ชายาเกิดใหม่ของข้า นิยาย บท 123

ตอนที่ 123 ยกทัพกลับ

หรงเฟยเห็นว่าบัดนี้หลิงกุ้ยเฟยติดกับของนางเข้าเต็มเปาก็แสร้งเอ่ยเสียงให้เบาลง “เรื่องนี้ผู้คนที่อยู่นอกวังต่างก็รู้กันทั้งนั้น ได้ยินมาว่าตอนที่ทำพิธีศพให้อดีตแม่ทัพจูนั้นมีผู้คนมากมายเห็นพวกเขาแตะเนื้อต้องตัวทั้งยังมีการโอบกอดกันท่าทางสนิทสนมกันยิ่งนัก ตอนนั้นทุกคนต่างก็คิดว่านางคงจะเป็นว่าทีฮูหยินของจูฟางหยวนเป็นแน่ แต่ผู้ใดจะคาดคิดว่าจู่ๆนางกลับมาถวายตัวเข้าวังหลวงเสียนี่ทั้งยังได้เป็นถึงหวงกุ้ยเฟยอีกด้วย หากหญิงสาวผู้นั้นเป็นหญิงสาวบริสุทธิ์อยู่ในจารีตประเพณีก็แล้วไปเถิด แต่นี่นางกลับเป็นหญิงสาวที่ผ่านมือชายมาแล้ว ก่อนหน้านี้ลูกอวิ่นกังของข้าเกือบจะแนะนำให้เขาเข้าวังมาเป็นหัวหน้าองครักษ์แล้ว มาตอนนี้ช่างโชคดีเหลือเกินที่ไม่ได้แนะนำให้เขาเข้ามา ไม่เช่นนั้นหากเกิดเรื่องบัดสีบัดเถลิงขึ้นในวังย่อมไม่ดีแน่ หากฝ่าบาททรงคาดโทษลงมาเกรงว่าลูกอวิ่นกังของข้าก็คงจะต้องโทษไปด้วยอีกคน!”

หลิงกุ้ยเฟยได้ยินเช่นนั้นก็ใจเต้นแรงด้วยความตื่นเต้น นางหันมามองใบหน้าของหรงเฟยอย่างเต็มตาก่อนจะเอ่ยถามเสียงอ่อนหวาน “บุตรชายบุญธรรมอขงอดีตแม่ทัพวรยุทธเป็นอย่างไร”

หรงเฟยทำหน้าครุ่นคิดก่อนจะตอบ “ข้าไม่รู้หรอก ข้าไม่เคยพบเขามาก่อน แต่ว่าอดีตแม่ทัพจูเป็นแม่ทัพที่วรยุทธแก่กล้าทั้งยังมีกำลังภายในสูงส่ง คาดว่าบุตรชายบุญธรรมก็คงไม่ทิ้งห่างจากบิดามากนักหรอก”

หลิงกุ้ยเฟยจึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง “บัดนี้ฮ่องเต้กำลังต้องการบุคคลที่มีความสามารถ ถ้าในเมื่อบุตรชายบุญธรรมของอดีตแม่ทัพจูเป็นคนมากด้วยความสามารถเช่นนั้นก็ควรจะเสนอเข้ามาให้ทำงานรับใช้ในวังหลวงจึงจะดี อีกอย่าง ข่าวลือภายนอกอย่างไรเสียก็เป็นเพียงแค่ข่าวลือไม่มีหลักฐานเสียหน่อย แค่พวกเราไม่เชื่อก็พอแล้วนี่เจ้าคะ อีกอย่างหนึ่งหากว่าเขามีความสัมพันธ์ชู้สาวกับหวงกุ้ยเฟยจริงถ้าเช่นนั้นก็เท่ากับว่าเขาเป็นผู้ไม่รู้จักบุญคุณคน ทำเรื่องผิดพลาดลงไปก็ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเรานี่เจ้าคะ แต่หากว่าเขาซื่อสัตย์ต่อฝ่าบาทแล้วล่ะก็ในภายภาคหน้าก็จะเป็นกำลังสำคัญต่อฝ่าบาทของพวกเราอย่างแน่นอน”

หรงเฟยลองไตร่ตรองคำพูดของหลิงกุ้ยเฟยอยู่สักพัก “ที่กุ้ยเฟยกล่าวมาก็มีเหตุผล แต่ทว่าข้าก็ไม่อยากกวนน้ำให้มันขุ่น เรื่องรักๆใคร่ๆของนางก็หาได้เกี่ยวอันใดกับพวกเราไม่ อีกอย่างพวกเรารักใคร่เพียงฝ่าบาทแต่เพียงผู้เดียวแต่ผู้อื่นจะคิดเช่นนั้นหรือไม่ก็ไม่อาจทราบได้”

ฉินเฟยทำหน้าน่วคิ้วขมวด “ต่อให้เป็นเพียงข่าวลือก็ไม่ควรแนะนำให้เข้ามาในวังเป็นดีที่สุด หากวันหน้าเกิดเรื่องผิดพลาดอะไรขึ้นและฝ่าบาททรงคาดโทษขึ้นมาพวกเราก็คงจะโดนผลกระทบกันหมด”

หลิงกุ้ยเฟยส่ายศีรษะอย่างไม่เห็นด้วย ใบหน้างดงามสราญโฉมฉายแววร้ายกาจก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ที่พี่ฉินเฟยพูดมานับไม่ไม่ถูกต้องนัก ตำแหน่งองครักษ์ในวังหลวงเป็นหน้าที่ที่สำคัญยิ่งนัก หากเราได้คนมีฝีมือเข้ามารับใช้แล้วล่ะก็ย่อมทำให้วังหลวงปลอดภัยขึ้นไม่น้อย อีกอย่างเรื่องราวก็อาจไม่เป็นดังเช่นที่พี่หรงเฟยพูดก็ได้นะเจ้าคะ ดูอย่างไรหวงกุ้ยเฟยก็ดูไม่น่าจะเป็นสตรีเช่นนั้นได้เลยไม่เช่นนั้นฝ่าบาทก็คงไม่รับนางเข้ามาในวังหรอกเจ้าค่ะยิ่งฝ่าบาทเป็นผู้ปรีชาสามารถถึงเพียงนี้ด้วยแล้ว หากนางเป็นสตรีโฉมสคราญก็ว่าไปอย่าง ถ้าเป็นเช่นนั้นต่อให้นางไม่ใช่หญิงบริสุทธิ์ก็คุ้มค่าที่ฝ่าบาทจะแย่งมาครอบครอง แต่นี่รูปโฉมนางก็นับว่าธรรมดายิ่ง เมื่อลองคิดดูอย่างถี่ถ้วนแล้วแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่นางและจูฟางหยวนจะมีความสัมพันธ์ชู้สาวกันได้”

ฉินเฟยทำหน้าครุ่นคิด “ที่กุ้ยเฟยกล่าวมาก็มีเหตุผล แต่ทว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่เราควรสอดมือเข้าไปยุ่งเสียหน่อย พวกเราก็อย่าได้สนใจเลย เลิกคุยเรื่องนี้เถิด จริงสิ ได้ยินมาว่าฮองเฮาทรงประชวรอยู่หลายวัน ข้าไปเข้าเฝ้าก็ทรงไม่ยอมออกมาพบ ไม่รู้ว่าป่านนี้อาการประชวรของพระองค์จะเป็นเช่นไรแล้วบ้าง”

สีหน้าของหรงเฟยก็ฉายแววกังวลขึ้นมา “น่าจะเป็นผลมาจากการที่รื้อค้นตำหนักเมื่อหลายวันก่อน วังหลังสงบสุขดีอยู่แล้วแท้ๆแต่กลับเกิดเหตุผู้บุกรุกเข้ามาเสียนี่ ผู้ใดบ้างจะไม่กลัว? แต่ไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงไปหรอก พระวรกายของฮองเฮาดีขึ้นแล้ว พักผ่อนให้มากหน่อยไม่กี่วันก็หายดี”

ฉินเฟยเอ่ยอย่างสงสัย “เป็นเช่นนั้นก็ดียิ่งนัก! พูดแล้วก็น่าแปลก ข้าลองไปถามเหล่าข้าหลวงในวังดูแล้วก็ไม่มีผู้ใดพบเห็นผู้บุกรุกกันสักคน หาอย่างไรก็หาไม่พบ ไม่รู้ว่ามันไปหลบซ่อนอยู่ที่ใดกันแน่”

หรงเฟยเอ่ยกัดฟัน “ไม่มีผู้บุกรุกอะไรทั้งสิ้นนั่นล่ะ ข้าแอบได้ยินมาว่ามีผู้พบเห็นสาวใช้ข้างกายหวงกุ้ยเฟยที่ชื่อเชียนซานแอบส่งผู้ชายคนหนึ่งออกจากวังไป เป็นไปได้ว่าอาจเป็นชายชู้ที่นางลักลอบเข้ามาในวังเสียมากกว่า”

ฉินเฟยทำหน้าตกตะลึง “นั่นจะไม่ประเจิดประเจ้อไปหรือ นี่มันเกินไปกระมัง”

หรงเฟยตอบโต้ทันที “เชียนซานส่งชายหนุ่มผู้หญิงออกจากวัง ข้าว่าข่าวลือนี้อาจเกี่ยวข้องกับการที่ฮ่องเต้ทรงกักบริเวณนางกระมัง แน่นอนว่านี้เป็นเพียงแค่การคาดเดาของข้าเท่านั้น เรื่องจริงเป็นเช่นไรข้าก็ไม่รู้”

หลิงกุ้ยเฟยขมวดคิ้ว “หากเป็นเช่นที่พี่หรงเฟยกล่าวมาจริงๆแสดงว่าผู้ชายคนนั้นต้องเป็นชายชู้ของหวงกุ้ยเฟยแน่แล้ว! รู้ทั้งรู้ว่าลักลอบนำคนนอกเข้าวังมีโทษถึงตายแต่ชายชู้ผู้นั้นก็ช่างขวัญกล้าเหลือเกิน หากไม่ใช่ว่ารักฝังจิตฝังใจเขาย่อมไม่ทันเช่นนั้นแน่!”

อารมณ์ของฉินเฟยเริ่มขุ่นมัวขึ้นมาบ้างแล้ว นางกล่าวอย่างโกรธแค้น “ในเมื่อนางเองก็เข้าวังมาแล้วต่อให้รักใคร่กันลึกซึ้งเพียงใดก็ไม่ควรลักลอบพบกันถึงในวังหลังไม่ใช่หรือ หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไปพวกเราจะชาววังจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนได้อีก!”

หรงเฟยพิจารณาสีหน้าท่าทีของหลิงกุ้ยเฟ้ยก็รู้ว่าอีกฝ่ายหลงกลนางและชูเซี่ยเข้าแล้ว นางลุกขึ้นยทนก่อนจะสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ ดวงตามองไปที่แสงแดดสดใสภายนอก “เรื่องของผู้อื่น พวกเราก็อย่าได้สนใจอีกเลย วันนี้อากาศดีเหลือเกินออกไปเดินเล่นกันดีหรือไม่!”

หลิงกุ้ยเฟยส่ายหน้าปฎิเสธทันที “ไม่ล่ะ วันนี้ข้ารู้สึกไม่ค่อยสบายเท่าใดนักอยากจะพักสักหน่อย พี่สาวทั้งสองก็ไปเดินเล่นกันสองคนเถิดเจ้าค่ะ!”

ฉินเฟยได้ยินเช่นนั้นก็ลุกขึ้น “ถ้าเช่นนั้นกุ้ยเฟยก็พักผ่อนเถิด พวกเราไม่กวนแล้วล่ะ!”

หลิงกุ้ยเฟ้ยให้นางกำนัลไปส่งทั้งสองคนออกจากตำหนัก ดวงตาที่อ่อนหวานกลับแปรเปลี่ยนเป็นร้ายกาจทั้งยังมีประกายเย็นยะเยือกอยู่ในนั้นก่อนจะค่อยๆผุดรอยยิ้มเจ้าเล่ห์

คืนนั้นก็เป็นอีกคืนที่ฮ่องเต้ทรงเลือกป้ายตำหนักของหลิงกุ้ยเฟย

หลังจากที่ผ่านพ้นช่วงอารมณ์แห่งความสุขสมไปแล้ว ร่างบอบบางของหลิงกุ้ยเฟยก็อิงแอบแนบชิดอยู่บนพระวรกายของฮ่องเต้ หญิงสาวเอ่ยออดอ้อนเสียงหวาน “ฝ่าบาทเพคะ หม่อมฉันได้ยินมาว่าอดีตแม่ทัพจูมีบุตรชายบุญธรรมอยู่ผู้หนึ่งใช่หรือไม่เจ้าคะ”

แม้พระเนตรของฝ่าบาทจะทรงปิดอยู่แต่พระองค์ก็ตอบรับนาง “ใช่ ทำไมหรือ”

หลิงกุ้ยเฟยจึงเอ่ยต่อ “อดีตแม่ทัพจูเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่มีคนนับหน้าถือตามากมาย จนเมื่อเขาเสียไปแล้วทุกคนก็ยังให้ความเคารพนับถือบุตรบุญธรรมของเขาด้วยเช่นกัน ฝ่าบาทเพคะ ยามนี้ในวังหลวงเกิดเรื่องราวมากมายนัก เมื่อเป็นเช่นนั้นพระองค์ก็ให้บุตรชายบุญธรรมของอดีตแม่ทัพจูเข้าวังเป็นหัวหน้าองครักษ์ในวังหลวงดีหรือไม่เพคะ ข้อแรกเพื่อให้เขาแสดงความจงรักภักดีต่อพระองค์ ข้อสองก็เพื่อเอาชนะใจผู้คนที่ยังอยู่ฝ่ายของอดีตแม่ทัพจูอีกด้วยเพคะ!” ครานี้ฝ่าบาททรงลืมพระเนตรขึ้นทั้งยังยกศีรษะขึ้นเล็กน้อย ทอดพระเนตรมองมาที่หลิงกุ้ยเฟย “เหตุใดจึงกล่าวเรื่องนี้ขึ้นมาเล่า”

“หม่อมฉันทราบมาว่าระยะนี้ฝ่าบาททรงวิตกกังวลเรื่องงานบ้านงานเมืองมากมาย เมื่อสามวันก่อนท่านพ่อของหม่อมฉันเข้ามาในวังและได้พูดคุยถึงเรื่องราวความยิ่งใหญ่เกรียงไกรของอดีตแม่ทัพจู เมื่อหม่อมฉันได้ยินก็รู้สึกยกย่องนับถือยิ่งนักที่แผ่นดินของเรามีพยัคฆ์ที่ยิ่งใหญ่และน่าเกรงขามถึงเพียงนี้ หม่อมฉันคิดว่าอดีตแม่ทัพจูเองก็คงจะอบรมสั่งสอนบุตรชายของตนได้ออกมาดีมากแน่เพคะ หากมีคนมากความสามารถถึงเพียงนี้แต่เราไม่ยอมนำกำลังของเขามาใช้เพื่อดินแดนของเราก็ช่างน่าเสียดายแทนอดีตแม่ทัพจูเหลือเกินเพคะ มันคงจะดีหากว่าพระองค์นำสิ่งที่มีอยู่มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดนะเพคะ”

ฮ่องเต้ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง พระพักตร์ของพระองค์ก็ค่อยๆแย้มสรวลออกมาทั้งยังเอื้อมพระหัตถ์ออกไปลูบไล้กรอบหน้างามของหญิงสาวในอ้อมแขน “คงมีแต่สนมรักที่เข้าใจเรา!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า