ตอน บทที่ 5 จาก ชายาเจ้าโง่ของข้าเป็นหมอหญิงอัจฉริยะ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 5 คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายราชาปีศาจ ชายาเจ้าโง่ของข้าเป็นหมอหญิงอัจฉริยะ ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
ร่างกายของกงเฉิงแข็งท่อ เขาไม่ได้กล่าวคำใดออกมาเป็นเวลานาน
อาจิ่วขมวดคิ้ว หรือว่ากลยุทธ์ของเขาจะใช้ไม่ได้ผล?
กงเฉิงยังคงไม่พูดอะไรและเดินไปที่ห้องของตนอย่างเงียบ ๆ
อาจิ่วตบหลังหัวตัวเอง เขาคิดเสมอว่าเขารู้จักท่านอ๋องเป็นอย่างดี ท่านอ๋องของเขาเป็นคนรักสันโดษ ถ้าเขาทำท่าทีตื่นตูมกับเรื่องนี้ ท่านอ๋องจะยังนิ่งได้อยู่หรือ? ครั้งนี้เขาอยู่เป็นแล้ว จึงพยายามสงบท่าทีไว้ แต่ทำไมท่านอ๋องยังนิ่งอยู่ได้อีก
“เจ้าก็มาอาบน้ำผลัดผ้าให้ข้าเสียสิ” กงเฉิงตะโกนด้วยความโกรธขณะที่อาจิ่วยืนงงอยู่
อาจิ่วกลับมามีสติแล้วรีบเดินไปหาเจ้านายทันที
หลังจากที่กงเฉิงอาบน้ำเสร็จ เขาก็สวมชุดผ้าไหมสีขาวราวกับหิมะ ผมดำยาวดุจสีหมึกของเขาถูกมัดไว้สูงและรัดเกล้าสีเงินที่เปล่งประกายเจิดจ้า เขาเกิดมามีรูปร่างหน้าตาที่สง่างาม ดวงตาดำขลับออบซิเดียนเหมือนพระจันทร์ในคืนวันเพ็ญ ใบหน้าหล่อเหลามีความเย็นชาอยู่ ริมฝีปากแดงธรรมชาติโค้งมนดุจรัศมีของจันทร์เสี้ยว สันจมูกยาวเป็นเส้นตรงบ่งบอกถึงอุปนิสัยแน่วแน่ไม่ยอมแพ้ของเขา
อย่างกับเทวดาถูกลงโทษให้มาจุติยังโลกมนุษย์ก็ไม่ปาน
“ไปเตรียมรถม้า!”
อาจิ่วที่กำลังแต่งตัวให้เจ้านายของเขา เขาก็ได้ยินเสียงริมฝีปากบางของเจ้านายเปิดออกเล็กน้อยและเปล่งเสียงสวรรค์ราวกับไข่มุกที่ตกลงแผ่นหยกออกมาโดยไม่คาดคิด
อาจิ่วรู้สึกปลาบปลื้มใจ
เฟิ่งซู่หน่วนใช้เวลานานกว่าจะยันตัวเองให้ลุกขึ้น เกือบจะยืนไม่อยู่
เธอหิวจนแสบท้องบวกกับเหนื่อยล้าจากการพยายามถอนยาพิษมาทั้งคืน ตอนนี้ร่างกายของเธอจึงอ่อนแอปวกเปียกเต็มทน
ใจจริงก็อยากจะรอให้คน ๆ นั้นมาเพื่อรอดูท่าทีของเขาก่อน แต่เท่าที่เธอเห็นคนเหล่านี้ล้วนเลือดเย็น เฟิ่งซู่หน่วนจึงหมดใจไม่คาดหวังกับการมาของใครคนนั้นอีก ก็
บางทีเขาอาจจะไม่มาเลยด้วยซ้ำ!
เธอถีบขาตัวเองให้ดันตัวขึ้นมา สองแขนเหยียดตรงไปข้างหน้า——
เสียงอันไพเราะดั่งนกขมิ้นของเฟิ่งเซ่อหมิงยังคงเจื้อยแจ้วอยู่กลางห้องโถง "ท่านพ่อ ท่านแม่ ท่านทั้งสองโปรดกลั้นความโศกเศร้านี้ไว้แล้วยอมรับเสียเถิดว่า คนตายไม่มีวันฟื้นคืนมาได้ใหม่ น้องสามตายไปแล้ว แต่มันก็ไม่ได้เลวร้ายไปเสียหมด อย่างน้อยน้องสามก็จะไม่มาสร้างความอับอายให้แก่ตระกูลของเราได้อีกต่อไป "
ไม่มีใครสังเกตเห็นว่าเฟิ่งซู่หน่วนที่อยู่กลางโถงปีนขึ้นไปแล้ว...
เธอยืนบนห้องโถงราวกับซากศพเดินได้
“อ๊ากก” นายหญิงรองเป็นคนแรกที่สังเกตเห็นความผิดปกตินี้และกรีดร้องด้วยความตกใจ
"กรี๊ดด ผี..."
จากนั้นทุกคนถึงจะเห็นว่าเฟิ่งซู่หน่วนได้ลุกขึ้นยืนอยู่ข้างบนแล้ว
“ศพกระตุก?” เสียงของนายหญิงที่สองร้องสั่นเครือ
ดวงตาของเฟิ่งเซ่อหมิงเบิกโพลงมองดูเฟิ่งซู่หน่วนอย่างเหลือเชื่อ
แต่เฟิ่งซู่หน่วนหันมาเผชิญหน้ากับนาง และกำลังกระโดดเข้าไปหานางทีละก้าว
เฟิ่งซู่หน่วนทำให้อีกฝ่าย ตกใจจนหน้าซีด ทันใดนั้นนางก็วิ่งหนีไปหาองค์รัชทายาทเพื่อขอความช่วยเหลือ
“ฝ่าบาท ช่วยหม่อมฉันด้วย ช่วยหม่อมฉันด้วย——”
เฟิ่งซู่หน่วนยังคงกระโดดต่อไป เธอการเคลื่อนไหวอย่างแข็งทื่อแต่ก็ดูคล่องแคล่วปราดเปรียวอยู่ในที
จนตอนนี้เธออยู่ห่างจากเฟิ่งเซ่อหมิงเพียงไม่กี่ก้าว เฟิ่งเซ่อหมิงนึกว่าเฟิ่งซู่หน่วนจะใช้เวลานานกว่าจะกระโดดมาถึงตัวนาง แต่ใครจะรู้ จู่ ๆ เฟิ่งซู่หน่วนก็กระโดดเข้าถึงตัวเฟิ่งเซ่อหมิง แล้วใช้เล็บข่วนใบหน้านางอย่างแรง
รอยเลือดปรากฏขึ้นทันทีบนใบหน้าของเฟิ่งเซ่อหมิง
เฟิ่งซู่หน่วนขึ้นไปนั่งอยู่บนตัวของอีกฝ่าย แล้วดึงปิ่นปักผมออกมาจิ้มหน้าเซ่อหมิง...
เฟิ่งเซ่อหมิงกรีดร้องโหยหวนราวกับเสียงผีป่าสิงสาราสัตว์ “นางจะฆ่าข้า ช่วยด้วย...”
ดวงตาพญาอินทรีขององค์รัชทายาทกงเย่ฉายแสงความเย็นชาออกมา เขาเตะถีบไปที่เอวของเฟิ่งซู่หน่วนจนร่างของเธฮร่วงตกไปที่พื้นอย่างแรง
หญิงสาวล้มฟุบลงจนเห็นดาวหมุนรอบตัว สับสนงุนงงอย่างบอกไม่ถูก
ซู่หน่วนแยกเขี้ยวยิงฟัน เธอลุกขึ้นอีกครั้งอย่างไม่ยอมแพ้ และกระโดดต่อไป... คราวนี้ ไม่ว่าเธอจะไปทางใด เจอสมบัติล้ำค่าหรือของใช้ราคาแพงเพียงใดก็จะถูกเธอคว้ามาเขวี้ยงให้แตกทั้งสิ้น
“บ้าไปแล้ว นางบ้าไปแล้ว!” นายหญิงใหญ่รู้สึกใจสสลายกับสมบัติล้ำค่าที่ถูกเขวี้ยงทิ้ง.
องค์รัชทายาทขว้างมีดปอกผลไม้ไปหยุดตรงหน้าเจิ้นกั๋วกง “นางแทงข้าหนึ่งครั้ง ท่านเป็นถึงเสนาบดี จงแทงนางสองครั้งแทนข้าเพื่อเป็นการชดใช้ แล้วเรื่องนี้ ข้าจะลืมมันไปเสีย”
เฟิ่งเซ่อหมิงหยิบมีดผลไม้ขึ้นมาแล้วยื่นให้เจิ้นกั๋วกง "ท่านพ่อ ท่านจะเด็ดขาด และปลดปล่อยให้น้องสามเป็นอิสระใช่ไหม?"
เจิ้นกั๋วกง หยิบมีดขึ้นมาแล้วเดินช้า ๆ ไปยังเฟิ่งซู่หน่วน เขาก้าวเท้าช้าลงเพราะความลังเลในใจ
นายหญิงใหญ่เข้ามาหาผู้เป็นสามีก่อนจะลดเสียงลงแล้วพูดว่า "ท่านพี่ ท่านอ๋องจิ่นไม่สนใจนางคนโง่นี้หรอก โปรดอย่าทำอะไรให้ที่เป็นการผิดใจกับองค์รัชทายาทเพราะนางคนโง่คนนี้เลย สุดท้ายแล้ว ฝ่าบาทจะเป็นผู้ที่จะเสด็จขึ้นครองราชย์ในวันข้างหน้า”
เจิ้นกั๋วกงพยักหน้าและตัดสินใจได้ในที่สุด
เฟิ่งซู่หน่วนมองไปที่ผู้เป็นพ่อ มีดปอกผลไม้ในมือของเขาชี้ไปที่หัวใจของเธอ——
ในขณะนั้น สายตาของเฟิ่งซู่หน่วนเต็มไปด้วยความรู้สึกเย้ยหยัน
เพียงเพราะนางเป็นคนโง่เสียสติ พ่อของนางไม่เพียงแต่จะไม่ดูแลให้ความรักใด ๆ แก่นาง แต่ยังรังเกียจนางและรังแกนางเหมือนคนอื่น ๆ อีก
เธอข้ามภพมาได้ไม่ถึงหนึ่งวัน และเธอก็ต้องมาใช้ชีวิตที่น่าสังเวชเช่นนี้ นึกภาพไม่ออกเลยจริง ๆ ว่าเฟิ่งซู่หน่วนคนก่อนต้องทนทุกข์ทรมานกับความป่าเถื่อนไร้มนุษยธรรมมามากเพียงใด
พ่อของนางแต่งงานกับผู้หญิงสามคน ภรรยาหลวงให้กำเนิดเฟิ่งเซ่อหมิง เฟิ่งเจวี๋ย และเฟิ่งซู่หน่วน แต่เพราะนางเกิดมาโง่เขลา พวกเขาจึงฝากความหวังทั้งหมดไว้กับเฟิ่งเซ่อหมิงและเฟิ่งเจวี๋ย พี่ ๆ ของนางกินอยู่อย่างหรูหราฟุ่มเฟือย ผิดกับนางที่ถูกมองเป็นตัวตลก มีชีวิตอยู่และตายไปอย่างตัวคนเดียว
เฟิ่งซู่หน่วนผู้น่าสงสาร
ในเมื่อเธอได้ร่างกายนี้มาแล้ว จากนี้ไป เธอจะช่วยเรียกร้องความยุติธรรมแก่เจ้าของเดิมเอง
เจิ้นกั๋วกงรู้สึกสงสัยเล็กน้อย ดวงตาของนางเด็กโง่คนนี้จู่ ๆ ก็แหลมคมขนาดนี้ได้อย่างไร? มีพลังอำนาจอะไรมาแฝงใดทำให้นางขัดขืนไม่ได้หรือเปล่า?
เป็นไปได้ไหมว่าดวงตาของเขาจะพร่ามัว?
เขายกมีดผลไม้ขึ้นอีกครั้ง...
แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงดังมาจากด้านนอกประตู
“ท่านอ๋องจิ่นเสด็จแล้ว"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเจ้าโง่ของข้าเป็นหมอหญิงอัจฉริยะ
รอตอนใหม่ค่ะ...
รอตอนใหม่อยู่นะคะ...