เฟิงฉิ้นหว่านขยิบตาให้เหว้ยหลัน จากนั้นก็ออกจากอารามไป เดินไปยังที่ฟู่ลั่วเฉินอยู่ “ท่านชาย รออยู่แบบนี้เบื่อมากหรือไม่เจ้าคะ ?”
ฟู่ลั่วเฉินกักเก็บความคิดที่มี “ตั้งใจรอ ก็จึงย่อมไม่รู้สึกเบื่อ”
เฟิงฉิ้นหว่านยิ้มและนั่งลงข้างๆฟู่ลั่วเฉิน นิ้วไปโดนถ้วยชาที่อยู่ด้านข้าง เพราะแรงสะเทือนที่มี จึงทำให้น้ำชากระฉอกออกมาอย่างไม่ทันระวัง
นางเอานิ้วจุ่มลงไปในน้ำ ขีดเขียนตัวหนังสือลงบนโต๊ะราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น :ไส้ศึก
ฟู่ลั่วเฉินตะลึงงันเล็กน้อย ในใจมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีเกิดขึ้น พูดเสียงเบา“เจ้ารู้ได้อย่างไร?”
เมื่อได้ยินฟู่ลั่วเฉินเอ่ยถาม เฟิงฉิ้นหว่านมั่นใจว่ารอบๆบริเวณไม่มีใครอยู่ จึงตอบกลับเสียงเบา
“เจ้าอาวาสวัดอานหลิงมีท่าทีแปลกๆ เมื่อไม่กี่วันก่อน ตอนที่ข้ากับท่านแม่ขึ้นเขามา เจ้าอาวาสวัดอานหลิงในตอนนั้นลงเขาไปท่องเที่ยว พูดว่าไปท่องเที่ยว อันที่จริงคืออยากจะรวบรวมผู้แสวงบุญเพิ่ม เพื่อเรี่ยไรเงินทุนซ่อมบำรุงวัดอานหลิง จะเห็นได้ว่า อันที่จริงแล้ววัดอานหลิงนั้นขาดแคลนอย่างมาก แต่เจ้าอาวาสคนเมื่อครู่สวมใส่จีวรสีม่วงทอง ที่มูลค่าราคาสูง”
ฟู่ลั่วเฉินกระแอมไอเสียงเบา ปกปิดความอึดอัดในดวงตา“แค่สิ่งนี้ ก็ระบุว่าเขาเป็นไส้ศึกได้แล้วอย่างนั้นหรือ ?”
“นอกจากจีวรแล้ว หมึกที่ใช้คัดลอกพระคัมภีร์ในวัด ก็ยังเป็นผงอบเชยทองคำ หมึกแท่งหนึ่งก็ตั้งหลายสิบตำลึง อย่าว่าแต่วัดเล็กๆอย่างวัดอานหลิงเลย วัดฮั๋วกวงที่ใหญ่โตและเลื่องชื่อในเมืองหลวง ก็ยังไม่มีของใช้ดีๆที่ว่านี้เลย”
“แล้วเจ้ามั่นใจได้อย่างไรว่าเขาคือไส้ศึก ?”
“บนตัวของเขามีกลิ่นของเครื่องหอม มันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของตงเหว้ย เป็นแบบเดียวกันกับบนตัวของอ๋องผิงหวางเลย ”
หยุนซวนที่อยู่ด้านข้างสูดหายใจเข้าลึก “ซี้ด!”
นี่เพิ่งจะพบปะกัน แม่นางเฟิงก็แทบจะลอกคราบลุงฉีออกมาแล้ว นัยน์ตาช่างเฉียบคมเสียจริง!
สายตาของเฟิงฉิ้นหว่านหนักแน่น“สีหน้าองครักษ์หยุนซวนเมื่อครู่ดูเป็นกังวลยิ่ง ตรวจเจออะไรรอบๆบริเวณวัดอานหลิงหรือไม่?”
ฟู่ลั่วเฉินเพิ่งจะกล่าวไป องค์ชายรองกับองค์ชายสามอาจจะรู้เรื่องการปลอมตัวของเขาแล้ว ในตอนนี้ที่วัดอานหลิงก็มาเกิดเรื่องแปลกเช่นนี้ ดูยังไงก็ราวกับเป็นกับดักที่พวกเขาวางเอาไว้
คิดได้เช่นนี้ เฟิงฉิ้นหว่านก็ครุ่นคิด ดูว่ายาพิษที่ตัวเองมีนั้นเพียงพอหรือไม่
สีหน้าหยุนซวนก็ยิ่งจะกังวลหนักเข้าไปอีก สายตาอดไม่ได้ที่จะชำเลืองมองไปยังฟู่ลั่วเฉิน นี่จะตอบไปยังไงดี ?
ฟู่ลั่วเฉินขบคิดอยู่ชั่วครู่ ก็เกิดความคิดขึ้นมา ที่ฉียุ่นเซิงเร่งรีบตามมา ทางฝั่งท่านพ่อคงได้บอกกล่าวอะไรไปแล้วแน่ ดังนั้นก็จึงมาร่วมประสมโรงด้วย โดยทั่วไปแล้วเขามักจะพำนักอยู่ที่ตงเหว้ยกับต้าลี่ จากนี้ไปหากทางอ๋องผิงหวางมั่นใจในเรื่องการทำการค้ากับต่างเมืองแล้ว บางทีก็อาจต้องพึ่งเขามาคอยดูแลให้อยู่เบื้องหลัง ดังนั้นสถานะนี้ก็คงจะปกปิดไม่มิด
“อันที่จริงแล้วเจ้าอาวาสคนเมื่อครู่……”
“โยมสีกาอยู่นี่เองหรอกหรือ ฮูหยินท่านคัดลอกพุทธคัมภีร์เสร็จแล้ว ในตอนนี้ขอเชิญโยมสีกา ไปอัญเชิญขึ้นประดิษฐานต่อหน้าพระพุทธรูปพร้อมเพรียงกัน ”
ฟู่ลั่วเฉินยังไม่ทันได้กล่าวจบ ก็เห็นเจ้าอาวาสฉียุ่นเซิงเดินเข้ามา ใบหน้าของเขายังคงมีรอยยิ้ม ในจังหวะที่เฟิงฉิ้นหว่านไม่ทันได้สังเกต ก็ขยิบตาให้ฟู่ลั่วเฉิน
เฟิงฉิ้นหว่านรีบลุกขึ้นยืน เมื่อครู่เจ้าอาวาสคนนี้กล่าวถึงท่านแม่ของนาง หรือใช้จังหวะที่นางออกมา ควบคุมท่านแม่นางได้แล้วและคิดจะข่มขู่ ? ก็ให้เหว้ยหลันอยู่ด้วยแล้วนี่นา ? เหตุใดถึงไม่ได้ยินเสียงอันใดเลย ?
“ข้าจะตามเจ้าอาวาสไปเดี๋ยวนี้ ”
นางต้องแน่ใจก่อนว่าท่านแม่ปลอดภัยดี
สีหน้าของฟู่ลั่วเฉินยังคงสงบนิ่ง แต่ในแววตากลับไหววูบ นิ้วมือกำเข้าหากันเล็กน้อย ครุ่นคิดหาวิธีว่าจะกำจัดบุคคลนี้ให้หายไปอย่างไม่รู้ตัวได้อย่างไร
ฉียุ่นเซิงเดินนำเข้าไปในวิหารก่อน ความหนาวเย็นรุนแรงลุกลามในใจเฟิงฉิ้นหว่าน วินาทีถัดมา ก็ได้ยินเสียงของเสิ่นเยว่ดังขึ้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาบุปผาซ่อนพิษ