ตอนที่ 122 อยู่นานไม่แก่
เหม่ยเซียงเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้นางรับฟัง “วันคืนวานใต้เท้าเหยียนได้มาโรงละครของเราเพื่อดูการแสดงงิ้ว ตอนนั้นเขาแต่งตัวเหมือนชาวบ้านทั่วไปไม่ได้โดดเด่น คืนนั้นพวกเราเล่นงิ้วที่มีชื่อว่า 《จักรพรรดิ์ล่องแดนใต้》พะย่ะค่ะ เรื่องนี้เป็นละครงิ้วพื้นบ้านที่มีชื่อเสียงมากอีกทั้งพวกข้าก็แสดงมาหลายต่อหลายครั้งแล้วก็ไม่เคยเกิดปัญหาสักครั้งอีกทั้งผู้ชมต่างก็ชื่นชอบกันมาก แต่ทว่าวันนั้นตอนที่พวกข้ากำลังแสดงกันอยู่นั้นก็มีทหารกลุ่มหนึ่งเข้ามาและบอกว่าโรงละครของข้าแสดงละครล้อเลียนหมิ่นเบื้องสูงมีโทษร้ายแรงจากนั้นก็จับกุมทุกคนในโรงละครคุมขังทั้งหมดทั้งยังมีโทษประหารเก้าชั่วโคตร คนที่ร้องขอความเมตตาก็ถูกนำตัวไปโบยจนตาย และในตอนนั้นเองที่ใต้เท้าเหยียนเข้ามาและยื่นข้อเสนอให้แก่ข้า หากข้าทำก็จะยอมไว้ชีวิตแต่หากไม่แล้วละก็จะถูกประหารเก้าชั่วโคตรไร้ทายาทสืบทอดตระกูลอีกต่อไป ข้าน้อยไร้ทางเลือกทำได้เพียงตอบตกลงรับข้อเสนอเท่านั้น ก็เพราะเช่นนี้ข้าจึงถูกนำตัวเข้าวังและเรื่องราวต่อจากนั้นพระสนมก็คงทราบแล้ว”
ชูเซี่ยขมวดคิ้ว “มีเรื่องบ้าๆเช่นนี้จริงหรือ”
เหม่ยเซียงคุกเข่าโขกศีรษะลงกับพื้นแรงๆจากนั้นก็เงยหน้าทั้งน้ำตา “ขอพระสนมทรงช่วยเหลือทุกคนในโรงละครงิ้วของข้าน้อยด้วยเถิด พวกเราไม่ได้ตั้งใจกระทำผิดจริงๆพะย่ะค่ะ!”
ชูเซี่ยทอดสายตามองชายหนุ่มตรงหน้าที่ข้อร้องอ้อนวอน หัวใจของนางเกิดความสงสาร เกรงว่ายามนี้ทุกคนในโรงละครนั่นก็คงถูกฆ่าปิดปากไปจนหมดแล้วกระมัง เรื่องสกปรกเช่นนี้คนพวกนั้นก็คงไม่ยอมเหลือหลักฐานไว้ให้คนสืบทอดไปถึงตัวได้อยู่แล้ว
นางมอบหมายให้เชียนซานออกไปสืบเรื่องราวให้กระจ่าง และในวันต่อมาเชียนซานก็หาเบาะแสได้และนำกลับมาบอกนาง “คนพวกนั้นถูกฆ่าปิดปากหมดแล้วเจ้าค่ะ ศพของพวกเขาก็ถูกนำไปทิ้งที่สุสานไร้ญาติแล้ว เกรงว่าตอนนี้แม้จะหาโครงกระดูกกลับมาก็ยังยากนัก”
ชูเซี่ยให้เชียนซานเป็นคนส่งเหม่ยเซียงออกจากวังและคอยดูแลความปลอดภัยให้กับเขา
ชูเซี่ยร้อนรนเสียจนนั่งไม่ติดเก้าอี้ ฮ่องเต้ในยามนี้บ้าคลั่งไร้สติ เพียงเพื่อต้องการตัดอำนาจของหลี่เฉินเย่นพระองค์ถึงกลับกล้าลงไม้ลงมือกับฮองเฮาซึ่งเป็นภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากของพระองค์ หรือแม้กระทั่งวางแผนการสกปรกเช่นนี้ออกมาได้
นางเดินทางไปพบท่านอ๋องเก้าด้วยตนเองแต่ทว่าอ๋องเก้ากลับวางท่าเรียบเฉย “ต่อไปเจ้าก็จะเห็นเรื่องราวสกปรกพวกนี้มากขึ้นและชินไปเอง”
ชูเซี่ยรู้ดีว่าชายหนุ่มตรงหน้าไม่ใช่คนที่จะเป็นกระต่ายตื่นตูมเช่นนาง หฯงสาวขมวดคิ้วอย่างไม่ชอบใจ “แต่ก็ไม่อาจทนนั่งมองเฉยๆได้นี่นา!”
อ๋องเก้ามองหน้านางอย่างมีความหมาย “ตอนที่เจ้าควรกังวลที่สุดก็คือตอนที่สามแม่ทัพใหญ่นำกองทัพทหารเดินทางกลับเมืองหลวงจะดีกว่า วันนั้นจะต้องมีละครฉากเด็ดให้ดูแน่”
“ท่านหมายความว่าอย่างไร” หัวใจของชูเซี่ยเต้นแรง “ท่านไปดูอะไรมากันแน่”
อ๋องเก้าเอ่ย “กองทัพนำชัยชนะกลับมาได้ สร้างคุณงามความดีใหญ่หลวง ฮ่องเต้ทรงโปรดจัดงานเลี้ยงต้อนรับเป็นการส่วนตัว ส่วนจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นนั้นข้าว่าเจ้าย่อมเดาได้ไม่ยาก”
ชูเซี่ยนิ่งอึ้ง “ท่านกำลังจะบอกข้าว่าพระองค์จะวางยาพิษลงในสำรับอาหารหรือ”
“ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ไม่ใช่หรือ!” อ๋องเก้ากล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง
ชูเซี่ยส่ายหน้า “มันจะไม่โจ่งแจ้งไปงั้นหรือ!”
“โจ่งแจ้ง! เรื่องมาถึงตอนนี้ยังมีอะไรที่พระองค์ไม่กล้าทำอีกหรือ” อ๋องเก้าเอ่ยเย้า
“เรื่องนี้ท่านราชครูนำความมาบอกท่านหรือเจ้าคะ พระองค์ต้องการจะสังหารโอรสของตนเองงั้นหรือ” หัวใจของชูเซี่ยเต้นระส่ำเพราะความโกรธที่ตีตื้นขึ้นมา
“พระองค์เองก็วางยาพิษเปิ่นหวาง แต่ก็ไม่ได้สังหารเปิ่นหวางเสียหน่อย” อ๋องเก้าเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
ชูเซี่ยเข้าใจแล้ว พระองค์ต้องการใช้แผนสกปรกในการจัดการและควบคุมหลี่เฉินเย่นและหลี่อวิ่นกังนั่นเอง
“ถ้าเป็นเช่นนั้นพระองค์ก็ไม่ต่างอะไรกับการสัตว์หรอกนะเจ้าคะ” ชูเซี่ยกล่าวอย่างโกรธแค้น
“ต่างสิ สัตว์มันไม่ฆ่าลูกตัวเองแต่พระองค์ฆ่า เจ้าเคยได้ยินเรื่องขององค์ชายรองหรือไม่” องค์เก้านั่งลงบนเก้าอี้ มือหนาที่วางอยู่บนเข่าบีบแรงจนขึ้นเส้นเลือด
ชูเซี่ยส่ายหน้า “องค์ชายรอง? ข้าไม่เคยพบเขามาก่อนเลยเจ้าค่ะ!”
“เจ้าย่อมไม่เคยพบเขาอยู่แล้วเพราะว่าตั้งแต่เขายังเด็กก็ถูกพ่อตัวเองสังหารไปแล้วน่ะสิ ปีนั้นเพียงเพราะข่าวลือฮ่องเต้ถึงกับลงมือสังหารเขาได้ลงคอ และสิ่งที่น่าขำที่สุดก็คือเขาเป็นแค่เด็กปัญญาอ่อนคนหนึ่งด้วยซ้ำ!” อ๋องเก้าส่ายศีรษะพลางถอนกายใจออกมา “เด็กน้อยที่น่าสงสาร ยังเป็นแค่เด็กไร้เดียงสาเท่านั้นกลับต้องมาตายเพราะความผิดที่ตนเองไม่ได้ก่อด้วยซ้ำ!”
ชูเซี่ยตกตะลึง ฆ่าบิดาเพื่อแย่งชิงบัลลังก์ทั้งยังฆ่าโอรสของตนเองเพื่อรักษามัน พระองค์ทรงเป็นฮ่องเต้ที่นางรู้จักจริงๆน่ะหรือ นางนึกมาตลอดว่าพระองค์ทรงเป็นสุภาพบุรุษ เป็นบิดาที่ประเสริฐ ที่มาผ่านทั้งหมดนั้นเป็นเรื่องหลอกลวงเท่านั้นหรือ
ชูเซี่ยรู้นิสัยของอ๋องเก้าดี อ๋องเก้าไม่มีทางพูดจาลอยๆออกมาหากไม่มีมูล และคนที่นำเรื่องนี้มาบอกก็คงจะไม่แคล้วเป็นท่านราชครู ท่านราชครูเป็นผู้ที่ฝ่าบาททรงไว้วางพระทัยมากที่สุด ไม่ว่าจะทรงทำเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ก็ล้วนมาขอคำปรึกษากับท่านราชครูทั้งสิ้น
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับฮองเฮาผ่านมาได้สองวันแล้ว ฝ่าบาทเองก็ไม่ได้มาเยือนที่ตำหนักฉ่ายเหว่ยอีกเลย จนกระทั่งมีข่าวว่าอีกเจ็ดวันกองทัพก็จะเดินทางมาถึงเมืองหลวงแล้ว
หลังจากมีข่าวเช่นนี้ออกมาฮ่องเต้ก็ทรงเสด็จมาเยือนทันที ยามที่ชูเซี่ยเห็นฝ่าบาทในรอบหลายวันมานี้นางก็รู้สึกว่าพระองค์ทรงผ่ายผอมลงมากเหลือเกิน ดวงตาเลื่อนลอยทั้งยังมีรอยคล้ำใต้ตา ผิวหนังก็เหลืองซีด ริมฝีปากก็มีรอยช้ำ เมื่อนางได้สติก็รีบย่อกายถวายพระบังคมทันที “ถวายบังคมเพคะฝ่าบาท!”
ฮ่องเต้ทรงเสด็จไปนั่งที่ตั่งยาวข้างหน้าต่าง จากนั้นก็หันมาทอดพระเนตรชูเซี่ย นานทีเดียวจึงจะตรัสขึ้น “เราดูแก่ลงไปมากใช่หรือไม่”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า
ฉากนี้คือ..เจ็บหัวใจ😭😭😭...