น้ำเสียงของเฟิงฉิ้นหว่านเพิ่งจะจบลง อานผิงอ๋อง ก็ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว เป็นเพราะว่ารีบร้อนมากเกินไป ด้วยความไม่ระวังขาหลังจึงกระแทกเข้ากับเก้าอี้ เก้าอี้ล้มลงบนพื้นเสียงดังโครม
“แม่นางกล่าวเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?”
เฟิงฉิ้นหว่านเก็บหมอนเล็กสำหรับตรวจชีพจรด้วยท่าทางที่สงบ ปิดฝากล่องยา: “ถ้าหากท่านอ๋องมิใช่บุรุษ อีกทั้งก่อนหน้านี้ร่างกายแข็งแรง เกรงว่าจะประคับประคองเอาไว้ได้ไม่ถึงตอนนี้”
“ไข่มุกหินปะการังสีแดงเส้นนี้มีปัญหา?”
“แต่ละเม็ดล้วนเคยถูกแช่ด้วยยาน้ำสมุนไพรมามากกว่าร้อยครั้ง กลิ่นหอมสดชื่น อยู่ในมือก็เย็นสบาย สวมใส่ไว้บนร่างกายเป็นเวลานาน อีกทั้งสวมใส่ไว้บริเวณข้อมือที่ไวต่อปฏิกิริยาเช่นนี้ คุณสมบัติของยาที่อยู่ภายในไข่มุกหินปะการังได้ซึมซาบเข้าสู่ลายของผิวหนัง กัดกร่อนพลังชีวิตและร่างกายคนอย่างช้าๆ”
เมื่อมองดูไข่มุกหินปะการังเส้นนี้แล้ว เฟิงฉิ้นหว่านก็นำเรื่องราวทั้งหมดปะติดปะต่อกันขึ้นมา
สาเหตุที่เห้อเหลียนฉางเซิงถูกส่งเข้ามาเป็นตัวประกันในราชสำนัก จะต้องเป็นเพราะร่างกายของอานผิงอ๋อง นั้นเกิดความผิดปกติเป็นแน่ แต่ทว่าชาติก่อนกลับไม่ได้ยินถึงข่าวการจากไปของอานผิงอ๋อง นั่นก็หมายความว่าอานผิงอ๋อง ยังสามารถประคับประคองได้ แต่ทว่าก็ไร้กำลังปกป้องเห้อเหลียนฉางเซิงแล้ว
ผลลัพธ์เช่นนี้เกรงว่าจะเป็นจุดประสงค์สุดท้ายของมือมืดเบื้องหลัง
เห้อเหลียนฉางเซิงถูกส่งเข้ามายังเมืองหลวงแล้ว ก็เท่ากับจุดอ่อนของว่าอานผิงอ๋อง ถูกจับเอาไว้แล้ว มิใช่ว่าต้องการจะให้เขาทำอะไรเขาก็ต้องทำอย่างนั้นหรอกหรือ?
เมื่อมองดูเช่นนี้ ชาติที่แล้วหลินผิงเป็นหนึ่งในสถานที่ติดต่อค้าขายตัวเลือกสุดท้ายของตงเหว้ย ไม่แน่ว่าอาจจะไม่ใช่เป็นเรื่องบังเอิญ แต่ว่าเป็นผลลัพธ์การดำเนินงานของผู้อยู่เบื้องหลัง
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เฟิงฉิ้นหว่านก็ขมวดหว่างคิ้วขึ้นโดยไม่ตั้งใจ: ถ้าหากว่าสิ่งที่นางคาดเดาเป็นความจริง ถ้าเช่นนั้นตอนนี้การที่นางคบค้าสมาคมกับอานผิงอ๋อง ก็จะต้องถูกผู้ที่อยู่เบื้องหลังนี้จับตามองเป็นแน่ ฝ่ายตรงข้ามจะโจมตีตอนไหนก็บอกแน่นอนไม่ได้
สีหน้าของอานผิงอ๋อง ซีดขาวเป็นอย่างยิ่ง นิ้วมือบีบไข่มุกหินปะการังเส้นนั้นเอาไว้แน่น: “ข้าใส่ไข่มุกหินปะการังเส้นนี้สัมผัสกับฉางเซิงเป็นประจำ อาจจะเกิดผลกระทบต่อร่างกายของเขาได้ด้วยใช่หรือไม่?”
“บนไข่มุกหินปะการังเส้นนี้มีกลิ่นหอม ถ้าดมแค่นิดหน่อยละก็ผลกระทบไม่มาก แต่ถ้าหากว่าสัมผัสเป็นระยะเวลานานหลายปี จะมากจะน้อยก็ล้วนได้ดูดซับคุณสมบัติของยาบ้างบางส่วน”
สีหน้าของอานผิงอ๋อง บิดเบี้ยวเล็กน้อย ภายในดวงตาทั้งสองข้างปรากฏสีแดงก่ำออกมา: “แม่นางเฟิง ท่านแน่ใจว่าไม่ได้ดูผิด?”
จะว่าไปแล้ว ร่างกายของฉางเซิงนับวันยิ่งแย่ลง ก็มีสาเหตุมาจากเขาเช่นกัน?
“ไม่ผิดเป็นแน่”
“แต่ทว่ามีหมอจำนวนมากมายอยู่ข้างกายข้า พวกเขาล้วนมองไม่ออกว่าไข่มุกเส้นนี้มีความผิดปกติอย่างไร”
“หมอข้างกายท่านอ๋องมีจิตใจที่จงรักภักดีหรือไม่ข้ามิอาจทราบได้ แต่ทว่าฝีมือการรักษาโรคนี้กลับแย่พอสมควรเลยทีเดียว ศึกษาเป็นเวลาสิบกว่าวันแล้ว แม้แต่ข้าทายาสมุนไพรอะไรเอาไว้บนปลาคราฟก็ยังไม่ทราบ” น้ำเสียงของเฟิงฉิ้นหว่านมีความเยือกเย็น
“ความหมายของเจ้าคือหมอเหล่านั้น......พวกเขาทรยศข้า?”
“ข้ามิได้บอกว่าทรยศ เพียงแต่บอกว่าฝีมือการรักษาโรคของพวกเขาไม่เชี่ยวชาญ”
“หมอเหล่านั้นล้วนเป็น......ล้วนเป็นหมอที่เสด็จพี่ส่งมาให้ข้า ถ้าหากบอกว่าฝีมือการรักษาโรคของพวกเขาไม่เชี่ยวชาญ......” อานผิงอ๋อง ขบกรามแน่น เพียงชั่วพริบตาเดียวภายในปากก็มีกลิ่นคาวเลือด
“ท่านอ๋อง ความโกรธแค้นไม่มีประโยชน์ ต่อจากนี้ควรทำอย่างไรนั่นถึงจะสำคัญยิ่งกว่า ร่างกายของท่านอ๋องได้รับการกัดกร่อนจากไข่มุกหินปะการังสีแดงเส้นนั้นเป็นเวลานาน ในตอนนี้พิษร้ายได้เข้าสู่ลายของผิวหนังเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึมซาบสู่อวัยวะภายในทั้งห้าแล้ว ถ้าหากว่ากำจัดทิ้งไม่ทันเวลา เกรงว่าเวลาของท่านอ๋องจะเหลือไม่มาก เมื่อถึงเวลานั้น ท่านชายน้อยทางนั้นจะไร้คนคุ้มครอง จะต่างอะไรกับเนื้อปลาบนเขียง?”
เมื่อนึกถึงรอยยิ้มที่งดงามของเห้อเหลียนฉางเซิงตอนที่เห็นตนเองในตอนนั้น สุดท้ายเฟิงฉิ้นหว่านก็ยังพูดเตือนสติขึ้นมาอีกหนึ่งประโยค
“ท่านอ๋อง ในตอนนี้ท่านไม่ได้มีชีวิตอยู่เพื่อตนเองเพียงผู้เดียว ชีวิตของท่านและชีวิตของท่านชายน้อยเป็นลมหายใจของกันและกัน อีกทั้งข้ามองดูท่านชายน้อยก็เป็นเด็กที่มีจิตใจดีงามและกตัญญู ถ้าหากว่าร่างกายของท่านอ๋องเกิดปัญหาขึ้นมาอย่างกะทันหัน อีกทั้งผู้อื่นก็จะใช้ความเป็นความตายของท่านอ๋องมาบังคับขู่เข็ญ เกรงว่าท่านชายน้อยก็จะถูกวางแผนทำร้ายจนไม่เหลือแม้แต่กระดูก”
อานผิงอ๋อง น้ำเสียงแหบแห้ง: “ข้าไม่มีทางยินยอมให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นอย่างเด็ดขาด!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาบุปผาซ่อนพิษ