นผู้ใด แต่สามัญชนกับเชื้อพระวงศ์มีความข้องเกี่ยวกัน เช่นนั้นย่อมไม่สามารถมองข้ามได้ อีกทั้งตระกูลหยุนทำธุรกิจอยู่ที่เจียงหนานมาหลายปี ครอบครองกิจการทอผ้าไหมที่ร่ำรวยที่สุด ห้องเสื้อของตระกูลหยุนได้เปิดกิจการไปทั่วทั้งเจียงหนาน แน่นอนว่าย่อมเป็นตระกูลที่ร่ำรวยเป็นระดับต้น ๆ”
“เช่นนั้นเจ้าคิดว่าสมาคมการค้าหนานเจียงก่อนหน้านี้กับตระกูลหยุน เมื่อเทียบกันแล้วเป็นเช่นไร?”
เหว้ยหลันมีท่าทีสงบนิ่ง มีความลังเลเล็กน้อย “คุณหนู บ่าวพูดเช่นนี้บางทีท่านอาจจะไม่ชอบฟัง แต่ในความเป็นจริงแล้วบ่าวคิดว่าสมาคมการค้าหนานเจียงกับตระกูลหยุนไม่มีสิ่งใดสามารถเทียบกันได้เจ้าค่ะ”
“ไม่ผิด ข้าก็คิดเช่นนั้น แต่ว่าสมาคมการค้าหนานเจียง องค์ชายสามก็ยื่นมือเข้าไปแทรกแซงแล้ว ตระกูลหยุนจะมีเงาของเขาอยู่หรือไม่?”
“สิ่งนี้คิดว่าเป็นไปไม่ได้ หลายปีมานี้ก็ไม่เคยได้ยินว่าตระกูลหยุนจะสนับสนุนองค์ชายองค์ใด อีกทั้ง ตระกูลหยุนไม่ว่าอย่างไรก็เป็นเจ้าค้า หากเขากล้าเข้าร่วมในการแข่งขัน เมื่อใดก็ตามที่มีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นแม้สักน้อย นั่นก็เท่ากับว่าเรือของสมาคมการค้าหนานเจียง เป็นสถานที่ตายโดยไม่มีหลุมฝังศพ”
เฟิงฉิ้นหว่านเงียบลงไปอย่างใช้ความคิด “เจ้าให้คนไปรวบรวมข้อมูลของตระกูลหยุนอีกครั้ง ข้าได้ยินมาว่านายท่านอาวุโสของตระกูลหยุนสุขภาพไม่ดีนัก ตอนนี้น่าจะมีความคิดที่จะเลือกลูกชายคนหนึ่งเพื่อมาเป็นนายท่านคนต่อไปแล้ว ข้าอยากรู้ว่าเขาจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร”
“เจ้าค่ะ”
เฟิงฉิ้นหว่านเดินออกไปนอกห้อง
ภายในจวนได้ปลูกต้นหอมหมื่นลี้ต้นสูงใหญ่ไว้ที่ใจกลาง ในเวลานี้ใบไม้ก็เขียวชอุ่ม บริเวณใต้ต้นหอมหมื่นลี้มีเก้าอี้โยกอยู่
เฟิงฉิ้นหว่านเอนตัวลงนอนบนเก้าอี้ หลับตาลง ใช้ความคิดอย่างละเอียดถี่ถ้วนพิจารณาว่าต่อไปจากนี้มีความเป็นไปได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ความคิดต่าง ๆ ความเป็นไปได้ต่าง ๆ ฉายแวบเข้ามาในสมองของนางอย่างต่อเนื่อง นี่คือวิธีการที่นางค้นพบตอนที่นางถูกทรมานอยู่ในจวนเฉิงเสี้ยงเมื่อชาติก่อน
อารมณ์ของเจ้าหมอผีที่คาดการณ์ไม่ได้ แค่เพียงกระพริบตาหรือเผลอขมวดคิ้วโดยไม่ทันระวัง ต่างก็มีความเป็นไปได้อย่างมากที่จะดึงดูดให้เขาระเบิดอารมณ์โมโหออกมาได้
ดังนั้นนางจึงต้องจินตนาการซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าเผชิญหน้ากับเขา จะต้องแสดงสีหน้าอย่างไร ใช้น้ำเสียงอย่างไร หรือแม้กระทั่งท่าทางการเคลื่อนไหวก็ยังจำเป็นต้องคิดให้รอบครอบ มีเพียงแค่สิ่งนี้เท่านั้นที่จะสามารถระมัดระวังและทำให้การถูกทรมานน้อยลงได้
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใดแล้ว สายลมเบา ๆ ค่อย ๆ พัดผ่านใบหน้าของนาง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาบุปผาซ่อนพิษ