เฟิงฉิ้นหว่านสัมผัสได้ถึงความขุ่นเคืองที่แผ่ซ่านมาจากฟู่ลั่วเฉิน เป็นการยากที่ครั้งนี้นางมีความหลักแหลม รู้สึกว่าเขาไม่ชอบอาหารบนโต๊ะ จึงรีบอธิบาย
“ท่านชายทั้งสองลองชิมดู นี่คืออาหารที่มีเฉพาะในช่วงเทศกาลเทพเจ้าดอกไม้ เพราะวันนี้ต้องให้ความเคารพท่านเทพเจ้าดอกไม้ ดังนั้นอาหารจึงไม่มีรสจัดเท่าใดนัก เช่นนี้จึงจะสามารถแสดงถึงความเคารพของตนที่มีต่อท่านเทพเจ้าดอกไม้ ทั้งยังง่ายที่ได้จะรับคำอวยพรจากเทพเจ้า”
เย่ลั่วหานพยักหน้าด้วยความรอบคอบ : “ที่แท้ก็เช่นนี้นี่เอง”
ทว่าสีหน้าของฟู่ลั่วเฉินกลับเย็นชายิ่งนัก: คำพูดของสตรี ล้วนลวงหลอก เชื่อไม่ได้แม้แต่คำเดียว! คิดว่าเขาไม่เห็นหรืออย่างไรเมื่อครู่ลูกค้าในร้านล้วนกินเนื้อสัตว์?
เห็นฟู่ลั่วเฉินเริ่มรับประทาน เฟิงฉิ้นหว่านลอบทอดถอนหายใจ ตักเตือนตนเอง คราวหน้าต้องระมัดระวัง รอบคอบให้มาก ห้ามให้ฟู่ลั่วเฉินเห็นจุดอ่อนเด็ดขาด เพราะถึงอย่างไรนายท่านคนนี้ของตนนิสัยไม่ดีเท่าใดนัก อารมณ์แปรปรวนไม่แน่นอน มองดูแล้วยังใจแคบยิ่งนัก
แม้อาหารจะจืดชืด ทว่ายามทำนั้นเหน็ดเหนื่อยยิ่งนัก เตรียมอาหารตลอดทั้งคืน เวลานี้กินแล้วรสชาติอาหารสดใหม่ อบอวลในปาก
เป็นการยากที่เย่ลั่วหานจะรู้สึกอยากอาหาร กินผักรสจืด รู้สึกว่าต่อมรับรสที่ถูกยาสมุนไพรทำลายตลอดเวลาที่ผ่านมานี้หายดีแล้ว
เฟิงฉิ้นหว่านเห็นเขาตักข้ามเพิ่มครึ่งถ้วย รอยยิ้มในแววตาแทบจะเอ่อล้น: ดูเหมือนว่าต่อจากนี้ต้องให้พ่อครัวแม่ครัวในร้านอาหารศึกษาการทำอาหารมากขึ้น หากท่านชายเย่กินได้มากเช่นนี้ วันข้างหน้าสุขภาพร่างกายก็คงดีขึ้นบ้างกระมัง?
ฟู่ลั่วเฉินมองสีหน้าของเฟิงฉิ้นหว่าน คิดบัญชีในใจเงียบๆ เวลานี้เขาตัดสินใจแล้วว่าการอบรมนางต้องรวมอยู่ในแผนการ ประการแรกต้องให้นางรู้ว่าจิตใจของมนุษย์นั้นร้ายกาจเพียงใด
เวลานี้ ฟู่ลั่วเฉินลืมไปเสียสนิทแล้วว่า เฟิงฉิ้นหว่านเป็นคนที่เก่งกาจในโลกการแพทย์
หลังจากทั้งสามรับประทานอาหารเสร็จ แล้วพักอยู่ในห้องภายในร้านอาหารครู่หนึ่ง เห็นคนจำนวนมากเริ่มเดินไปที่ริมแม่น้ำ พวกเขาก็เริ่มเคลื่อนไหว
แม้เวลานี้ท้องฟ้ายังสว่าง แต่ที่ริมแม่น้ำมีคนจำนวนมากอดทนรอไม่ไหวลอยกระทงไปแล้ว กระทงหลากสีล่องลอยไปตามกระแสน้ำ คล้ายมีเรือลำเล็กลอยอยู่เหนือน้ำ ส่องสว่างทอประกายระยิบระยับ เพิ่มความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น
ริมแม่น้ำ มีต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ตั้งตระหง่านบนพื้นกว้าง
เฟิงฉิ้นหว่านเงยหน้าขึ้นมอง มองต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่เต็มไปด้วยผ้าสีแดงพริ้วไหว
“ว่ากันว่าต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ต้นนี้อายุมากแล้ว นายอำเภอในอดีตจ่ายเงินมหาศาลให้คนสร้าง เพื่อระลึกถึงเทศกาลเทพเจ้าดอกไม้
นับจากนี้ ท่านนายอำเภอก็จะสั่งให้คนยกต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์นี้ออกมาทุกปี ตั้งตระหง่านไว้ที่ริมแม่น้ำ ให้ชาวบ้านทั้งนครมาขอพร นึกว่าช่วงนี้งานยุ่ง ใต้เท้าจ้าวจะลืมไปแล้วเสียอีก ทว่าคิดไม่ถึงท่านใต้เท้ายังให้คนซ่อมแซมต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ต้นนี้”
เย่ลั่วหานหยิบผ้าสีแดงออกมาจากแขนเสื้อ: “แม้ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ต้นนี้จะสร้างด้วยฝีมือมนุษย์ แต่ว่าเปี่ยมไปด้วยความศรัทธาและเป็นที่พึ่งพิงของชาวบ้านนับร้อยของเมืองนครหลินผิง มองจากที่ไกลๆ ก็ทำให้คนรู้สึกนับถือ จิตใจก็สงบไปด้วย ช่างเป็นการยากยิ่งนัก”
แววตาของเฟิงฉิ้นหว่านเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม: “เช่นนั้นท่านชายเย่ก็ไปผูกผ้าแดงด้านหน้าเถอะเจ้าค่ะ ในขณะเดียวกันก็สามารถขอพรได้ด้วย”
“อืม”
เย่ลั่วหานเดินนำหน้า ตอนที่เขาเงยหน้าขึ้นมองต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์สูงใหญ่ มือของเขายกขึ้นผูกผ้าแดงบนกิ่งไม้ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะได้รับอิทธิพลมาจากเฟิงฉิ้นหว่านหรือไม่ เขาหลับตาลงแล้วอธิษฐานจริงๆ”
เฟิงฉิ้นหว่านแปลกใจเล็กน้อย อดไม่ได้ที่จะขยับเข้าไปใกล้ฟู่ลู่เฉิน: “ท่านชาย ท่านว่าคำอธิษฐานของท่านชายเย่คืออะไร?”
ฟู่ลั่วเฉิงหลบตาลง: “เจ้ารู้หรือไม่เพราะเหตุใดน้อยคนที่จะอายุยืนยาว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาบุปผาซ่อนพิษ