ฟู่ลั่วเฉินเงยหน้าขึ้นมองเฟิงฉิ้นหว่าน แววตาเฝ้ารออย่างพูดไม่ออก เขายังจงใจตั้งท่านั่งและ เตือนนางอีกครั้ง:“เอาหล่ะ ตอนนี้เจ้าโมโหหึงได้แล้ว”
เฟิงฉิ้นหว่านสบตาฟู่ลั่วเฉิน ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกแค่เขินอาย
“ท่านชายค่อยลองใหม่ภายหลังเถอะ ตอนนี้อารมณ์ยังดีๆอยู่ ข้าไม่รู้จะพูดยังไง”
ฟู่ลั่วเฉินแสดงสีหน้าอย่างจริงจังทันที:“เราจะทำเรื่องอะไรก็ต้องมีใจเด็ดเดี่ยว อดทนให้ถึงที่สุด จะยอมแพ้กลางทางได้อย่างไร?ตอนนี้ไม่มีคนอื่นเจ้ายังรู้สึกเขินอาย หากวันใดต้องเจอกับสถานการณ์แบบนี้อีกครั้ง ไม่รู้ว่าต้องทำยัง ถึงตอนนั้นต้องเกิดพิรุธเป็นแน่ "
เฟิงฉิ้นหว่านรีบพยักหน้าตอบ:“ข้ารู้ จู่ๆก็รู้สึกเขินอายขึ้นมาก”
สีหน้าของฟู่ลั่วเฉินจริงจังขึ้น:“เจ้าจะทำแบบนี้ไม่ได้ ตามข้อตกลงในสัญญาของเราครั้งก่อน เจ้าจะต้องแกล้งเป็นคู่รักกับข้า เพื่อหลอกลวงองค์ชายรองและองค์ชายสาม เพราฉะนั้นเจ้าต้องจำให้ขึ้นใจ วันหลังเจ้าต้องพูดและกระทำเช่นคนรักกันจริงๆ อย่าให้เกิดพิรุธจนน่าสงสัยเด็ดขาด
“ข้าขอให้สัญญากับท่านชายว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีกแน่นอน”
“ครั้งก่อนเจ้าก็พูดแบบนี้” ฟู่ลั่วเฉินแถไปเพราะไม่อยากให้เฟิงฉิ้นหว่านผ่านไปง่ายๆ
เฟิงฉิ้นหว่านกัดริมฝีปากเบาๆ แล้วกระทืบเท้าอย่างแรง นัยต์ตาก็มีน้ำตาไหลลงมาเล็กน้อย
“ยังไงข้าก็ไม่สนใจ แค่นี้ก็พอแล้ว ข้าจะกลับไปพักผ่อนแล้ว ถ้าไม่มีเรื่องอะไรไม่ต้องมาหาข้า”
เมื่อพูดจบก็ไม่สนใจว่าฟู่ลั่วเฉินจะมีท่าทียังไง รีบหันหลังวิ่งออกจากห้องไป
ฟู่ลั่วเฉินตะลึงอยู่ที่เดิม สักพักก็มีเสียงหัวเราะในลำเบาๆ:“เหอะ คำหวานก็ยังพูดไม่เป็น แต่รู้จักเถียงข้างๆคูๆ ช่างเถอะ...”
ใครให้เขาคิดว่าคนอย่างเฟิงฉิ้นหว่านจะสดใสและน่ารักล่ะ!
เฟิงฉิ้นหว่านกลับถึงห้อง เมื่อดึงสติกลับมาได้แล้ว นั่งลงตรงหน้ากระจก ส่องกระจกแล้วยิ้มอย่างเยาะเย้ย
หลังจากรออยู่จวนเฉิงเสี้ยงเป็นเวลานาน นางเปลี่ยนจากความตื่นตระหนกเป็นความละเอียดรอบคอบในอนาคต และค่อยๆ เข้าใจความหมายของความสุขและความทุกข์ว่าอย่างไร
นางต้องสวมหน้ากากแห่งความสุขบนใบหน้าอยู่ตลอดเวลา เพื่อไม่ให้ใครรับรู้อารมณ์ที่แท้จริงของนาง ตลอดหลายปีที่ใช้ชีวิตหวาดกลัว ความรู้สึกแบบนี้ซึมซับเข้าไปในส่วนลึกของกระดูกนางแล้ว
แต่พอมาวันนี้ต้องแกล้งเป็นคู่รักกับฟู่ลั่วเฉิน จะให้นางยิ้มตลอดคงไม่ได้ นางต้องตีบทหลอกลวงนี้ให้แตกอย่างสมบูรณ์แบบ และแสดงอารมณ์มีความสุขและอารมณ์โกรธของตัวเองออกมาให้ได้ถึงจะหลอกสายตาที่ละเอียดขององค์ชายรองกับองค์ชายสามได้
เฟิงฉิ้นหว่านส่องกระจกมองหญิงสาวที่สะสวยแสดงสีหน้ามีความสุขและโศกเศร้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า ค่อยๆปรับอารมณ์ของตัวเอง จนในที่สุดสามารถแสดงอารมณ์ออกมาได้อย่างสมบูรณ์
ในเมื่อรับปากกับฟู่ลั่วเฉินแล้ว และยังเซนสัญญาไว้ด้วย นางจะไม่ยอมให้ปัญหาเกิดขึ้นบนตัวนางแน่นอน
เช้าวันรุ่งขึ้น ในขณะที่ฟู่ลั่วเฉินกำลังลืมตาตื่น ก็เห็นว่าประตูถูกเปิดออก แล้วเฟิงฉิ้นหว่านก็เดินเข้ามาเบาๆอย่างรวดเร็วแล้วนั่งลงข้างเตียง นางทำหน้าแก้มป่องและดึงเสื้อเชิ้ตของฟู่ลั่วเฉินด้วยความไม่พอใจ
"ท่านชายทำไมยังไม่ตื่นนอน?"
ฟู่ลั่วเฉินตะลึงอยู่ที่เดิม เฟิงฉิ้นหว่านใช้สายตาด้วยความรักและความสนิทสนมใกล้ชิดดึงแขนเสื้อของเขาบิดไปบิดมาเบาๆ แล้วพูดอย่างขี้อ้อน ทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงตุ๊บๆอย่างแรงเหมือนตีกลอง
"เจ้า..."
เฟิงฉิ้นหว่านเห็นฟู่ลั่วเฉินไม่ขยับ ก็เลยดึงผ้าห่มออก แล้วหยิบเสื้อคลุมที่อยู่ข้างๆคลุมไปไหล่เขา:"ข้ารู้ว่าท่านชายแกล้งขี้เกียจตื่น อยากให้ข้ามาช่วยแต่งตัวละสิ!
นางพูดไปด้วยและเผยรอยยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ออกมาด้วย
หัวใจของฟู่ลั่วเฉินก็เต้นเร็วและแรง ก้มมองเฟิงฉิ้นหว่านที่กำลังจดกระดูมให้เขา แล้วยกมือขึ้นกุมมือนางไว้
การกระทำของเฟิงฉิ้นหว่านเพียงเล็กน้อยๆ ทำให้หน้าของเขาแดงและเกาฝ่ามือของเขา
เขารู้สึกชาตั้งแต่ฝ่ามือไปถึงหัวใจ ทำให้อารมณ์ของฟู่ลั่วเฉินฟุ้งซ้าน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาบุปผาซ่อนพิษ