ฟู่ลั่วเฉินกุมมือเฟิงฉิ้นหว่านไว้อย่างแน่น รอยย่นระหว่างคิ้วดูเหมือนจะยืดออกเล็กน้อย เฟิงฉิ้นหว่านรอให้เขานอนหลับอย่างสงบอีกครั้ง ถึงจะตัดสินใจที่จะเอามือตัวเองออกมาจากที่กุมอยู่ แต่พบว่าตราบใดที่มีการเคลื่อนไหว ฟู่ลั่วเฉินก็จะรู้สึกสะดุ้ง ในท้ายที่สุดก็ทำได้เพียงปล่อยให้เขากุมมือของตัวเองไว้
เฟิงฉิ้นหว่านสังเกตหน้าของฟู่ลั่วเฉินอย่างตั้งใจ สีหน้าในสายตายิ่งมองแล้วยิ่งยุ่งเหยิง วันนี้ที่ติดอยู่ในเพลิงที่ลุกไหม้ นางคิดว่านางไม่มีทางรอดแล้วจริงๆ ความสิ้นหวังในขณะนั้นเกือบจะครอบงำความหวังสุดท้ายในใจนาง จนได้รับการช่วยเหลือจากฟู่ลั่วเฉินอีกครั้ง ณ ช่วงเวลาที่ได้สูดอากาศอันแสนบริสุทธิ์นั้นอีกครั้ง มีความรู้สึกถึงการทำลายรั้งและได้เกิดใหม่เลยจริงๆ
เฟิงฉิ้นหว่านค่อยๆหลับตาลง สิ่งที่ไม่เคยคิดอย่างจริงจังมาก่อน ตอนนี้กลับกลายเป็นการวนเวียนอยู่ในใจ ที่ผ่านมาการที่ฟู่ลั่วเฉินแสดงความใกล้ชิดในทุกรูปแบบ มองออกเลยว่าเขาตั้งใจแสดงให้คนรอบข้างเห็น แล้วครั้งนี้ละ? ครั้งนี้ก็เป็นการเเสดงเหมือนกันเหรอ?
ริมฝีปากของเฟิงฉิ้นหว่านได้ยิ้มพร้อมกับความทุกข์ ถ้าบอกว่าแบบนี้ก็เป็นการแสดงด้วย ถ้าอย่างนั้นก็ไม่แปลกเลยที่ชาติก่อนฟู่ลั่วเฉินได้หลอกลวงผู้มีอำนาจทั่วใต้ฟ้า แม้กระทั่งอย่างน้อยนางผู้ที่บังเกิดใหม่ ก็ยังอยากที่จะเชื่อในบางส่วน
เฟิงฉิ้นหว่านนั่งเหม่อเป็นเวลาอันยาวนาน ก็มีเสียงเท้าเดินที่ย่องมาเบาๆจากตรงประตู หยุนซวนพยายามที่จะรีบเดินมา “แม่นางเฟิง ฮูหยินได้กลับไปยังบ้านของตระกูลเฟิงอย่างปลอดภัยแล้ว ยังได้ส่งคนไปเฝ้าระวังตรงนั้นด้วย แม่นางไว้ใจได้เลย”
“องครักษ์หยุนซวน ท่านและท่านชายดูเหมือนจะเหนื่อยขีดสุดแล้ว ตลอดวันที่ผ่านมานี้เดินทางตลอดเลยหรือ?”
หยุนซวนรีบพยักหน้า “แม่นางไม่รู้หรอก ตลอดวันที่ผ่านมานี้ ท่านชายจะหลับเป็นเวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงก็ต่อเมื่อเขาทนไม่ไหวจริงๆ เวลานอกเหนือจากนี้ก็คือเดินทางตลอด ไม่ได้พักแม้แต่ตอนที่ฝนตกหนัก”
หยุนซวนพูดเสร็จ ความภาคภูมิใจได้แวบเข้ามาในใจ ท่านชายไม่ต้องขอบเจ้า สิ่งเหล่านี้ข้าน้อยควรทำอยู่แล้ว
สีหน้าการแสดงออกของเฟิงฉิ้นหว่านยิ่งมีความซับซ้อนมากขึ้น “วังจวนอ๋องไม่เป็นไรใช่หรือ?”
“วังจวนอ๋องทางนั้นไม่เป็นไร ท่ามกลางนั้นมีคนทรยศ ท่านชายจะหาวิธีจัดการแน่นอน”
“ดีแล้ว! องครักษ์หยุนซวนดูเหมือนจะเหนื่อยล้าจนขีดแล้ว กลับไปพักผ่อนเถอะ ทางนี้ข้าจะดูแลท่านชายเอง”
“ถ้าอย่างนั้นก็รบกวนแม่นางเฟิงด้วยนะ”
หยุนซวนพยักหน้าเรื่อยๆ เขาก็แทบจะอ่อนเพลียไม่ไหว ระหว่างทางกลับมานั่งบนรถม้าก็แทบจะหลับไปแล้ว
ในห้องนอนก็สงบลงอีกครั้ง มืออีกข้างของเฟิงฉิ้นหว่านถูกฟู่ลั่วเฉินจับไว้ไม่สามารถดึงออกมาได้ นางจึงยอมที่จะนั่งตรงที่เหยียบข้างล่างของเตียง แล้วนอนเอ็นกายคว่ำตรงข้างเตียงค่อยๆกลับไป
ในความฝันที่สะลึมสะลือ ได้ฝันถึงไฟลุกโชนอีก และคราวนี้ไฟได้ไหม้ลามไปยังแขนนาง ทันใดนั้นนางได้สะดุ้งตื่นจากความฝัน จากนั้นก็พบว่าฟู่ลั่วเฉินนอนอยู่ใกล้ขอบเตียง นำแก้มของเขาแนบติดกับแขนของนาง อุณหภูมิที่ร้อนรนจากแขนของนาง ทำให้เฟิงฉิ้นหว่านตื่นจากความง่วงขึ้นมาทันที นำมือไปลูบบนหน้าผากของฟู่ลั่วเฉิน ทันใดนั้นสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมา ฟู่ลั่วเฉินไข้ขึ้นแล้ว แถมยังไข้สูงอีกด้วย เฟิงฉิ้นหว่านรีบเรียกตะโกน ได้เรียกองครักษ์เข้ามา ได้อ่านสูตรยาให้พวกเขาเตรียมน้ำร้อนใสพร้อมสมุนไพร แขนยังคงเอาออกมาไม่ได้ นางจึงต้องบีบน้ำออกจากผ้าด้วยมือข้างเดียว วางบนหน้าผากของฟู่ลั่วเฉิน วันเวลาที่ผ่านมานี้ ฟู่ลั่วเฉินเร่งที่จะเดินทาง ทำให้ร่างกายทรุดโทรมไปแล้วแค่ไหน รวมถึงแผลบนแขนที่ทำให้กลายเป็นหนอง ไข้ขึ้นทั้งคนแบบนี้ก็ยากที่จะควบคุม ยังดีที่สามารถรับประทานยาน้ำได้
เฟิงฉิ้นหว่านเทยาน้ำอันเข้มข้นให้กับเขาชามหนึ่ง ฤทธิ์ของยาช่วยได้เพียงเล็กน้อย สุดท้ายก็ไม่มีทางเลือก นางจึงต้องปลดกระดุมเสื้อที่ฟู่ลั่วเฉินเพิ่งเปลี่ยนออก ใช้ผ้าเย็นเช็ดตรงบริเวณหน้าอกของเขาเพื่อให้ไข้ลด ครั้งนี้ก็ใช้เวลาไปประมาณเกือบสองชั่วโมง ตอนที่ฟ้าเริ่มค่อยๆสว่าง ตัวของฟู่ลั่วเฉินที่ร้อนรนด้วยไข้สูงก็ได้ค่อยๆบรรเทาลง
เฟิงฉิ้นหว่านได้ถอนหายใจ นางอิงตรงขอบเตียงและค่อยๆหลับไป แสงพระอาทิตย์ส่องเข้ามาในห้อง หยุนซวนผู้ที่หลับอย่างสบายไปเพียงกี่ชั่วโมงรู้สึกว่าตัวเองได้ฟื้นขึ้นมาใหม่ เขาได้มาถึงหน้าห้องของฟู่ลั่วเฉิน มองไปยังองครักษ์สองท่านที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตู “ท่านชายและแม่นางเฟิงตื่นหรือยัง?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาบุปผาซ่อนพิษ