แพทย์ทหารได้ทำการตรวจพระอาการบาดเจ็บขององค์รัชทายาทและเฟิ่งเซ่อหมิงอย่างละเอียด แล้วรายงานผลการตรวจต่อท่านอ๋องจิ่นว่า "ฝ่าบาท หม่อมฉันได้ตรวจอาการบาดเจ็บเสร็จแล้ว มีบาดแผลแปดเซนติเมตรที่ต้นขาขวาขององค์รัชทายาทซึ่งไม่ลึกถึงพังผืด มีรอยเล็บข่วนบนใบหน้าของคุณหนูใหญ่และมีรูทิ่มเล็ก ๆ สามรูที่หูซ้ายของนาง แต่ก็ไม่ได้ร้ายแรง เพียงแค่นางทายาที่ใช้รักษาแผลภายนอก แล้วมันจะหายเป็นปกติภายในครึ่งเดือน”
ท่านอ๋องจิ่นจึงบอกกับอาจิ่วว่า "เรามาทำประเมิณกันดีกว่าว่าพระชายาของข้าได้ทำลายสมบัติล้ำค่าไปกี่ชิ้นแล้ว"
เจิ้นกั๋วกงเริ่มรู้สึกว่าท่านอ๋องจิ่นกำลังก่อความวุ่นวาย แม้ว่าเฟิ่งซู่หน่วนจะทำให้จวนเสียหานยครั้งใหญ่ เขาจะขอให้ท่านอ๋องจิ่นชดเชยได้จริงหรือ?
เจิ้นกั๋วกงแสดงท่าทีมีน้ำใจและพูดโน้มน้าวท่านอ๋องจิ่นอย่างมีไหวพริบว่า "ท่านอ๋องจิ่นไม่จำเป็นต้องมากพิธี ความผิดพลาดที่เกิดจากพระชายาของท่านไม่ใช่เรื่องใหญ่ ดังนั้นปล่อยมันไว้อย่างนั้นเถิด ไหนเลยจะกล้าขอให้ท่านอ๋องมาชดใช้ให้ กระหม่อมละอายใจจริง ๆ!”
ท่านอ๋องจิ่นจ้องมองเขา ดวงตาของเขาลึกล้ำและทำให้ใครก็ไม่อาจคาดเดาได้
“เจิ้นกั๋วกงมีจิตใจกว้างขวางเช่นนี้ ข้าก็ขอชื่นชม แต่ข้ามันเป็นคนไม่ชอบเป็นหนี้บุญคุณ แล้วก็ไม่ชอบให้ใครมาเป็นหนี้ข้าเช่นกัน” ประโยคสุดท้ายนี้พูดใน น้ำเสียงเบาบางแต่ดูเหมือนถูกปกคลุมไปด้วยน้ำค้างแข็ง
ชั่วพริบตา ใบหน้าของทุกคนในห้องก็เต็มไปด้วยความตกตะลึง
เฟิ่งซู่หน่วนยังแข็งใจ บางทีอาจมีเหตุการณ์พลิกผันก็ได้
แน่นอนว่าคำพูดถัดไปของท่านอ๋อง ทำให้เจิ้นกั๋วกง แทบจะกระอักเลือด
“หมอ ช่วยไปตรวจอาการบาดเจ็บของพระชายาข้าที!”
“เพคะ ข้าน้อยรับคำบัญชา”
เฟิ่งซู่หน่วนให้ความร่วมมือกับแพทย์ทหารเป็นอย่างดี เมื่อแพทย์ตรวจอาการบาดเจ็บของเธอ เธอคิดว่าไม่ว่าอาการบาดเจ็บของเธอจะร้ายแรงสักเพียงไหนก็ไม่อันตรายถึงแก่ชีวิต ต่อรองไม่ได้มากเท่าไหร่ แต่กับสมบัติล้ำค่าของจวนเจิ้นกั๋ว หากพวกเขาได้รับการประเมินและชดเชย ท่านอ๋องจิ่นจะต้องขาดทุนครั้งใหญ่เป็นแน่
เธอจงใจกัดริมฝีปากให้เลือดไหลซึมออกมา
แพทย์ขมวดคิ้ว สีของเลือดค่อนข้างผิดปกติเล็กน้อยจึงหยิบเข็มเงินออกมาตรวจทำให้ตกใจกับสิ่งที่เจอ
“ท่านอ๋องจิ่น นอกจากอาการบาดเจ็บจากการต่อยและเตะแล้ว พระชายายังถูกวางยาพิษด้วยเพคะ!” แพทย์กล่าวโดยตรง
“เจ้ารู้ไหมว่ามันคือพิษชนิดใด”
“พิษทำให้หัวใจหยุดเต้น และพิษที่ทำให้คนเป็นใบ้เพคะ”
มือของท่านอ๋องจิ่นกำหมัดแน่นภายใต้แขนเสื้อกว้าง
หมออ้าปากค้างอยากจะพูดแต่ก็ต้องเงียบเสียง
อย่าพูดเลยดีกว่า!
แม้ว่าพิษทั้งสองชนิดนี้จะเหลืออยู่ในร่างกายไม่มากนัก แต่ก็ไม่แน่ใจว่าพิษอยู่ในร่างกายของพระชายามานานแค่ไหนแล้ว และทำให้เกิดความเสียหายอย่างไรบ้าง ดังนั้นนางจึงไม่สะดวกที่จะพูดจริง ๆ
แพทย์หญิงมองไปที่พระชายาที่เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่งอย่างเมตตา นางแนะนำว่า "ฝ่าบาท ข้าน้อยอยากจะตรวจพระชายาให้ละเอียดกว่านี้ แต่ที่นี่คงไม่สะดวก โปรดย้ายนางไปที่ไหนสักแห่งได้หรือไม่"
ทุกคนเข้าใจโดยปริยาย ความตั้งใจของแพทย์ชัดเจนอย่างที่สุด พระชายาถูกหลู่เกียรติพรากความบริสุทธิ์ไปอย่างเห็นได้ชัด และคำแนะนำของแพทย์ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าการยืนยันข้อเท็จจริงนี้
ทันใดนั้นสีหน้าของท่านอ๋องจิ่นก็เปลี่ยนเป็นราชสีห์ที่กำลังล่าเหยื่อ เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เจิ้นกั๋วกง ท่านจะชำระหนี้นี้อย่างไร ”
เจิ้นกั๋วกงคุกเข่าลงบนพื้นพร้อมกับพนมมือ “ท่านอ๋องจิ่นไม่ต้องทรงกังวล กระหม่อมจะให้ความยุติธรรมแก่พระชายาอย่างแน่นอน ภายในสามวัน กระหม่อมจะนำตัวผู้วางยาพิษมาสำเร็จโทษให้จงได้ โปรดประทานอภัยให้กระหม่อมด้วยฝ่าบาท”
ท่านอ๋องจิ่นยืนขึ้นแล้วพูดว่า "เอาล่ะ ข้าจะรอฟังข่าวดีแล้วกัน!"
ไม่ว่าจะโง่กว่านี้สักแค่ไหนก็จะเข้าใจได้ทันที ที่ท่านอ๋องจิ่นสร้างสถานการณ์ขู่ขวัญตบตาในช่วงแรก แท้จริงสิ่งที่เขาต้องการคือทวงความยุติธรรมให้กับพระชายา
เฟิ่งซู่หน่วนบรรลุเป้าหมายในใจเธอแล้ว และตอนนี้เธอหมดแรงและทรุดตัวลงกับพื้น
ในตอนที่เฟิ่งซู่หน่วนนึกว่าเธอฟันฝ่าความยากลำบากมาจนหมดแล้ว หูก็ได้ยินเสียงท่านอ๋องจิ่นตะโกนสั่งอาจิ่วว่า “เจ้าจะยืนบื้ออยู่ทำไม ลากนางคนโง่นั่นกลับไปด้วย”
ให้ตายเถอะ หญิงสาวอยากจะร้องไห้แม้ไม่มีน้ำตาจะร้อง
นี่เธอหนีจากถ้ำหมาป่าตัวหนึ่งเพื่อตกไปในถ้ำของหมาป่าอีกตัวหนึ่งอย่างนั้นหรอ?
ไร้มนุษยธรรม เธอเป็นถึงภรรยาของเขา ปฏิบัติต่อคนไข้แบบนี้ได้อย่างไร?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเจ้าโง่ของข้าเป็นหมอหญิงอัจฉริยะ
รอตอนใหม่อยู่นะคะ...