ชายาเจ้าโง่ของข้าเป็นหมอหญิงอัจฉริยะ นิยาย บท 9

ซู่หน่วนมองเห็นตัวเองในกระจกทองแดงแล้วใจลอยฟุ้งซ่าน

กระโปรงสีม่วงเข้มเนื้อผ้าบางลายดอกไห่ถัง เผยให้เห็นความงดงามที่ไม่เหมือนใคร ปิ่นปักผมอันหรูหราหลายชิ้นถูกปักประดับไว้บนมวยผมของหญิงสาว คิ้วคมดกดำเด่นชัดเป็นเอกลักษณ์ ดวงตาโตกลมดำขลับ จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากสีแดงชาด ใบหน้าแดงระเรื่อ ส่งให้หญิงสาวงดงาม มีชีวิตชีวา ทรงเสน่ห์

ชิงอู่ถอนหายใจ "พระชายาของข้างดงามดั่งสวรรค์ปั้นแต่ง น่าเสียดายที่ไม่เคยพบกับคนที่จริงใจห่วงใยมาก่อน พระชายาไม่ต้องกังวลนะเพคะ ตราบใดที่ชิงอู่ยังอยู่ ข้าจะไม่ยอมให้ใครมารังแกพระชายาได้อีก"

ซู่หน่วนเห็นชิงอู่น้ำตารื้นอยู่ในดวงตาผ่านกระจกทองแดง รู้สึกซาบซึ้งใจอย่างมาก หญิงผู้นี้ช่างมีจิตใจบริสุทธิ์เหลือเกิน ขนาดเจ้านายอย่างเธอไม่ได้มีบุญคุณอะไรต่อนาง ไม่ได้มีสายป่านยาวให้นางได้พึ่งพา แต่นางก็จงรักรักภักดีต่อเจ้านาย

จากนี้ไป ซู่หน่วนจะปฏิบัติต่อนางให้ต่างจากคนอื่น ๆ

ชิงอู่และยวิ๋นหลิ่วพาซู่หน่วนไปที่ลานหน้าจวนของท่านอ๋องจิ่น กลางสวนไห่ถัง มีโต๊ะหินและม้านั่งหินสี่ตัววางล้อม ฝั่งหัวโต๊ะมีศาลาขนาดย่อมล้อมรอบไปด้วยเถาวัลย์

เฟิ่งเซ่อหมิงนั่งอยู่ฝั่งหนึ่ง และชิงเยวียนสาวใช้ของนาง ยืนอยู่ทางด้านขวาของผู้เป็นนาย

เฟิ่งซู่หน่วนมองเห็นเฟิ่งเซ่อหมิงจากระยะไกล หญิงสาวกำหมัดภายใต้แขนเสื้อสีชมพู แต่ก็ต้องคลายออก

ลูกผู้ชายล้างแค้นสิบปีก็ยังไม่สาย

เฟิ่งเซ่อหมิงเห็นเฟิ่งซู่หน่วน นางแต่งตัวสวยหรูสง่างาม เปลี่ยนไปเป็นคนละคน จนในใจรู้สึกอิจฉาและเกลียดชังอีกฝ่าย

จะอย่างไรนางก็เป็นแค่คนโง่ ไหนเลยจะคู่ควรกับการสวมเสื้อผ้าไหมชั้นดีขนาดนี้ ประดับด้วยเครื่องหัวอันหรูหราขนาดนี้ ?

ดูท่าท่านอ๋องจิ่นคงจะดูแลนางเป็นอย่างดี

เฟิ่งเซ่อหมิงไม่มีทางเชื่อว่าท่านอ๋องจิ่นจะชอบคนโง่แบบนี้ได้ลง แต่อย่างไรนางก็ถือว่าโชคดีที่ได้รับพระชายาคุ้มกะลาหัว การอยู่การกินจึงสมบูรณ์แบบเป็นธรรมดา

ซู่หน่วนมองเห็นความอิจฉาริษยาในดวงตาของเฟิ่งเซ่อหมิง นางจึงกระตุกปากเผยรอยยิ้มออกมา

ความอิจฉาริษยาเป็นเหมือนปีศาจ!

พอเดินเข้าใกล้มากขึ้น เมื่อเฟิ่งเซ่อหมิงได้เห็นใบหน้าที่มีชีวิตชีวาของเฟิ่งซู่หน่วนก็ทำให้ประหลาดใจเป็นอย่างมาก นางไม่ได้ดูโง่เลยแม้แต่น้อย

เมื่อเฟิ่งซู่หน่วนเห็นขนมเรียงรายบนโต๊ะหิน รูม่านตาของเธอก็ขยายกว้างออก หญิงสาวก็ยื่นมือออกมาหยิบขนมชิ้นหนึ่งแล้วใส่ไปในปากของเธอ

ท่านอ๋องจิ่นใจร้ายกับเธอเป็นที่สุดและอาหารสามมื้อก็ให้น้อยเกินไป ดังนั้นเธอจึงใช้ทุกโอกาสเพื่อทำให้ท้องเธออิ่ม

เธอเพิ่งอายุเพียงสิบห้าปี ยังอยู่ในวัยเจริญเติบโตแท้ ๆ

ความเกลียดชังฉายวาบในแววตาของเฟิ่งเซ่อหมิง ดูเหมือนว่าตอนนี้นางจะกังวลมากเกินไป นางโง่เสียสติมาตั้งหลายปี จู่ ๆ จะมาสติดีขึ้นได้อย่างไร?

เฟิ่งเซ่อหมิงไม่รู้ว่านางคนโง่คนนี้เป็นใบ้จริง ๆ หรือไม่

ถ้านางยังพูดได้ นางจะต้องเป็นตัวปัญหาแน่ ๆ

นางต้องหาทางทดสอบเฟิ่งซู่หน่วน

“น้องสาวข้าตอนนี้เป็นพระชายาองค์ชายจิ่นแล้ว คงจะมีหลายเรื่องต้องดูแลอีกมาก พี่นั่งรออยู่ที่นี่มาสักพักแล้ว เจ้าถึงมาหาพี่ได้ ” ใบหน้าของเฟิ่งเซ่อหมิงที่ดูชื่นบานมีชีวิตชีวา แต่สายตาเต็มไปด้วยความรังเกียจอย่างปกปิดไม่มิด แต่ทำเป็นพูดตัดพ้อผู้เป็นน้องสาวอย่างเด็กน้อยเอาแต่ใจ

แสดงออกซึ่งความรักแบบพี่น้องอันลึกซึ้ง

เฟิ่งซู่หน่วนไม่ได้สนใจอะไรนาง สนใจแต่เพียงขนมบนโต๊ะเท่านั้น

ชิงอู่จ้องไปที่เฟิ่งเซ่อหมิงอย่างประหลาดใจ

พระชายาเป็นใบ้ คุณหนูใหญ่ไม่รู้หรอกเหรอ?

ในเวลานี้ เสียงแผ่วเบาของยวิ๋นหลิ่วดังขึ้นว่า "คุณหนูใหญ่เจ้าคะ พระชายาของข้าเป็นใบ้นะเจ้าคะ!"

เฟิ่งเซ่อหมิงรู้สึกยินดีเมื่อได้ยินสิ่งนี้

นางโล่งใจเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายกลายเป็นใบ้

เฟิ่งซู่หน่วนคิดว่า ยวิ๋นหลิ่วคงจะส่งข่าวกับเฟิ่งเซ่อหมิงอย่างเปิดเผย คิดว่านางโง่นักหรือไงนะ?

เฟิ่งเซ่อหมิงแสร้งทำเป็นโศกเศร้า แล้วถอนหายใจ "เฮ้อ น้องสามของข้าเดิมทีก็ไม่ได้เป็นใบ้ แต่เมื่อไม่กี่วันก่อนนางประสบอุบัติเหตุเล็กน้อย นางวิ่งไปที่โรงยาแล้วดันกินยาผิดชนิด นางจึงเป็นใบ้ น่าเสียใจจริง ๆ”

บทที่ 9 1

บทที่ 9 2

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเจ้าโง่ของข้าเป็นหมอหญิงอัจฉริยะ