ชายาเกิดใหม่ของข้า นิยาย บท 32

ตอนที่ 32 รอดมาคนเดียว

เมื่อมาถึงจุดที่นางกับท่านอ๋องเผชิญหน้ากับเหล่ากองโจร ที่แห่งดูปกติยิ่ง มีเพียงคราบเลือดบนพื้นเท่านั้นที่พอจะบ่งบอกได้ว่าที่แห่งนี้เคยเกิดการต่อสู้กันขึ้น ทว่าบนนี้มีเพียงสายลมพัดเอื่อยๆ ไร้เงาของคน!

ชูเซี่ยออกตามหาเขาอย่างบ้าคลั่ง จนกระทั่งนางพบเศษผ้าอยู่ในเลือดกองหนึ่ง นางจำได้ในทันทีว่าเป็นผ้าชนิดเดียวกันกับที่เขาสวมใส่ หัวใจของนางถูกความหวาดกลัวจนเต้นแรงราวกับจะทะลุออกมาจากอก เหล่าราชองครักษ์ที่เพิ่งตามขึ้นมาถึง ซือหลินเฉินเห็นร่องรอยการต่อสู้บริเวณนี้ก็เอ่ยออกมาอย่างอดกลั้น “ท่านอ๋องต้องประสบเหตุร้ายมากกว่าดีเป็นแน่!”

ชูเซี่ยหันขวับมามองเหล่าราชองครักษ์ก่อนจะเอ่ยคำสั่งเสียงเด็ดขาด“หา ตามหาต่อไปจนกว่าจะพบ!”นางส่งห่อผ้าที่มีหญ้าหลินเฉ่าอยู่ภายในให้แก่ซือหลินเฉิน“เจ้าสั่งคนนำห่อผ้านี่กลับไปยังเมืองหลวงให้เร็วที่สุด ส่วนข้าจะรั้งอยู่ที่นี่กับพวกเจ้าตามหาท่านอ๋องต่อไปจนกว่าจะพบ!”

ซือหลินเฉินโค้งกายคำนับ“พะย่ะค่ะ!”ก่อนชายหนุ่มจะยกฝ่ามือขึ้นตีเข้าที่ท้ายทอยของนางอย่างรวดเร็วจนหญิงสาวหมดสติไปทันที“พระชายา ข้าคงบังอาจล่วงเกินแล้ว!”

“เร็ว ส่งพระชายากลับวัง!”เขาออกคำสั่ง

ชูเซี่ยมีแผลทั้งบริเวณหน้าผากและใบหน้า ยามนี้เขารับรู้ว่าเกิดเรื่องร้ายกับท่านอ๋อง เขาไม่อาจเสี่ยงให้พระชายาเป็นอะไรไปอีกคน แม้ว่าก่อนหน้านี้ท่านอ๋องจะรังเกียจพระชายามากเพียงใด แต่ในสายตาของพวกเขาพระชายาเป็นเพียงหญิงสาวที่น่าสงสารผู้หนึ่ง อีกทั้งก่อนหน้านี้นางยังเคยช่วยชีวิตองครักษ์นายหนึ่งมาก่อน ทั้งที่นางเลือกจะไม่ช่วยก็ได้แต่นางกลับลงมือช่วยอย่างไม่ลังเล

เมื่อได้รับคำสั่งจากหัวหน้าราชองครักษ์ พวกเขาก็จัดการนำตัวพระชายาลงจากเขาแทบทันที!

ราชองครักษ์หลายนายนำพระชายาลงมาส่งขึ้นรถม้าที่รออยู่บริเวณตีนเขา ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสีแล้ว หาทางยามค่ำคืนหากพวกเขาเร่งเดินทางทั้งคืนคาดว่าอาจจะไปถึงวังได้ทันในช่วงเช้าของอีกวันหนึ่ง

ชูเซี่ยกำลังตกอยู่ในห้วงฝันที่แสนจะยาวนาน ในฝันหลี่เฉินเย่นเสียชีวิตแล้ว แม้แต่ตัวของเขาก็ถูกตัดลงมาจากบ่าผูกประจานไว้บนต้นไม้ ส่วนตัวนางเองก็ถูกจับตัวกลับมายังรังโจร หัวหน้าโจรยิ้มร้ายกาจออกมาและพยายามขืนใจนาง ตัวนางก็ขัดขืนต่อต้านสุดใจ นางเตะร่างของหัวหน้าโจรสุดแรงก่อนจะพยายามหนีทว่ากลับถูกกระชากเส้นผมอย่างแรง มีใครกำลังส่งเสียงคำรามอยู่ข้างใบหูของนาง หญิงสาวตะโกนร้องเรียกหลี่เฉินเย่นสุดเสียง แต่กลับนึกขึ้นมาได้ว่าเขาผู้นั้นตายไปแล้ว ทั้งร่างของเขายังถูกผูกไว้กับต้นไม้ มีนกอินทรีย์ตัวนึงพยายามจิกกินร่างของเขา เหล่าฝูงอีกาก็บินอยู่รอบๆรอหาโอกาสจิกกินด้วยเช่นกัน เธอต้องการกลับไปหาหลี่เฉินเย่นจึงต่อต้านและขืนแรงสู้สุดกำลังจนกระทั่งสามารถหลุดจากการเกาะกุมได้ในที่สุด นางกึ่งวิ่งกึ่งเหาะกลับไปหาหลี่เฉินเย่น แต่เมื่อไปถึงศพของเขาก็หายไปเสียแล้ว

“หลี่เฉินเย่น...”นางพยายามตะโกนร้องเรียกชื่อเขา ข้างหูก็ได้ยินเพียงแค่เสียงนกอีการ้อง คล้ายกับว่านางเสียสติไปแล้ว นางวิ่งตามหาเขาไปทั่วทุกที่ นางวิ่งอยู่นานมากแต่กลับหาเขาเท่าไหร่ก็ไม่พบ

จากนั้นร่างทั้งร่างของนางก็ถูกมือที่มองไม่เห็นผลักลงไปในธารน้ำแข็ง นางปวดไปหมดทั้งร่าง หัวก็ปวด ใบหน้าก็ปวด ร่างกายก็ปวด นางมองเห็นร่างกายของตนเองมีเลือดไหลออกมามากมายไม่หยุดจนกระทั่งธารน้ำแข็งค่อยๆถูกย้อมจนกลายเป็นสีแดงฉาน

ภายในใจของนางร้องเรียกเพียงเขา หลี่เฉินเย่นต้องมาช่วยนางแน่ เขาต้องมา เขาจะต้องมาช่วยนางแน่ๆ...

“หยิงหลง หยิงหลง...”มีเสียงร้องตะโกนก้องหูของนาง ชูเซี่ยพยายามฟังอย่างตั้งใจ หลิวหยิงหลงกลับมาแล้วหรือ หากนางกลับมาแล้ว นางก็ต้องยกร่างกายนี้คืนนางใช่หรือไม่ จากนั้นนางจะไปไหนได้เล่า นางจะกลับไปยังศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดได้หรือไม่นะ นางจะได้กลับมาแล้วใช่ไหม นางจะได้เจอคุณแม่แล้ว...

หลี่เฉินเย่นเล่า หลี่เฉินเย่นปลอดภัยแล้วใช่หรือไม่

ใช่แล้ว นางยังหาหลี่เฉินเย่นไม่พบ นางยังหาศพของเขาไม่พบเลย

ในใจนางก็เริ่มรู้สึกร้อนรนอีกครั้ง ชูเซี่ยตะโกนขึ้นสุดเสียง“หลี่เฉินเย่น...”

ท้ายที่สุดร่างกายของนางก็ค่อยๆฟื้นคืนสติ นางเปิดตาขึ้นอย่างช้าๆ นางมองไปรอบๆห้องที่เต็มไปด้วยผู้คนอย่างตื่นตระหนก นางกลับมาแล้วหรือ แล้วหลี่เฉินเย่นเล่า

นางยังไม่ทันได้เอื้อนเอ่ยอันใดออกมา หลิวมี่เหอก็ถลามาข้างกาย นางร่ำไห้อย่างหนักจนเครื่องประทินโฉมเลอะเปรอะเปื้อนใบหน้างาม นางกระชากร่างของชูเซี่ยที่เอนกายนอนอยู่บนเตียง ร่ำไห้พลางเอ่ยถาม “ท่านอ๋องเล่า เหตุใดจึงมีแต่ท่านที่กลับมา ท่านอ๋องเล่าอยู่ที่ใด”

คนรอบกายพยายามดึงร่างของหยิงหลงฝานออกจากตัวนาง องค์ไทเฮานั่งประทับอยู่ข้างเตียงนาง นอกจากไทเฮาแล้ว ยังมีร่างของหญิงสูงศักดิ์ที่แต่งกายด้วยผ้าปักลายหงส์ปราณีตงดงามจับจ้องมายังใบหน้าของชูเซี่ยด้วยสายตาเศร้าโศก ใบหน้าของนางดูซีดเซียว เส้นพู่ปราณีตที่ห้อยลงมาจากมงกุฎหงส์สีทองสั่นเล็กน้อยตามแรงสั่นของผู้สวมใส่มัน เส้นพู่สั่นกระทบกันจนเกิดเสียง นางค่อยๆพยุงกายลุกขึ้นมองสตรีสูงศักดิ์ตรงหน้า ดวงตาแดงก่ำ น้ำตาค่อยไหลลงมาอาบแก้มของนาง หญิงสาวตรงหน้ามีใบหน้าละม้ายคล้ายคุณแม่ของนางอย่างมาก นางสวมใส่ชุดปราณีตสวยงามปักลายหงส์วิจิตรงดงาม ภายในวังแห่งนี้ คงมีเพียงฮองเฮาเท่านั้นที่แต่งกายเช่นนี้

“เด็กน้อย ลำบากเจ้าแล้ว!” ฮองเฮาเอ่ยกับน้ำด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน“ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ซือหลินเฉินกำลังตามหาตัวเย่นเอ๋ออยู่ เขาจะต้องปลอดภัยกลับมาหาพวกเราอย่างแน่นอน”

ที่ฮองเฮาตรัสออกมาเช่นนี้ ไม่ใช่เพราะต้องการให้ชูเซี่ยรู้สึกวางใจแต่อย่างใด หากแต่นางเชื่อมั่นในตัวบุตรชายของตนมาโดยตลอด โจรภูเขาเพียงหยิบมือ มิอาจทำอันตรายตัวบุตรชายของพระองค์ได้อย่างแน่นอน

แต่สิ่งที่พระองค์ไม่ได้ล่วงรู้ก็คือ ก่อนการปะทะกับกลุ่มโจรภูเขาเหล่านั้น หลี่เฉินเย่นได้สูญเสียพลังลมปราณเกือบทั้งหมดในกายของเขา ดังนั้นเขาที่ต้องเผชิญกับโจรเพียงหยิบมือก็เปรียบได้กับกองโจรเป็นร้อยเลยทีเดียว ยามอยู่บนเขาชูเซี่ยยังไม่ทันได้เอ่ยเรื่องนี้ให้ซือหลินเฉินทราบก็ถูกตีท้ายทอยจนสิ้นสติและส่งตัวกลับวังมาเสียก่อน เหล่าองครักษ์ที่กลับมาพร้อมนางก็ไม่ได้รับรู้ถึงเรื่องราวนี้เช่นกัน ดังนั้นผู้คนในห้องนี้จึงรับรู้เรื่องของหลี่เฉินเย่นเพียงแค่เขาปะทะกับกลุ่มโจรแล้วหายตัวไปเพียงเท่านั้น

ฮองเฮาค่อยๆหันพระพักตร์ทอดพระเนตรไปยังหลิวมี่เหออย่างเยือกเย็น ก่อนจะตรัสออกมา“นางเป็นถึงพี่สาวของเจ้า ได้รับบาดเจ็บกลับมา เจ้าถามก็ไม่ได้ถามถึงอาการของนาง ซ้ำยังลงไม่ลงมือกับพี่สาวของตนเองอีก นี่เป็นสิ่งที่น้องสาวควรกระทำต่อพี่สาวของตนเองงั้นหรือ”

หลิวมี่เหอเป็นห่วงหลี่เฉินเย่นจนลืมไตร่ตรองให้ดีเสียก่อน แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่านางรักท่านอ๋องมากเพียงใดมิใช่หรือ เพราะหากเป็นยามปกติแล้วด้วยนิสัยของนางไม่มีทางที่จะเสียจริตเช่นนี้เป็นแน่

แต่ยามนี้ฮองเฮาผู้มีพระทัยอ่อนโยนเสมอมากลับกล่าวตำหนินางออกมาเช่นนี้ทำให้นางรู้สึกหวาดกลัวยิ่งนัก หญิงสาวย่อกายลงถวายบังคม“หม่อมฉันขออภัยเพคะ คงเป็นเพราะหม่อมฉันตื่นตระหนกจนเกินไปทำให้เสียมารยาทต่อหน้าพระพักตร์เสียได้ ลำบากท่านพี่แล้ว อาการท่านเป็นเช่นไรบ้างเจ้าคะ”ท้ายประโยคนางเอ่ยถามสตรีที่นอนเอยกายอยู่บนเตียง

ชูเซี่ยมองตรงมาที่นาง ก่อนความรู้สึกผิดจะถาโถมเข้ามาในใจของนาง“โหร่วเฟย ข้าขอโทษ เป็นเพราะข้าที่ทำให้ท่านอ๋องต้องเดือดร้อน!” ในใจของนางทราบดีว่าหลิวมี่เหอต่างหากเล่าที่เป็นภรรยาที่แท้จริงของหลี่เฉินเย่น พวกเขารักใคร่กันจากใจจริง หากวันนี้หลี่เฉินเย่นเป็นอะไรไปเพราะช่วยเหลือนางแล้วล่ะก็ การที่นางเอ่ยขอโทษต่อหลิวมี่เหอย่อมเป็นเรื่องที่สมควรอย่างยิ่ง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า