หยุนซวนได้ออกจากที่นั่น ฟู่ลั่วเฉินพิงอยู่ขอบข้างเตียง แสงประกายในดวงตาค่อนข้างที่จะคาดเดายาก
เฟิงฉิ้นหว่านได้ทำข้าวต้มมังสวิรัติ ยังได้เตรียมอาหารอีกสองจานที่ปรุงแต่งเพื่อให้ท่านชายได้มีความอยากอาหาร นางได้ถือมายังห้องของฟู่ลั่วเฉิน
“ท่านชาย อาหารเช้าได้ทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว” เฟิงฉิ้นหว่านได้แสดงสีหน้ายิ้มแย้มด้วยความอบอุ่น “ท่านชายจะรับประทานบนเตียง หรือจะลงมารับประทานบนโต๊ะ?”
ฟู่ลั่วเฉินนึกถึงประโยคที่หยุนซวนได้กล่าวไว้เมื่อสักครู่ที่ผ่านมา หนังหน้าต้องหนา? ถ้าหากว่าไร้ประโยชน์ ควรใช้ก้อนแห่งสมบัติน้ำลมนั้นแล้วจริงๆ
“แค๊กๆ หน้าอกของข้าเจ็บปวดมากเกินไป ตอนนี้ขยับตัวไม่ได้”
ขยับไม่ได้แล้ว ถ้าอย่างนั้นแสดงว่าสามารถที่จะให้เฟิงฉิ้นหว่านป้อน?
“ข้าคิดออกแล้ว เมื่อกี้ที่ผ่านมาตอนข้าออกไปทำกับข้าว ได้ถามท่านพี่องครักษ์ทั้งสองท่านตรงหน้าประตู ให้พวกเขาช่วยหาโต๊ะเล็กๆอันหนึ่งวางบนเตียงพอดีกับการที่ท่านชายใช้รับประทานอาหาร”
องครักษ์ตรงประตูได้ยินคำสั่ง พวกเขารีบไปนำโต๊ะเล็กๆที่ได้เช็ดทำความสะอาดเรียบร้อยแล้วนั้นมาวางลงบนเตียง ความสูง ความกว้าง กำลังพอดี
สายตาฟู่ลั่วเฉินได้เพ่งมองไปยังโต๊ะเล็กๆ ทันใดนั้นรู้สึกว่าองครักษ์เหล่านั้นไม่ใส่ใจเหมือนกับหยุนซวนเลยจริงๆ
เฟิงฉิ้นหว่านนำอาหารวางบนโต๊ะเล็กของฟู่ลั่วเฉิน ได้จัดวางช้อนและตะเกียบ และสีหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มได้กล่าวว่า “ท่านชายรีบรับประทานเถอะ”
“แล้วเจ้าละ?”
“ห้องครัวยังเหลือไว้หน่อยหนึ่ง รอท่านชายรับประทานเสร็จ ข้าค่อยไปรับประทานสักหน่อย”
สายตาของฟู่ลั่วเฉินได้จมลง “เจ้าไม่รู้หรือไงว่าถ้าเรื่องแบบนี้ได้ถูกแพร่ออกไป คนอื่นอาจพูดว่าข้านั้นได้ปฏิบัติต่อข้าน้อยอย่างเข้มงวด?”
เฟิงฉิ้นหว่านซึมไปสักครู่หนึ่ง โดยปกติแล้วเจ้านายกับข้าน้อยก็คือต้องแบ่งแยกความอยู่สูงต่ำกันอย่างชัดเจนอยู่แล้ว เป็นเรื่องธรรมดาไม่ใช่หรือที่ไม่ร่วมรับประทานอาหารด้วยกัน? เหตุใดถึงกล่าวถึงการกระทำความเข้มงวดไม่เข้มงวดละ?
“ท่านชาย……”
“เจ้าไปเอาของเจ้ามาตรงนี้ มารับประทานร่วมกับข้า”
เฟิงฉิ้นหว่านเห็นว่าฟู่ลั่วเฉินได้พูดอย่างแน่วแน่ จึงไม่พูดอะไรมากอีก กล่าวคำขอบคุณอย่างดีอกดีใจ “ขอบคุณท่านชาย”
ทั้งสองคนรับประทานอย่างเงียบๆบนโต๊ะที่วางอยู่บนเตียง บางทีก็สบตากัน ถึงแม้จะไม่พูดกันสักคำ แต่ได้เผยให้เห็นถึงความอบอุ่นอันจางๆ
จนถึงตอนที่ได้เก็บถ้วนจานบนโต๊ะ เฟิงฉิ้นหว่านอดไม่ได้ที่จะตะลึงสักพัก เหมือนไม่ได้รับประทานอาหารที่สถานการณ์เงียบสงบแบบนี้มาเป็นเวลานานมากแล้ว
ตั้งแต่เกิดใหม่ยันปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นการเดินการขยับตัวก็ไม่กล้าที่จะรู้สึกผ่อนคลาย ตอนที่เดินนั่งยืนนอน ความคิดในหัวก็มักจะชอบนึกวางแผนถึงวันในอนาคตข้างหน้า แต่ไม่รู้ว่าทำไม เมื่อกี้ขณะที่กำลังรับประทานอาหารอยู่ ดันไม่นึกถึงอะไรเลย
ฟู่ลั่วเฉินให้องครักษ์มาเก็บโต๊ะเล็กลงไป จ้องไปยังเฟิงฉิ้นหว่าน “ก่อนที่เจ้าจะไปทำกับข้าว ได้บอกว่ามีเรื่องจะบอกข้า ตอนนี้บอกได้แล้ว”
เฟิงฉิ้นหว่านปรับเปลี่ยนสีหน้าที่แสดงออกอย่างรวดเร็ว แม้แต่รอยยิ้มบนในหน้าของนางก็จางลงเล็กน้อย
ได้เห็นเขาในท่าทางลักษณะนี้ ฟู่ลั่วเฉินรู้สึกประหม่าใจขึ้นมา อยู่ๆก็จริงจังขึ้นมา หรือว่าคิดวิธีอะไรออกมาแล้วเพื่อเป็นการรับผิดชอบตัวข้า?
เฟิงฉิ้นหว่านแยกแยะความคิดอย่างละเอียด เพิ่งจะกล่าวออกจากปาก “ท่านชาย ตลอดเวลาที่ท่านได้ออกไปจากที่นี่ ได้เกิดเหตุการณ์ขึ้นมามากมาย โดยเฉพาะพวกผู้ค้าขายที่ได้ลงนามโฉนดการค้ากับข้า ส่วนใหญ่เลือกที่จะเปลี่ยนใจอย่างกระทันหัน ทำตามความป้องปรามของตระกูลหยุน อย่างไรก็ตามยังมีหวางจื้อหยวนและคนอื่นๆแน่วแน่ที่จะยืนข้างข้า”
ทันใดนั้นหลังอันแข็งเล็กน้อยของฟู่ลั่วเฉินก็ได้ผ่อนคลายลง ดวงตาของท่านได้กวาดไปที่มุมริมฝีปากอันเป็นสีชมพูอ่อนของเฟิงฉิ้นหว่าน
ปากนางดูดีจริงๆ เหมือนกลีบดอกไม้บานสะพรั่ง เงางามชมพูอ่อน แต่นางก็ไม่ได้พูดสิ่งที่ท่านชายอยากจะฟัง!
“แล้วยังไงต่อ”
“จากนั้นข้าก็ได้ร่วมมือกับพวกเขาในการลงทุนค้าขาย……” เฟิงฉิ้นหว่านบอกเรื่องที่ได้ปรึกษากับหวางจื้อหยวนและคนอื่นๆเกี่ยวกับกลยุทธ์ทั้งหมดให้กับฟู่ลั่วเฉินได้รับรู้ “ท่านชาย ท่านพ่อเคยกล่าวกับข้าไว้ อย่าดูถูกผู้ที่ยากจนเด็ดขาด บางคนในพวกเขาอาจไม่มีความสามารถมากนัก แต่ถ้าหากว่าผู้คนยากคนในโลกนี้มาร่วมมือกัน มีพลังล้นเหลือที่จะเอาชนะทุกอย่างได้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาบุปผาซ่อนพิษ